ของขึ้นราคาไม่พัก ชาวเน็ตประสานเสียง "ต้องประหยัด" เเบบนี้แล้วจริง ๆ
ชาวเน็ตประสานเสียงของเเพง ค่าเเรงเท่าเดิม "ต้องประหยัด" เท่านั้นคือทางรอด ไม่น่าเชื่อบางคนเลิกซื้อน้ำดื่มนอกบ้านแล้ว
"ต้องประหยัด" เท่านั้นคือทางรอด กลายเป็นโพสต์ที่มี "ชาวเน็ต" เข้ามาร่วมเเสดงความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าของเเพงขึ้นจริงๆ จึงถึงเวลาที่ต้องตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นแล้ว เมื่อข้าวของ พร้อมใจกันขึ้นราคา เเต่ค่าเเรงเท่าเดิม โดยชาวเน็ตได้ตั้งกระทู้ไว้ว่า คงถึงเวลาที่ต้องประหยัดแบบจริงจัง เพราะค่าครองชีพสูงมาก จะหวังให้คนโน้นคนนี้มาช่วย อย่าคิดแบบนั้นเลย การช่วยมันก็มีขีดจำกัดของมัน สุดท้ายต้องยอมรับความจริง
ตอนนี้ต้องถามตัวเองว่า สิ่งไหนที่ฟุ้งเฟ้ออยู่บ้าง เอาออกไปให้หมด แอปซื้อของออนไลน์เอย บัตรรูดซื้อของเอย คงต้องยับยั้งชั่งใจสุด ๆ รถยนต์ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ จะไม่เอาออกมาขับเลย แต่ขับไปทำงานไกล ๆ มันก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องใช้ อาหารการกินในครัว น้ำมันพืช ราคาพุ่งมาก ก๊าซหุงต้มและวัตถุดิบต่าง ๆ ก็คือกัน ค่าไฟฟ้าก็มีการปรับขึ้น สุดท้ายก็ต้องจบที่คำว่า ประหยัด เท่าที่จะทำได้ เท่านั้น เท่านั้นจริง ๆ
หลังโพสต์ถูกเเชร์ออกไป เห็นได้ว่าตอนนี้ผู้คนต้องปรับการใช้ชีวิต ในเมื่อเพิ่มรายได้ไม่ได้ ก็ต้องลดรายจ่าย
เช่นกรณีชาวเน็ตรายนี้เธอบอกว่า ตอนนี้ต้องทำงานที่บ้าน อยู่กับพี่สาว ใช้วิธีทำกับข้าวแกงหม้อเดียว กินตั้งแต่เช้าถึงเย็น ผักผลไม้ ก็มีญาติ ๆ เอามาฝากเป็นระยะ ของที่ปลูกเองก็มีบ้าง ไปไหนใกล้ ๆ ก็หันมาใช้จักรยาน
ขณะที่อีกราย บอกว่า ถ้าทำอาหารกินเอง จะประหยัดได้เยอะมาก เพราะในตลาดสด มีของถูกเพียบ ถ้าชอปเป็นจึงไม่ค่อยกระทบกับของแพง
นอกจากนี้ บางรายต้องปรับพฤติกรรมการกิน โดยดื่มกาแฟชงเอง น้ำเปล่าไม่ซื้อในร้านสะดวกซื้อมานานแล้ว ใช้วิธีเติมมาจากในบ้าน หรือ ที่ทำงาน ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า มีหลายคนเลิกซื้อน้ำขวดข้างนอกบ้านมานานเเล้ว โดยบางคนใช้วิธีว่าเวลาออกไปไหนก็ติดขวดน้ำเล็ก ๆ ใส่น้ำไปด้วย
บางคนบอกว่า การหันมาใช้ชีวิตแบบประหยัดจริงจัง เริ่มทำตั้งแต่สถานการณ์โควิดรอบ 2 แล้วทำแล้วรู้สึกดีมาก หรือบางคนกลับบอก การไม่มีเพื่อนกินข้าว นี่เเหล่ะทำให้ใช้เงินน้อยลงจริง ๆ
ซึ่งมีความคิดเห็นหนึ่ง ได้เเชร์ไว้ว่า ในวิกฤติเช่นนี้ ทางแก้มีแค่ 2 ทางคือ
1. ลดค่าใช้จ่าย
2. เพิ่มรายได้
อ่านกระทู้เต็มคลิก