เด่นโซเชียล

หนุ่มแชร์อุทาหรณ์ โดนฟ้อง 14 ล้าน หลัง ลบงานบริษัท เพราะนายจ้างไม่จ่ายเงิน

ลูกจ้างต้องระวัง หนุ่มไอที แชร์ประสบการณ์ โดนฟ้อง 14 ล้าน เพราะลบงานบริษัท หลังนายจ้างไม่ยอมจ่ายเงิน แนะวิธีเรียกชดเชยแบบไม่เสียเปรียบ

นับเป็นอีก 1 อุทาหรณ์ สำหรับลูกจ้าง พนักงานบริษัท และมนุษย์เงินเดือน อีกหลายคน หลังจากที่ผู้ใช้งาน TikTok ชื่อว่า @bas.tec ได้เล่าถึงประสบการณ์โดนบริษัทงานเก่าฟ้องค่าเสียหายถึง 14 ล้าน หลังจากที่เขาตัดสินใจ ลบงานของบริษัท ที่เจ้านายว่าจ้างให้ทำแต่ไม่ได้รับค่าตอบแทน จึงได้ตัดสินใจออกมาเล่าผ่านคลิปให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับพนักงานหลายคน พร้อมกับแนะวีธีที่ถูกต้อง ให้พนักงานสามารถเรียกร้องค่าชดเชยจากการว่าจ้างอย่างไม่เป็นธรรม โดยไม่ต้องโดนสั่งฟ้อง ชดใช้ค่าเสียหายถึง 14 ล้านบาท เสียเอง 

 

คุณสรวิชญ์ หรือเจ้าของช่อง TikTok @bas.tec เล่าถึงสาเหตุของเรื่องราวนี้ว่า เขาได้ถูกจ้างงานจากบริษัทยักษ์ใหญ่รายได้หลักร้อยล้านต่อปี โดยในช่วงที่ทำงานได้ 3 เดือน เขามีความรู้สึกว่าอยากจะลาออกด้วยเหตุผลที่ว่า บริษัทไม่ค่อยแฟร์กับพนักงานเท่าไร เพราะพนักงานทำงานล่วงเวลาไม่มีโอที วันหยุดนักขัตฤกษ์ไม่ได้หยุด และไม่มีชดเชยด้วย ด้วยความที่ตอนนั้นผมเรียนจบด้วยวุฒิ ปวช.เป็นงานคอมพิวเตอร์ พอรู้เรื่องโซเชียล จึงกลับมาทำงานที่ จ.สระแก้ว กับบริษัทแห่งหนึ่ง

 

ก่อนจะย้ายไปทำงานที่บริษัทใหม่ในตำแหน่ง ไอที ยิงโฆษณา เฟซบุ๊ก ยูทูบ ทำเว็บไซต์สำเร็จรูปเป็น อยู่ได้เกือบปี อยากลาออกอีก เพราะรู้สึกได้ถึงความไม่แฟร์กับพนักงาน ทั้งเงินเดือนออกช้า และเงินอัดฉัดตามยอดขายที่ไม่ได้ตามที่บริษัทตกลงไว้ 

 

กระทั่งปี 63 คุณสรวิชญ์ ได้ถูก บริษัทโยนงานให้หลังจากที่เห็นว่าเขียนโปรแกรมได้ โดยเป็น โปรแกรมที่เขียนสูตรบนเอกซ์เซล หลัจากนั้นเขาได้ถูกโยนโจทย์ให้คิดชิ้นงาน จึงได้นำเสนองานไป จวบกับช่วงปลายปี คุณสรวิชญ์ อยากจะลากออกจากงานอยู่แล้ว เพราะเงินเดือนก็ไม่ได้เยอะและถูกหักอย่างเดียว

หลังจากที่เจ้านายเริ่มรู้ว่าคุณสรวิชญ์ จะลาออก เขาจึงยื่นข้อเสนอให้ คุณสรวิชญ์ เขียนโปรแกรมที่สามารถพัฒนาองค์กรได้ พร้อมกับเสนอว่าจะซื้อโปรแกรมดังกล่าว 

 

คุณสรวิชญ์ เล่าอีกว่า ผมก็ทำจนถึงเดือนมกราคมก็เสร็จแล้ว ไม่ถึงเดือน เป็นโปรแกรมเกี่ยวกับงานฝ่ายขายง่ายๆ เช่นลูกค้ามาเดือนนึง 1 พันคน มาซื้อสินค้า อนุมัติกี่คน ยกเลิกเท่าไร และลูกค้าที่ดำเนินการอยู่มีเท่าไร ผมเขียนไว้ 3 โปรแกรม เช่นโปรแกรมสรุปยอดขาย คือแค่ทุกคนกรอกข้อมูลเดี๋ยวโปรแกรมจะบอกเองว่าเดือนนี้ขายอะไรบ้าง ประเภทไหนบ้าง กลุ่มตลาดในจังหวัดมีประเภทไหนบ้าง เขาก็ชอบ จึงถามเรื่องที่เขาบอกว่าจะซื้อ เขาก็บอกว่าให้ใจเย็นๆ ทำให้ดีก่อน ก็คิดว่าเดี๋ยวเขาคงจ่าย เพราะโปรแกรมหน้าตามันก็เหมือนเอกซ์เซล โปรแกรมมันก็ใช้งานได้

