เจาะลึก 'โรลส์-รอยซ์' ขั้นสุดของ 'รถหรู' ราคาแพงที่สุดในโลก
เจาะลึก 'โรลส์-รอยซ์' ขั้นสุดของ 'รถหรู' พิเศษไม่เหมือนใคร ใช้วัสดุชั้นเลิศ รังสรรค์ด้วยมือทุกชิ้น ขึ้นแท่นรถราคาแพงที่สุดในโลก
หลายคนคงเคยได้ยินชื่อแบรนด์รถหรูอย่าง "โรลส์-รอยซ์" แต่น้อยครั้งที่จะเห็นรถแบรนด์นี้บนท้องถนน เพราะรถ "โรลส์-รอยซ์" มีค่าตัวที่สูงมากมีเพียงเหล่ามหาเศรษฐีเท่านั้น ที่สามารถซื้อได้
วันนี้ คมชัดลึก จะพาเจาะลึก ให้หายสงสัยกันว่า รถ "โรลส์-รอยซ์" มีความพิเศษอะไร ทำไมถึงถูกจัดอยู่ในระดับ Ultra Luxury Car ซึ่งถือว่าอยู่ขั้นที่เหนือกว่า Luxury Car ในท้องตลาด
"โรลส์-รอยซ์" เป็นแบรนด์รถยนต์อังกฤษที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่ปี 1904 ก่อตั้งโดย เฮนรี่ รอยซ์ (Charles Rolls) และ ชาร์ล โรลส์ (Henry Royce) ที่มีความสนใจในวิศวกรรมเครื่องกล และอุตสาหกรรมรถยนต์ทั้งคู่
จนร่วมกันทำแบรนด์ "โรลส์-รอยซ์" ขึ้นมา และจดทะเบียนในนาม Rolls-Royce Limited ผลิตรถยนต์ที่มีความหรูหรา หลากหลายรุ่นเข้าสู่ตลาด โดยเฉพาะรุ่นที่มีชื่อเสียงอย่าง Phantom V ที่มีลูกค้าเป็น Queen Elizabeth และบุคคลที่มีชื่อเสียงมากมาย แม้แต่พระมหากษัตริย์ของไทยเองก็ใช้ยี่ห้อนี้เหมือนกัน
ราคา "โรลส์-รอยซ์" รุ่นที่แพงที่สุดตอนนี้มีราคาสูงถึง 407 ล้านบาท ซึ่งแพงกว่าเครื่องบินส่วนตัวบางลำซะอีก จริงๆ แล้ว "โรลส์-รอยซ์" ใช้กลยุทธ์ทางการตลาด Customization หรือการให้ลูกค้าเลือกปรับแต่งสเป็กสินค้าได้ตามต้องการ ซึ่งการ Customize ของลูกค้าจะทำให้ลูกค้าได้รับสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร และมีเพียงคันเดียวบนโลก
"โรลส์-รอยซ์" ให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการปรับแต่ง รวมถึงสร้างเอกลักษณ์ให้กับรถของตัวเอง การ Customize ในแต่ละจุด ก็จะทำให้มูลค่ารถนั้นแพงขึ้น ถ้าเราจะซื้อรถ "โรลส์-รอยซ์" หนึ่งคัน เราจะสามารถปรับแต่งสีรถ มีให้เลือกมากกว่า 44,000 สี หรือลูกค้าจะสั่งทำสีเฉพาะของตัวเองขึ้นมาใหม่ก็ได้ และจะได้สิทธิ์ในการตั้งชื่อและใช้สีนั้นแต่เพียงผู้เดียว
การลงสีของรถยนต์ "โรลส์-รอยซ์" นั้นจะลงสีอย่างน้อย 7 ชั้น และลูกค้าสามารถเลือกลงสีได้สูงสุดถึง 23 ชั้น ซึ่งการลงสีรถนั้นจะใช้ช่างเพียงคนเดียวเท่านั้นในการทาสีรถทั้งคัน ในส่วนของรูปปั้นนางฟ้าที่อยู่หน้ารถนั้นเรียกว่า Spirit of Ecstasy ลูกค้าสามารถปรับแต่งเป็นทองคำได้
โลโก้ตรงล้อของรถยนต์ทั่วไปก็หมุนไปตามล้อ แต่สำหรับ "โรลส์-รอยซ์" นั้น โลโก้ RR จะตั้งตรงอยู่เสมอด้วยกลไกที่ออกแบบมาเฉพาะ แม้ล้อจะหมุนอยู่ เบาะหนังของ "โรลส์-รอยซ์" ทำมาจากหนังวัวกระทิง โดยการผลิตรถยนต์ "Rolls-Royce" 1 คัน จะต้องใช้หนังวัวกระทิงอย่างน้อย 8 ตัว
