3 เดือน "หมอกฤตไท" ป่วยมะเร็งปอดระยะ 4 กับคำถามอากาศบริสุทธิ์ต้องซื้อเอง
3 เดือนของ "หมอกฤตไท" หมอหนุ่มป่วย มะเร็งปอดระยะสุดท้าย อัปเดตอาการป่วยล่าสุด มาพร้อมคำถามหรืออากาศบริสุทธิ์ต้องซื้อเอง
เข้าสู่ช่วงฤดูหนาวที่ไรภาคเหนือของไทยต้องเผชิญหกับภาวะฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และฝุ่นควันจากการเผาป่ากันมาอย่างต่อเนืองยาวนาน และแถบจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าในช่วงฤดูหนาวจะเป็นฤดูที่หลายๆ คนชื่นชอบ แต่สำหรับคนเหนือแล้วฤดูหนาวคงไม่ต่างอะไรจากฝันร้ายที่ต้องทนอยู่กับภาวะหมอก ควัน ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 อย่างเลี่ยงไม่ได้
หลายครั้งที่ที่ปัญหาทางสิ่งแวดล้อมแบบนี้ค่อย ๆ เข้าทำร้ายร่างกายเราโดยที่เราเองยังคาดไม่ถึง หากย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน 2565 หลายคนคงรู้ตกใจกับข่าวของ "หมอกฤตไท" หมอหนุ่มอนาคตไกลที่อาศัยและทำงานในจ.เชียงใหม่ ที่ออกมาแชร์เรื่องราวหลังจากที่ตรวจเจอว่าเป็น มะเร็งปอดระยะสุดท้าย ในวัยเพียงแค่ 28 ปีเท่านั้น
1.จุดเริ่มต้นเรื่องราวอุทาหรณ์ของคนอายุน้อยแต่ป่วยมะเร็งปอดระยะสุดท้าย
ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2565 นพ.กฤตไท ธนสมบัติกุล อายุ 28 ปี หรือ "หมอกฤตไท" อาจารย์ประจำศูนย์ระบาดวิทยาคลินิกและสถิติศาสตร์คลินิก ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เจ้าของเพจ สู้ดิวะ ได้เผยแพร่เรื่องราวเกี่ยวกับการป่วยเป็น มะเร็งปอดระยะสุดท้าย หลังจากที่ "หมอกฤตไท" ได้รับการบรรจุเป็นอาจารย์แพทย์ได้เพียงแค่ 2 เดือน โดยปกติแล้วหมอเป็นคนรักสุขภาพออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่ดูดบุหรี่ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ แต่กลับพบว่าตนเองเริ่มมีอาการไอมีเสมหะบ้าง ไอแห้งบ้าง แต่อาการไอไม่หายไปสักทีจนทำให้ต้องตรวจอย่างจริงจัง
2.เอกซเรย์จุดเปลี่ยนที่บ่งบอกว่าชีวิตของหมอหนุ่มจะเปลี่ยนไปตลอดกาล
จากนั้น "หมอกฤตไท" ได้เข้าตรวจร่างกายแบบจริงจัง เนื่องจากผลเอ็กซเรย์ทรวงอกได้บ่งบอกว่า ปอดข้างขวาผมเหลืออยู่ครึ่งเดียว ลักษณะเหมือนมีก้อนกับน้ำอยู่ในปอดด้านขวา และปอดด้านซ้ายก็มีก้อนเล็ก ๆ เต็มไปหมด หลังจากนั้น หมอกฤตไท ได้เริ่มเข้าสู่กระบวนการรักษา ตั้งแต่การนำเอาชิ้นเนื้อมาตรวจ ตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่สมอง สรุปผลการตรวจคือ หมอกฤตไท เป็น มะเร็งปอดเป็นระยะสุดท้าย แต่ "หมอกฤตไทย" ไม่เคยหมดหวังและเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง
