เด่นโซเชียล

"หมอหนุ่ม" เจ้าของเพจ สู้ดิวะ อัปเดตรักษา มะเร็งปอด ในวันที่วิ่งได้

"หมอหนุ่ม" เจ้าของเพจ สู้ดิวะ อัปเดตรักษา มะเร็งปอด ในวันที่วิ่งได้

27 พ.ย. 2565

"หมอหนุ่ม" นพ.กฤตไท ธนสมบัติกุล เจ้าของเพจ สู้ดิวะ อัปเดตการรักษา มะเร็งปอด ขอบคุณทุกพลังบวก กำลังใจสู้โรคร้าย

หลังจากที่ "หมอหนุ่ม" นพ.กฤตไท ธนสมบัติกุล อายุ 28 ปี อาจารย์ประจำศูนย์ระบาดวิทยาคลินิกและสถิติศาสตร์คลินิก ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เจ้าของเพจ สู้ดิวะ ได้ออกมาเผยแพร่เรื่องราวเกี่ยวกับการป่วยเป็น "มะเร็งปอด" ระยะสุดท้าย ทั้งที่เป็นคนรักษาสุขภาพ ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ และ รับประทานอาหารคลีน ทำให้ชาวเน็ต ต่างให้กำลังใจอย่างล้นหลาม มีผู้ติดตามเพจแล้วถึง 624,274 คน

 

ล่าสุด "หมอ กฤตไท" ได้อัปเดต การรักษา “โรคมะเร็งปอด” ผ่านเพจ สู้ดิวะ อีกครั้ง ซึ่งทำให้เห็นว่า คุณหมอ ยังสบายดี แข็งแรง และยังสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้แทบจะเป็นปกติ โดยระบุว่า

 

 

ผมเพิ่งรับเคมีบำบัดครั้งที่สาม มาเมื่อวันพุธที่ผ่านมา รอบนี้เพลียมาก ๆ เลยครับ ง่วงทั้งวัน ตื่นมากินข้าวแล้วก็หลับต่อ เรียกได้ว่านอนจนจะเป็นแผลกดทับ วันนี้มีแรงมากขึ้นแล้ว ออกมาทานข้าวนอกบ้าน อยากไปออกกำลังกายแล้ว แต่ฝุ่นเชียงใหม่ก็เริ่มน่ากลัวเกินกว่าจะเอาปอดไปเสี่ยง ไม่อยากจะคิดถึงฝุ่นช่วงพีคเลย คงต้องเก็บตัวอยู่ในห้อง ไม่ก็ย้ายจังหวัดชั่วคราว แต่เอาจริงช่วงพีคนี่ย้ายไปจังหวัดไหนก็คงพอกัน

 

"หมอ" กฤตไท เล่าต่อว่า ช่วงก่อนที่จะรับยารอบสามนี้ มีเรื่องสนุกเกิดขึ้น โดยปกติแล้ว เป็นคนออกกำลังกายหนักถึงหนักมาก แต่พอมาเข้ารับการรักษาในช่วงเดือนแรก ลำพังแค่ยืนให้ตรงก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้ว เพราะฉะนั้น การออกกำลังกายจึงไม่ได้ทำเลย วัน ๆ กินกับนอน บวกกับช่วงแรกเป็นช่วงประชดชีวิต อะไรที่เคยไม่กิน ก็กินหมด ทั้งของทอด ของมัน หมูกรอบ สามชั้น ขนมเค้ก น้ำหวาน บทสรุปคือ ไขมันสูง จึงต้องเริ่มกินยาลดไขมันในเลือด

 

เริ่มกลับมาวิ่งได้อีกครั้ง

 

แต่ดีนะครับ มันทำให้ผมมีเป้าหมายระยะสั้นขึ้นมาเลย ว่าเราจะต้องกลับมามีวินัยดูแลตัวเองแล้ว คือในช่วงรับการรักษามันจะต้องกินเยอะ ๆ ครับ เพราะโดยทั่วไปเราจะน้ำหนักลดอยู่แล้ว คราวนี้เราต้องเน้นไปที่การกินของดี พวกอกไก่ ไข่ขาว ธัญพืช แป้งดี ๆ ลดน้ำตาล ลดไขมันให้มากที่สุด บวกกับเริ่มออกกำลังกายด้วย ซึ่งจริง ๆ แล้ว เหตุผลในการที่ผมจะกินแต่ของอร่อย และไม่ออกกำลังกายมีเต็มไปหมดเลย แถมเป็นเหตุผลที่ฟังขึ้นด้วย

 

หมอหนุ่ม เจ้าของเพจ สู้ดิวะ

แต่ผมก็เลือกกลับมาจริงจังกับเรื่องโภชนาการ และการออกกำลังกาย ในวันที่ฝุ่นน้อย ๆ ผมจะเริ่มจากการออกไปเดิน พยายามเดินให้ได้หมื่นก้าว ซึ่งมันใช้เวลานานมาก เดินได้สักพักก็เริ่มรู้สึกว่าเราต้อง วิ่งดิวะ!!

