เปิดรายได้ 'ศูนย์อนุรักษ์ช้างภูเก็ต' ฝรั่ง เตะ หมอ เช่า วิลลา หรู หลักล้าน | คมชัดลึก

จากประเด็นร้อน “ฝรั่ง” เตะ “หมอ” สะเทือนถึงดวงดาว เมื่อมีการขุดรากถอนโคน ไล่เรียงจากวิลลาหรู รุกล้ำพื้นที่สาธารณะ นำไปสู่การกวาดล้างธุรกิจวิลล่า หาดภูเก็ต ที่กินพื้นที่สาธารณะ และยังมีการตรวจสอบไปถึงธุรกิจ “ศูนย์อนุรักษ์ช้างภูเก็ต” ที่ฝรั่ง คู่กรณี หมอปาย กับภรรยาคนไทย เป็นเจ้าของ ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตพิรุธหลายอย่าง และจากการตรวจสอบรายได้ธุรกิจ ปางช้าง เรียกว่าไม่ธรรมดา

ศูนย์อนุรักษ์ช้างภูเก็ต ดังกล่าว มีชื่อว่า Green elephant sanctuary park Phuket โดยเพจชมรม STRONG ต้านทุจริตภาคใต้ และ Joey Kanis ได้เปิดเผยข้อมูล ที่ตรวจสอบผ่าน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า ศูนย์อนุรักษ์ช้างภูเก็ต จดทะเบียนในชื่อนิติบุคคลว่า บริษัท อีเลเฟนท์ แซงชัวรี่ พาร์ค ภูเก็ต จำกัด เลขทะเบียนนิติบุคคล: 0835560002871

จดทะเบียนจัดตั้ง เมื่อวันที่ 07 มี.ค. 2560  ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท แต่ในอีก 8 เดือนต่อมา คือวันที่ 1 พ.ย. 2560 เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 4 ล้านบาท 

รูปแบบการจดทะเบียน ศูนย์อนุรักษ์ช้างภูเก็ต

บริษัท อีเลเฟนท์ แซงชัวรี่ พาร์ค ภูเก็ต จำกัด จดทะเบียนในประเภทธุรกิจ จัดนำเที่ยว มีวัตถุประสงค์ เป็นตัวแทนธุรกิจจัดนำเที่ยว และกิจกรรมการแสดงโชว์เพื่อความบันเทิงและการนันทนาการ  

 มีกรรมการจำนวน 3 คน ประกอบด้วย

1. คนึงนิจ ชทาล์ดเอคเกอร์
2. อูรส์ บีท เฟอร์ ชาวสวิส
3. นิคม จ่าทองคำ

จากการตรวจสอบพบว่า มีรายงานการส่งงบการเงินทุกปี ตั้งแต่ปี 2560 - 2566 เช่น

• ปี 2565 มีสินทรัพย์รวม 21,967,364 บาท มีหนี้สินรวมกับสัดส่วนผู้ถือหุ้น 21,967,364. ในอัตราส่วนเท่ากัน 
• ปี 2565 มีรายได้รวม 46,308,878 บาท แต่ก็มีต้นทุนการขาย 14,791,129 บาท 
• มีค่าใช้จ่ายรวม ทั้งการขายและบริหาร มากถึง  38,558,711 บาท   
• ทำให้มีกำไร (ขาดทุน) ก่อนภาษี เพียง 7,750,167 บาท

Joey Kanis ตั้งข้อสังเกตว่า ประเด็นที่น่าสนใจคือ อัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE)  = 215.85 (%) ทั้งนี้ ROE (Return on Equity) คือ อัตราส่วนที่ช่วยวัดประสิทธิภาพของบริษัท ว่าสามารถสร้างผลตอบแทนจากส่วนของเจ้าของ หรือส่วนของผู้ถือหุ้นได้มากน้อยเพียงใด มีค่าเป็นเปอร์เซ็นต์

แต่น่าสนใจว่า “ฝรั่ง” คนดังกล่าว มีเงินเช่าวิลล่าหรูหรา ที่แหลมยามู เดือนละเป็นล้านบาท

เพราะรายได้หลัก ของศูนย์อนุรักษ์ช้างภูเก็ต (เฉพาะรายได้ที่เปิดเผยแสดงอยู่ในระบบ) มาจากการบริจาคและเยี่ยมชม และพบว่าค่าหัวในการเข้าชม สูงถึง 1,900-2,500 บาท

นอกจากนั้น ปัจจุบัน Mr.Urs Feh เจ้าของปางช้าง มีแนวคิดจะระดมทุนทำมูลนิธิ เพื่อเปิดคลินิกรักษาช้างฟรีใน จ.ภูเก็ต เนื่องจากคลินิกที่ใกล้ที่สุด อยู่ห่างออกไปถึง 6 ชั่วโมง เงินจำนวนนี้ ถูกระดมทุนให้กับหน่วยพิทักษ์สัตว์ป่าในแอฟริกาด้วย และจะเปิดตัวโครงการนำร่องในเคนยา 

แม้จากการตรวจสอบของ เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ภูเก็ต ที่ลงพื้นที่ตรวจสอบปางช้างของฝรั่ง ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 4 ซ.1 ถ.ศรีสุนทร ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต จะพบว่า มีการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง ช้างจำนวน 14 เชือก มีทั้งของปางช้างเอง และเช่ามา มีการฝังไมโครชิพ ทุกตัว 

แต่ศูนย์ข้อมูลภูเก็ต Phuket Info Center ตั้งข้อสังเกตว่า มูลนิธิอนุรักษ์ช้าง กับ ธุรกิจปางช้าง ใช้รูปแบบ โลโก้ รูปหัวช้างแบบเดียวกัน ซึ่งทางปกครอง จ.ภูเก็ต ยืนยันว่า ชื่อ, ที่ตั้ง, โลโก้ ของ มูลนิธิ และ ธุรกิจ ต้องแยกกันให้ชัดเจน ห้ามเหมือนกันเด็ดขาด เพื่อไม่ให้ทับซ้อน ในผลประโยชน์ของมูลนิธิและธุรกิจ

อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต มีปางช้างอยู่ทั้งหมด 42 ปาง แยกเป็น อ.เมืองภูเก็ต 12 ปางช้าง จำนวน 72 เชือก, อ.ถลาง 16 ปาง ช้าง จำนวน 92 เชือก และ อ.กะทู้ 14 ปาง ช้างจำนวน 167 เชือก รวมช้างที่มีอยู่ในภูเก็ต 331 เชือก

ขอบคุณข้อมูล : ศูนย์ข้อมูลภูเก็ต Phuket Info Center, ชมรม STRONG ต้านทุจริตภาคใต้