3.อัพเดตชีวิต "หมอกฤตไท" หลังจากเข้ารับเคมีบำบัด
แม้ว่าที่ในช่วงแรกข่าวร้ายการเป็นมะเร็งปอดของ "หมอกฤตไท" อาจจะสร้างความหวาดกลัวในการใช้ชีวิตต่อไป แต่สุดท้ายหมอก็กลับมาอัปเดตชีวิตหลังจากที่เข้ารับเคมีบำบัดไปแล้ว "หมอกฤตไท" เริ่มออกมาทานข้าวนอกบ้านได้ ออกกำลังกายได้ แต่สิ่งที่ยังกังวลคือสภาพอากาศ ภาวะฝุ่นในจังหวัดเชียงใหม่เริ่มน่ากลัวเกินกว่าที่จะเอาปอดไปเสี่ยง ในช่วงเดือนพฤศจิกายนเป็นแค่ช่วงเริ่มต้นของปัญหาฝุ่นควันเท่านั้น ซึ่งหมอกฤตไท ยังบอกอีกว่าไม่อยากจะคิดถึงช่วงพีคหรือช่วงปลาย ๆ ปี เลยว่าจะหนักหนาแค่ไหน แต่ไม่ว่าอย่างไร กระบวนการรักษาทางการแพทย์ และการดูแลตัวเองของหมอก็จะต้องดำเนินต่อไป โดย "หมอกฤตไท" หวังเพียงว่าร่างกายจะสามารถตอบสนองต่อการรักษาได้อย่างดี
4. 3 เดือนกับช่วงเวลาที่ต้องชนะโรคร้ายท่ามกลาง หมอก ฝุ่น ควัน ในภาคเหนือที่วิกฤติมากขึ้น
อัปเดตล่าสุดวันนี้ (26 ธ.ค.นี้) "หมอกฤตไท" ได้อัปเดตชีวิตหลังจากที่ต่อสู้กับภาวะมะเร็งปอดระยะสุดท้ายมานานว่า 3 เดือน โดย "หมอกฤตไท" บอกว่า หลังจากถูกวินิจฉัยว่าป่วยมะเร็งปอดชีวิตก็พบว่าเป็นช่วงเวลาที่ได้ใช้ชีวิตให้เป็นชีวิตมากที่สุด เพราะเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมาแถบไม่กล้าจะคิด หรือฝันถึงการฉลองคริสมาสต์หรือปีใหม่เลย ชีวิตในแต่ละวันของผมจึงช้าลง แต่ก็ละเอียดขึ้นมากเช่นกัน เพราะต้องสังเกตทุกอาการที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ต้องลงรายละเอียดกับการเลือกอาหาร เลือกน้ำ การออกกำลังกาย กินยา และจัดการกับสิ่งแวดล้อมให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ อย่างน้ำประปาที่เคยใช้ตามปกติ พอมากรองดูก็เพิ่งรู้ว่ามันสกปรก และอากาศทีเหมือนจะเป็นสิ่งจำเป็นแรกสุดของมนุษย์ ล่าสุดก็ต้องติดเครื่องแรงดันบวก เพื่อดันอากาศที่สกปรกออกจากห้อง เราอยู่ในยุคสมัยที่ต้องซื้ออากาศสะอาดหายใจแล้วจริงๆ
จากการป่วยมะเร็งปอดระยะสุดท้ายของ "หมอกฤตไท" แม้ว่าจะไม่ได้มี พฤติกรรมที่สุ่มเสี่ยงในการใช้ชีวิต คงทำให้เกิดการตั้งคำถามมากมายว่า แล้วเพราะอะไรหมอหนุ่มวัย 28 ปี จึงกลายเป็นคนป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายเช่นนี้ หรือเพราะมลภาวะในอากาศ ฝุ่น ควัน PM 2.5 ในภาคเหนือที่เริ่มวิกฤตมากขึ้นทุกปีจนค่อย ๆ กลืนกินทำร้ายสุขภาพของประชาชนอย่างช้า ๆ แบบไม่รู้ตัวส่งผลให้อัตราเฉลี่ยผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับปอดของประชาชนในภาคเหนือมีอัตราที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง