เด่นโซเชียล

"ร้านบุฟเฟต์" มีกำไรจากไหน มาช่วยกันวิเคราะห์หลังเกิดดราม่า "ดารุมะ ซูชิ"

"ร้านบุฟเฟต์" มีกำไรจากไหน มาช่วยกันวิเคราะห์หลังเกิดดราม่า "ดารุมะ ซูชิ"

20 มิ.ย. 2565

ดราม่า "ดารุมะ ซูชิ" ทำชาวเน็ตสงสัย "ร้านบุฟเฟต์" หมูกะทะ ปิ้งย่าง มีกำไรจากไหน  พร้อมขอคำเเนะนำเมนูอะไร จะทำให้ลูกค้าอิ่มไวขึ้น

รวมคอมเมนต์ ชาวเน็ต ช่วยกันวิเคราะห์ "ร้านบุฟเฟต์" ร้าน หมูกะทะ ร้านปิ้งย่าง มีกำไรจากไหน หลังจากเกิดดราม่า มีผู้เสียหายจาก ร้านบุฟเฟต์ เเซลมอน "ดารุมะ ซูชิ" ที่เปิดขายคูปองบุฟเฟต์ราคา 199 บาท สวนทางราคาต้นทุนวัตถุดิบ มีผู้เสียหายรวมแล้วนับร้อยล้านบาท ทำให้ชาวเน็ตเกิดการตั้งถำถามอีกครั้งว่า ร้านอาหารประเภท ร้านบุฟเฟต์ ร้านหมูกะทะ ร้านปิ้งย่าง มีกำไรจากไหน ซึ่งจากการรวบรวมสิ่งที่ชาวเน็ตช่วยกันวิเคราะห์ทั้งจากประสบการณ์ ในการธุรกิจที่เกี่ยวข้องและหลักการตลาด ต้นทุน กำไร พอจะสรุปออกเป็นข้อ ๆ ได้ประมาณนี้

 
1. ต้นทุนวัตถุดิบต้องซื้อมาในราคาถูก

2. ต้องสั่งซื้อวัตถุดิบในปริมาณมากๆ จะทำให้ราคาต้นทุนต่อกิโลกรัมถูกลง ถูกกว่าซื้อราคาปลีกทั่วไป

3. ปริมาณอาหารที่ลูกค้ากินเข้าไป ใน 10 คน อาจจะมีคนกินเยอะเเค่ 2 คน ซึ่งนั่นก็คือกำไร 

4. โดยเฉลี่ยแล้ว 1 คน กินเนื้อสัตว์มากสุดประมาณ 500 กรัมก็จุกแล้ว บางคนได้เต็มที่1กิโลกรัม

5. ของทานเล่นและน้ำดื่ม ทำให้ลูกค้ากินเนื้อสัตว์ลดลง 

6. ขนาดของเตา และเวลามีผลต่อปริมาณอาหารที่ลูกค้ากินเข้าไป
 

"ของที่เขามาให้เรากิน ถ้าซื้อปริมาณมากหน่อย ราคาต่อ กก. มันก็ถูกลงเยอะ และผมว่าต่อคนนะ กินได้อย่างมากก็ไม่ถึง 2 กก. หรอก ไหนจะเครื่องดื่มอีก กินก็เฉลี่ยน 3 แก้วต่อคนอะ แบบนี้ ยังไงเขาก็มีกำไร ถ้าขาดทุนเจ๊งไปนานแล้วครับ" 


"ใน 10 คนจะมีคนกินเยอะซัก 2 คน 2 คนนั้นร้านเองก็ยังน่าจะได้กำไร อาจน้อยแต่นั้นเอง"


"ก็คุณภาพตามราคามั้งคะ แล้วขายถูกก็ขายง่ายกว่าขายแพง ของหมดสม่ำเสมอ ไม่เหลือทิ้ง พวกร้านขายแพง สั่งของสดทุกอย่างมารอแขก ถ้าแขกน้อยของเสียไปเรื่อย ๆ ก็ขาดทุนได้เหมือนกัน"

 