ทั้งนี้ไม้ที่ใช้ภายในรถ "โรลส์-รอยซ์" นั้นต้องมาจากต้นเดียวกัน เพื่อรักษาความสมมาตรและสีของลายไม้ หรือหากคอนโซลหน้ารถที่ทำจากลายไม้ธรรมดาไป ลูกค้าก็เปลี่ยนเป็นคอนโซลที่ทำจากทองคำได้ และเมื่อเงยหน้ามองเพดานรถจะเห็นดวงดาวที่ระยิบระยับกว่า 1,340 ดวง ลูกค้าก็สามารถจัดเรียงดวงดาวพวกนี้ได้ตามต้องการ โดยอาจเรียงตัวของดาวในวันที่เราเกิดก็ได้ ส่วนสำคัญคือ ห้องโดยสารที่เงียบมาก เงียบจนไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์
ความลับของ "โรลส์-รอยซ์" ก็คือฉนวนกันเสียงทั้งห้องโดยสาร ซึ่งเฉพาะฉนวนก็หนักร่วม 137 กิโลกรัมแล้ว ส่วนยางรถยนต์ก็ผลิตมาแบบพิเศษเพื่อลดเสียงที่เกิดจากการเสียดสีกับท้องถนน รถยนต์ทุกคันของ "โรลส์-รอยซ์" นั้นประกอบด้วยมืออย่างประณีตทุกขั้นตอน การผลิตรถยนต์ "โรลส์-รอยซ์" 1 คันนั้นใช้เวลานานถึง 6 เดือน
ส่องราคา "โรลส์-รอยซ์" รุ่นต่างๆ.
The Cullinan
เป็นรุ่น "โรลส์-รอยซ์" เพียงรุ่นเดียวที่มีต้นกำเนิดชัดเจน ที่ได้รับการตั้งชื่อตามเพชรที่ใหญ่ที่สุดที่พบในเหมืองแอฟริกาใต้ Cullinan หมายถึงสัญลักษณ์แห่งเสรีภาพสูงสุด และเข้าร่วมในตระกูล Rolls-Royce ในฐานะรถ SUV ขับเคลื่อนสี่ล้อรุ่นแรก ซึ่งเป็นยานยนต์ประเภทใหม่สำหรับแบรนด์นี้ ราคาอยู่ที่ 40.5 ล้านบาท
The Phantom
คือรุ่นที่โดดเด่นที่สุดของ "โรลส์-รอยซ์" โดยทั่วไปแล้วจะเป็นชื่อแรกที่เข้ามาในหัวของแฟนรถยนต์หรือผู้คนทั่วไป เป็นชื่อชั้นของ รถหรู ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คลาสสิกที่สุด และไม่มีใครเทียบได้ในประวัติศาสตร์ และชื่อของมันมีความหมายคล้ายๆ กับรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวสะดุดตาที่แม้เห็นแวบ ๆ ก็ยังติดตาตรึงใจคนมองได้ไม่ยาก ราคาอยู่ที่ 53.5 - 59.5 ล้านบาท
The Dawn
The Dawn ได้รับการตั้งชื่อตามปรากฏการณ์พระอาทิตย์ขึ้น เป็นตัวแทนของชีวิตใหม่ ความเป็นไปได้ใหม่ และเส้นขอบฟ้าที่สดใส ชื่อของรถรุ่นนี้มีรากฐานมาจากปี 1949 เมื่อใช้กับตัวถังแบบ drophead ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นใหม่สำหรับ "โรลส์-รอยซ์" ในขณะนั้น ดั่งผู้ผลิตรถยนต์ที่ได้เห็นการเปิดตัวตัวถังที่ผลิตจากโรงงานเป็นครั้งแรก ราคาอยู่ที่ 36.9 ล้านบาท
The Ghost
ซึ่งแรงบันดาลใจสำหรับ Ghost ก็ไม่ได้ห่างไกลจากชื่อของมันเลย รถรุ่นนี้ได้รับการออกแบบจากอัตราส่วนทองคำ (Golden Ratio) ซึ่งเป็นที่มาของรถยนต์ที่เป็นสัญลักษณ์ ในฐานะที่ Max Pemberton นักเขียนชีวประวัติของ "โรลส์-รอยซ์" เคยเขียนเรื่อง Silver Ghost ในปี 1906
ได้อธิบายไว้ว่า “มันวิ่งได้อย่างราบรื่นจนแก้วน้ำสามารถเกาะติดเครื่องยนต์ได้โดยไม่หก ความยาวของมัน ความเงียบ และรูปร่างสง่างามของมัน เหนือสิ่งอื่นใดที่โลกยานยนต์เคยรู้จัก” ราคาอยู่ที่ 32.7 ล้านบาท