สุดรันทด แม่เก็บอาหารบูดให้ลูกประทังชีวิต เคราะห์ซ้ำลูกชาย ป่วยมะเร็งสมอง
สุดรันทด แม่เก็บอาหารหมดอายุจากร้านสะดวกซื้อให้ลูก 3 คนประทังชีวิต เคราะห์ซ้ำลูกชาย 13 ปี ป่วยมะเร็งสมอง หมอบอกอยู่ได้ไม่ถึงปี
12 พ.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ ม.6 ต.คลองแม่ลาย อ.เมือง จ.กำแพงเพชร พบกับครอบครัวของ นางสายฝน สงวนนามสกุล อายุ 45 ปี และลูกอีก 3 คน น้องพีท อายุ 13 ปี เรียนอยู่ชั้น ป.6 ,น้องกาน อายุ 11 ปี เรียนอยู่ชั้น ป.5 และน้องกิ่ง อายุ 10 ปี โดยทั้งหมดเรียนอยู่โรงเรียน ห่างจากบ้านเพียง 1 กิโลเมตร เดินไปเรียนทุกวันเพราะไม่มียานพาหนะ
นางสายฝน ผู้เป็นแม่ได้เล่าให้ฟังทั้งน้ำตาว่า ตนเองเลี้ยงลูกทั้ง 3 โดยลำพัง เพราะสามีได้ทิ้งตนและลูกไปตั้งแต่ยังเล็ก ตนมีอาชีพรับจ้างทั่วไป (รับจ้างขุดมัน ,เก็บมันท้ายไร่) มีรายได้วันละ 300 บาท ใครจ้างให้ไปทำอะไรก็ไป หากวันไหนไม่มีใครจ้างก็ไม่มีเงินให้ลูกกิน โดยจะให้เงินลูกไปโรงเรียนคนละ 10 บาทเท่านั้น จากเงินที่เหลือที่ไปรับจ้างก็นำมาเป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน วันไหนไม่มีเงินให้ลูกไปโรงเรียนก็อดมื้อกินมื้อ ลูกทั้ง 3 ก็หยุดเรียนไปช่วยแม่เก็บมันสำปะหลัง และรับจ้างบ่อยครั้ง
วันไหนไม่มีงานรับจ้าง ก็ไม่มีเงินซื้อข้าวให้ลูกกิน ตนเคยไปรอเก็บอาหารหมดอายุตามร้านสะดวกชื้อ และร้านอาหารตามสั่งที่คนกินเหลือ ขอนำมาให้ลูกกินเพื่อประทังชีวิต แม้ตนอดก็ยอม เพราะยากจนเหลือเกิน บ้านที่อยู่ก็ได้ความเมตตาจาก นางนิตยา พูลสวัสดิ์ ผู้ใหญ่บ้าน ม.6 บ้านเขาน้ำเพชร บริจาคที่ดินและประสานทางอำเภอขอบ้านโครงการหลวง มาสร้างให้อยู่อาศัยหลายปีแล้ว
และที่เป็นทุกข์อยู่ทุกวันนี้คือเมื่อต้นปีที่ผ่านมาลูกชายคนโต อายุ 13 ปี (น้องพีท) อยู่ๆ มีอาการมือและเท้าชาไปครึ่งซีก และมีอาการปวดหัว ซึ่งก็เดินลากเท้าจนเป็นแผล ตนเลยพาไปหาหมอที่ รพ.กำแพงเพชร ซึ่งหมอให้นอนพักดูอาการ 2 วัน และให้น้ำเกลือปรากฎว่าหัวด้านขวาของลูกบวมขึ้น หมอจึงให้เข้าห้องผ่าตัดในวันที่ 5 มกราคม 67 ที่ผ่านมาทันที
ซึ่งหลังจากผ่าตัดก็พบก้อนเนื้อใหญ่ขนาด 5 ซม. และวันที่ 23 เม.ย.67 หมอนัดไปฟังผลก็พบว่าเป็น มะเร็งเนื้อร้ายในสมอง หากไม่รักษาก็จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงปี หมอจึงทำการส่งตัวให้ไปรักษาในสัปดาห์หน้าที่ รพ.จุฬาฯ กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 22 พ.ค.67 ทำให้ตนเองทุกข์ใจหนักกว่าเดิม กินไม่ได้นอนไม่หลับ ไม่มีเงินพาลูกไปรักษาทั้งค่าเดินทางและค่ากินต่างๆ ปัจจุบันก็ลำบากแย่แล้ว จึงตัดสินใจที่จะปล่อยให้ลูกนั้นเป็นไปตามวิบากกรรม หมดหนทางนอนร้องไห้ทุกคืน
