เปิดประวัติ แม่ชีเจิ้น ลูกศิษย์พระสิ้นคิด เผยที่มาก่อนเข้าสู่เส้นทางธรรม
เปิดประวัติ ‘แม่ชีเจิ้น’ ลูกศิษย์พระสิ้นคิด แห่งวัดป่าบ่อน้ำพระอินทร์ เผยที่มาก่อนเข้าสู่เส้นทางธรรม ผู้มีมีประสบการณ์การภาวนามาอย่างโชกโชน
21 พ.ค.2567 จากกรณีชาวเน็ตพูดถึงสนั่นโซเชียลเกี่ยวกับประเด็นที่ "แม่ชีเจิ้น" พร้อมศิษยานุศิษย์ ถอยรถหรูป้ายแดง แบรนด์ดังอย่าง BMW ถวายเป็นยานพาหนะที่ทรงคุณค่า และคู่ควรที่สุดกับท่าน หลวงตาสินทรัพย์ จรณธมฺโม เพื่อใช้เดินทางรับกิจนิมนต์ จนเกิดดคำถามว่า "แม่ชีเจิ้น" เป็นใคร?
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สุดจึ้ง "แม่ชี" ถอยรถหรูป้ายแดง มูลค่ากว่า 7 ล้านบาท ถวายหลวงตาดัง
- 'พระสิ้นคิด' ตอบดราม่า BMW 7 ล้าน คนถวายไม่ใช่ 'แม่ชีเจิ้น' ลั่น ไม่ใช่คันแรก
ประวัติ "แม่ชีเจิ้น"
"แม่ชีเจิ้น" วัดป่าบ่อน้ำพระอินทร์ จ.อุบลราชธานี แม่ชีที่มีประสบการณ์การภาวนามาอย่างโชกโชน ด้วยคำสอนที่เรียบง่าย แต่แทงลึกไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ เป็นลูกศิษย์ของ หลวงตาสินทรัพย์ จรณธมฺโม ประธานที่พักสงฆ์ป่าบ่อน้ำพระอินทร์ จ.อุบลราชธานี เป็นพระสงฆ์ชื่อดังใน จ.อุบลราชธานี
เข้าสู่เส้นทางธรรม
"แม่ชีเจิ้น" เผยผ่านช่องยูทูป พระสิ้นคิด ถึงที่มาของการได้มาบวชกับหลวงตาสินทรัพย์ ระบุว่า ณ จุดๆ หนึ่ง มองเห็นว่าหาประโยน์ ในการใช้ชีวิตไม่ได้ ร่างกายเริ่มไม่ปกติ กินไม่ได้นอนไม่หลับ ทุรนทุรายหลายวันติดต่อกัน เริ่มเกิดความทุกข์ มากขึ้น ข้างในรู้สึกไม่มีความสุขมากขึ้น จึงตัดสินใจมาบวชกับหลวงตา ซึ่งตอนแรกยังไม่ได้บอกมใคร มีคนสนิทรู้แค่ไม่กี่คนเท่านั้น
โดยแม่ชีเจิ้นเล่าถึงชีวิตก่อนเข้ามาอยู่รับใช้ศาสนาเต็มตัวว่า อาการความทุกข์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่มาอยู่ที่วัดแล้วหายเลย ครั้งแรกที่มาก็ไม่ได้พูดอะไร อาการทุกอย่างค่อยๆ ดีขึ้นเมี่อมีสติ สมาธิ เจริญภาวนา จนแม่ชีเริ่มสนใจศึกษาเอง
หลังจากปฏิบัติธรรมกับหลวงตาไปได้ 1 อาทิตย์ จึงตัดสินใจไม่กลับบ้าน และมุ่งปฏิบัติกับหลวงตา โดยแม่ชีเผยว่ารู้จักหลวงตาสินทรัพย์ผ่านทางโซเชียล และได้ทำบุญกับหลวงตาทางเฟซบุ๊ก ครั้งหนึ่งเคยนั่งสนทนาธรรมกับหลวงตาสินทรัพย์ ตั้งแต่เวลา 8 โมงเช้า ถึงตี 4 ของอีกวัน แม่ชีเจิ้นเผยหลักธรรมที่หลวงตาบอกให้ต้องเข้าใจ 3 เรื่อง คือ 1.เรื่องของบุคคล 2.เวลา 3.สถานที่
โดยข้อมูลจาก dhammasinkid เผยแพร่ บทสนทนาธรรม (บางช่วง) โดย "แม่ชีเจิ้น" ณ วัดป่าบ่อน้ำพระอินทร์ จากไลฟ์สดเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2566 เรื่อง แม่บทของศีล คือ "หิริโอตัปปะ" คือมีความละอายเกรงกลัวต่อบาป ระบุว่า คำว่าละอายเกรงกลัวต่อบาปเนี่ย มันไม่ได้เกี่ยวว่ากี่ข้อละ มันย่นย่อเข้ามาที่ เหตุคือที่ใจแล้วเนื้อแท้ของศีลจริงๆคือ รักษาตัวเอง รักษาใจตัวเอง ที่สุดของศีลคือ"ไม่เบียดเบียนตน เอง"ไม่ใช่มีศีลแล้วเอาศีลไปเพ่งโทษคนอื่น อันนั้นมันมีศีลแต่ปาก เขาพูดดีพูดถูกใจก็ไป พูดไม่ดีก็ไม่เอา เห็นไหม?
มันธรรมดามากๆ เพราะมันยังเป็นข้างนอก มันยังไม่เข้าถึงจิต ความเป็นอธิศีลเกิดขึ้นไม่ได้หรอก ต่อให้รักษาศีลเป็นพันข้อ มันก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก เพราะเราเอาอัตตาไปทำเพราะศีล ข้อศีลจริงๆ มันจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมี สมาธิ ควบคุมมันจะมีประโยชน์อะไร เรามีศีล แต่เราไม่เคยเห็น ความคิด ที่ไปเบียดเบียนคนอื่นเลย กูถือศีล กูดี กูดีกว่าคนอื่น กูรู้จักศีล