 

“หมอ” บอกว่า จากนั้น จึงได้ค่อย ๆ ลองวิ่ง สุดท้ายก็วิ่งได้จริง ๆ  ถึงจะยังไม่ใช่ความเร็วเท่าเดิม แต่วิ่งได้ คุมการหายใจได้ แรก ๆ ก็วิ่งได้ไม่กี่นาที แต่พอทำไปเรื่อย ๆ ก็เริ่มวิ่งได้ระยะทางเพิ่มขึ้นในแต่ละวัน ช่วงแรกจะปวดขามาก ๆ เพราะกล้ามเนื้อมันหายไปเยอะมากช่วงที่นอนโรงพยาบาล ต้องซ้อมอยู่หลายวัน กว่าจะวิ่งต่อเนื่องได้ 15 นาที โดยเวทเทรนนิ่งควบคู่ไปด้วย

 

ล่าสุด ก่อนรับยารอบนี้ ก็เล่นได้ทุกท่านะ แต่น้ำหนักลดลงจากที่เคยยกได้มาก ๆ ก็ค่อย ๆ ซ้อม ค่อย ๆ หาสมดุลของร่างกาย เรียกความฟิตกลับมาเท่าที่ไหว หวังว่าวันหนึ่งจะกลับไปเล่นบาสได้ ซึ่งการทำอะไรพวกนี้ มันรู้สึกว่าได้มีบางส่วนของชีวิตที่เราพอจะพยายาม เพื่อเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ของมันได้บ้าง

 

หมอกฤตไท

 

วิทยาศาสตร์กับความเชื่อทำให้มีพลัง

 

ในส่วนของสิ่งที่เราทำได้แค่เชื่อ และภาวนา คือเรื่องการตอบสนองต่อยาเคมีบำบัด และภูมิคุ้มกันบำบัด ส่วนนี้เป็นสิ่งที่เราทำได้แค่ภาวนาให้น้องมะเร็งตอบสนองกับยาที่ให้ไปเท่านั้น

 

"หมอ" กฤตไท บอกว่า ปัจจุบันเอกซเรย์ปอดดูดีขึ้น ก้อนใหญ่ด้านขวามีขนาดเล็กลง และก้อนน้อย ๆ ที่ปอดซ้ายก็ดูจางลง ผลข้างเคียงที่ชัด ๆ ก็มีแค่เรื่องผมร่วง กับอ่อนเพลีย ยังไม่มีผลข้างเคียงรุนแรงอะไร ผมเป็นคนที่เชื่อในวิทยาศาสตร์ และหลักการทางวิจัยก็จริง การที่มันตอบสนองก็คงมีกลไกของยาตามที่การศึกษาได้บอกไว้

 

แต่อีกส่วนหนึ่งผมก็เชื่อว่า เป็นเพราะมีผู้หวังดีหลาย ๆ ท่าน ทั้งที่ผมทราบ และที่ผมไม่ทราบ ได้ทำการภาวนา สวดมนต์ทำบุญ รวมถึงอีกหลากหลายวิธีที่ผมก็เพิ่งรู้ว่ามันส่งพลังได้ เพื่อที่จะส่งมอบพลังดี ๆ ให้กับผม เพื่อให้โรคนี้สงบ ให้ผมมีสุขภาพแข็งแรง ผมขอบพระคุณจากใจจริงครับ

 

ผมเชื่อจริง ๆ ว่า ส่วนของสิ่งที่ไม่ใช่วิทยาศาสตร์นี้ ล้วนประกอบกัน ทำให้ ณ ปัจจุบัน การรักษาของผมจึงเป็นไปได้ด้วยดี ตัวผมเองก็สวดมนต์ทำบุญอยู่ตลอด และหวังว่าทุกท่านที่ส่งต่อพลังดี ๆ ให้ผมจะได้พบเจอสิ่งดี ๆในชีวิตเช่นกันครับ

 

ณ ตอนนี้ดูเหมือนเรื่องราวจะไปได้สวย โรคมะเร็งปอด ดูเหมือนจะตอบสนอง แต่อย่างไรก็ตาม เราต้องไปติดตามหลังจากได้รับการรักษาครบอีกที แล้วหลังจากนั้นก็ต้องไปดูด้วยว่า ก้อนในหัวเล็กลงไหม มีก้อนใหม่ขึ้นที่อื่นในร่างกายไหม การต่อสู้นี้ยังอีกยาวไกลครับ

 

แต่ตอนนี้ แค่วันนี้เท่านั้น ที่ผมมีแรงลุกขึ้นมาเดิน มาวิ่งได้ ออกมากินข้าว และมาพิมพ์โพสต์นี้ได้ วันนี้เท่านั้นที่ผมมี และผมจะไม่ใช้ วันนี้ ไปกับการนั่งคิดว่า โรคผมจะโตขึ้นหรือลุกลามเยอะขึ้นเมื่อไร ผมจะใช้วันนี้เตรียมร่างกายให้ดีที่สุด

 

ขอให้ทุกคนใช้ชีวิตให้สนุกและมีสุขภาพที่แข็งแรงครับ

 

เพจเฟซบุ๊ค สู้ดิวะ

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลและภาพจากเพจ สู้ดิวะ