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปเกาะติดดูชีวิตของครอบครัว “นางสายฝน” โดยวันนี้ก็ได้พาลูกทั้ง 3 คนไปเก็บมันสำปะหลังท้ายไร่ รับจ้างหาเงินมาประทังชีวิตวันต่อวัน โดยได้กลับมากินข้าวที่บ้านตอนกลางวัน พบสภาพห้องครัวทำกินดูไม่คุ้มฟ้าคุ้มฝน ซึ่งเมนูอาหารที่ทำให้ลูกกินวันนี้ก็ไปเก็บมะละกอข้างบ้านนำมาหั่นเป็นชิ้นบางๆ และผัดใส่น้ำปลากินกับข้าวเปล่า
โดยนางสายฝน ได้นำเอกสารส่งตัวและตัวอย่างชิ้นเนื้อที่ผ่าตัดออกมาจากหัวของลูกชายให้ดู เพื่อเตรียมนำไปให้หมอที่โรงพยาบาลจุฬากรุงเทพมหานครสัปดาห์หน้า แต่ยังไม่มีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ยังไม่รู้ว่าจะได้ไปหรือไม่ โดยช่วงที่ไปหาหมอในจังหวัดก็อาศัยเงินจากเพื่อนบ้านหยิบยื่นให้และขับรถไปส่งบ้าง ยิ่งลูกมาป่วยแบบนี้ก็ทำงานบ้างไม่ทำงานบ้าง ตนจะทำทุกวิถีทางให้ลูกมีชีวิตอยู่ แม้ว่าจะไม่สมประกอบก็ตาม
วันนี้ตนอยากจะขอวอนหน่วยงานและความเมตตาจากผู้ใจบุญในสังคมช่วยเมตตาตนบ้างสักครั้ง ให้มีเงินค่ารถค่าอาหารพาลูกตนได้ไปรักษา และมีหวังที่จะหายจากโรคร้ายครั้งนี้
ล่าสุด 13 พ.ค. 2567 เจ้าหน้าที่จากพัฒนาสัมคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดกำแพงเพชร (พม.) พร้อมด้วย นายกเทศบาลตำบลคลองแม่ลาย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางมาเยี่ยมและมอบสิ่งของพร้อมเงินช่วยเหลือเบื้องต้นกับครอบครัวทั้งหมด
ขณะที่ นางนิตยา พูลสวัสดิ์ ผู้ใหญ่บ้าน ม.6 บ้านเขาน้ำเพชร หนึ่งในผู้ใจบุญที่มอบที่ดินเพื่อสร้างบ้านให้กับครอบครัวของนางสายฝน หลังจากนำเสนอข่าวไปก็มีผู้ใจบุญจากทั่วประเทศ โทรศัพท์เข้ามาตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงขณะนี้ก็ยังรับสายไม่หยุด โดยมีทั้งคนขอที่อยู่เพื่อส่งของและขอเลขที่บัญชีเพื่อโอนเงินช่วยเหลือครอบครัวของนางสายฝนที่ มีลูกชายอายุ 13 ปีป่วยมะเร็งสมอง เรียกว่าน้ำใจคนไทยในยามทุกข์ยากไม่มีใครทิ้งกันจริงๆ
โดยในส่วนของหน่วย รพ.สต.ยางเรียง หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ ได้ให้ข้อมูลว่าจะประสานกับสาธารณสุขจังหวัดกำแพงเพชร เพื่อให้การช่วยเหลือในด้านต่างๆ พร้อมทั้งเสนอ ให้เป็นคนไข้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งก็จะได้ช่วยเหลือในการรักษาตามขั้นตอน ในระหว่างที่ส่งตัวไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กรุงเทพมหานคร
นางนิตยา เล่าว่า เมื่อหลายปีก่อน เด็กๆ ทั้งหมดตอนเล็กๆ ได้ขออาศัยเพิงที่พักตามหมู่บ้านทำเป็นที่อยู่ชั่วคราว และล่าสุดก็ไปอยู่ร้านมันในพื้นที่ซึ่งชีวิตของครอบครัวนี้ลำบากมาก ตนจึงตัดสินใจบริจาคที่ดิน 50 ตารางวา มอบให้ครอบครัวนี้ โดยหลังจากออกข่าวไปก็มีสายโทรศัพท์โทรเข้ามาขอช่วยเหลือไม่ขาดสายจนถึงตอนนี้