"หลักการของหมูกะทะ หรือร้านบุฟเฟต์ คือ ในเมื่อรายรับต่อหัวไม่สามารถเพิ่มได้ (จริงๆก็เพิ่มได้ แต่ยาก อย่างบางร้านก็มีเมนูพิเศษให้สั่งเสียเงินเพิ่ม)  ดังนั้นร้านต้องพยายามบริหารต้นทุนให้ดีที่สุดครับ   ยิ่งบริหารต้นทุนได้ดีเท่าไร กำไรก็จะไปอยู่ที่ตรงนั้น และต้องมองว่าร้านพวกนี้เค้าซื้อเนื้อซื้อผักในปริมาณมาก ดังนั้นเค้าก็มีอำนาจต่อรองในการซื้อสินค้าที่ถูกกว่าการซื้อปลีกทั่วไปครับ อย่างร้านที่ยิ่งมีสาขาเยอะ ก็ยิ่งมีโอกาสซื้อวัตถุดิบได้ถูกลงครับ

"เฉลี่ยแล้ว 1 คน กินเนื้อสัตว์มากสุดประมาณ 500 กรัมก็จุกแล้ว


"เคยซื้อแบบชั่งกิโลมากิน กินได้เต็มที่1กิโลเท่านั้น"


"ในฐานะที่เป็นพนักงานร้านปิ้งย่างแห่งหนึ่ง ความเห็นส่วนตัว เนื้อหรือหมูที่เอามาสไลด์บาง ๆ ก้อนละไม่กี่บาท ก้อนนึงสไลด์ได้ประมาณ 50-100 ถาด 1 คนทานไม่กี่ถาดก็อิ่มแล้ว มากสุดคนนึงที่เห็น ไม่เกิน 3-7 ถาด อิ่ม เฉลี่ยถาดนึงประมาณ 9 ชิ้น หรือ 3-4 ชิ้น และก็ค่าน้ำ ยิ่งร้านไหนมีเครื่องทำน้ำแข็งเอง ก็กำไรแล้ว"


"เตาเล็ก ถ่านไม่แรง อาหารสุกช้า กินยาก เสียเวลาแกะ อาหารสำเร็จมีน้อย ที่สำคัญ เวลาแค่ชั่วโมงครึ่ง มันน้อยเกินไป"  


"สำหรับผม กุ้งแม่น้ำ 50 ตัว ปูม้า 4 ตัว ปลาหมึก 6 ตัว ทานใน 2 ชั่วโมงคนเดียวถือว่าคุ้ม เคล็ดลับคือต้องไปทานคนเดียว และเตรียมพัดไปด้วย ย่างเสร็จ 2 รอบแล้วค่อยแกะทาน  โต๊ะนึงห้ามเกิน 2 คน  มา 3 คนเมื่อไหร่ร้านจะได้กำไรทันที  เว้นแต่ว่าจะผลัดกันย่างผลัดกันกิน"


"เตาย่างที่เล็กมาก พวกกุ้งปูกว่าจะสุกทานได้ ใช้เวลาค่อนข้างนานครับ"


"แต่เท่าที่สังเกตุ บุฟเฟ่ต์ซีฟู้ด ส่วนใหญ่ กุ้งกับปู ไม่เคยมีให้กินตลอดเวลา ต่างกับหมูกับผัก มีตลอดไม่เคยหมด กุ้งมักจะออกเป็นรอบ ๆ แป๊บเดียวหมด บางครั้งรอรอบถัดไปนานเหลือเกิน ระหว่างรอกุ้ง ก็กินอย่างอื่นไปก่อน กว่ากุ้งจะมา อิ่มไปครึ่งท้องแล้ว คิดว่านี่เป็นเทคนิคอย่างหนึ่ง ทำให้มีกำไรนะ"


ขณะที่ มีชาวเน็ตที่สนใจอยากทำธุรกิจเปิด ร้านบุฟเฟต์ เข้ามาหาข้อมูลและเคล็ดลับในการลดต้นทุน เเต่เพิ่มกำไรให้กับธุรกิจ ซึ่งเธอสนใจอยากเปิด ร้านบุฟเฟ่ต์ ราคา 159 บาท รวมน้ำ เน้นหมู จึงอยากรู้ว่าเมนูของทานเล่น จะเลือกเป็นอะไรดี ให้ได้กำไร ลูกค้าอิ่มไว ๆ 

 

คำเเนะนำที่ได้กลับมา คือ ซูชิ เพราะเป็นข้าวจะทำให้หนักท้อง นอกจากนี้ จะเป็นเมนูอย่าง เฟรนซ์ฟราย ของทอด กุ้งโดนัท ไก่ทอด ข้าวเหนียว น้ำอัดลม น้ำซุปโซเดียมเยอะหน่อย เพื่อจะได้ดื่มน้ำเยอะ ๆ รวมถึงเเเนะนำให้ เปิดโต๊ะส้มตำให้ลูกค้าตำกินเอง