 

จนมาถึงเดือน เม.ย. จากโปรแกรม 3 ตัวผุดขึ้นมาเป็น 9 ตัว ซึ่งเป็นโปรแกรมต่างๆ ที่สำคัญ จึงเอาไปเสนอว่า โปรแกรมมันเรียบร้อยหมดแล้ว พี่จะซื้อผมยังไง เขาก็ยังยื้ออยู่ ไอ้พวกโปรแกรมเนี่ยมันจะรันผ่านกูเกิ้ลชีท บนกูเกิลไดร์ฟ ซึ่งกูเกิลไดร์ฟเป็นชื่อผม เพราะตกลงกันแล้วว่าจะซื้อจึงเป็นชื่อของผม ผมก็ทำอะไรไม่ได้ จะไปทำหนังสือทวงก็ไม่ได้ เพราะเราเป็นลูกจ้างเขา แต่งานตรงนี้มันเป็นงานที่เพิ่มขึ้นมา ส่วนงานที่ต้องดูแลข้อมูลหลังบ้านที่ผมสร้างขึ้นเพื่อขายให้เขา ในใจคิดว่าคงไม่ได้แล้ว จนถึงปลายปี ช่วงประมาณเดือนกันยายน ก็คิดว่าเรื่อยๆ อยู่ได้ก็อยู่ เขามาบีบเอางานผม ให้ผมเอางานขึ้นไดร์ฟให้เขา แต่ตอนนั้นผมโดนถอดงานเกือบหมดแล้ว สภาพเหมือนโดนลอยแพ แล้วที่ตกลงซื้อขายกันล่ะ คือบังคับให้ผมเอางานขึ้นแล้วจะไม่จ่ายเงิน เหมือนหลอกให้ผมทำงานฟรี ผมรู้สึกว่ามันไม่แฟร์

 

ซึ่งอันนี้ฝากถึงน้อง ควรเก็บหลักฐาน หรือทำเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ แต่ตอนนั้นผมไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย บอกเลยว่าพลาดมากๆ หลังจากเขาบังคับให้ผมเอางานขึ้นไดร์ฟให้หมด ผมก็บอกว่ามันต้องใช้เวลา มันจะมอบสิทธิ์ไม่ได้ มันคนละโดเมนต์กัน เขาก็ยังบอกทำให้หน่อย ตอนนั้นคิดว่าอยู่ไม่ได้แล้ว เขาบีบเอางานผมไม่พอยังไม่จ่ายเงินชดใช้อีก จึงตัดสินใจออกจากบริษัทไปเลย แล้วดีดทุกคนที่อยู่ในไฟล์งานของผมออก แต่ว่างานยังอยู่ เท่ากับว่าทุกคนไม่สามารถใช้งานของผมได้ แต่ผมมีข้อมูลเก็บอยู่บนเว็บไซต์ เขาก็ติดต่อข่มขู่มาทางคนรอบข้าง และยังมีคนมาข่มขู่ผม

 

เสร็จแล้วก็กลายเป็นคดีไป มีการลงบันทึกประจำวันไว้ เพราะเขาไม่ยอม เขาบอกว่าเขาเสียหาย ตอนนั้นผมคิดว่าเขาคงกลัวผมเอาข้อมูลเขาไปขาย ผมก็มั่นใจว่าผมไม่ผิดเพราะมันเป็นของที่ผมสร้างไว้ และผมควรจะได้คืนเพราะเขาไม่ได้ใช้ จากนั้นผ่านไปประมาณ 3 เดือน ก็ยังเงียบอยู่ เข้าเดือนที่ 4 ผมไปสมัครงานกับบริษัทคู่แข่งเขา ตอนที่เขาไปลงบันทึกประจำวันไว้วันที่ 23 กันยา จากนั้นวันที่ 27 กันยา ผมก็เอาหลักฐานไปหาพนักงานสอบสวน แต่ตำรวจไม่ดูอะไรเลย บอกให้ผมยอมรับอย่างเดียว

 

แล้วก็มีตำรวจโทรมาหาผมถามว่า ได้ไปลบข้อมูลบริษัทมั้ย แค่ยอมรับไป ไม่มีอะไรหรอก ชดใช้ค่าเสียหายไปก็จบ ซึ่งความจริงอย่าไปยอมรับ ถ้ายอมรับคือจบเลย ให้ไปสู้กันในชั้นศาลแทน พอได้หมายเรียกผมก็ไปให้การตามปกติ พอหมายเรียกที่ 2 มาก็รอขึ้นศาล ก่อนไปสู้กันในชั้นศาล และเตรียมหลักฐานไปสู้เรื่องที่เขาให้งานผมทำแล้วไม่จ่ายค่าจ้าง ซึ่งมันเกิดการจ้างงานกันจริงๆ เขาอ้างว่าไม่ได้พูด ผมเป็นคนทำเอง พอขึ้นศาล ศาลก็สรุปมาคำนึงบอกว่า ผมไปให้การว่าไม่ได้ลบแต่ไปดีดให้พนักงานเขาใช้งานไม่ได้ ทำให้เขาเกิดความเสียหาย ซึ่งที่เขาจ้างงานเราแล้วไม่จ่ายค่าจ้าง เราไปเรียกร้องเขาได้ แต่ที่ผมทำให้เขาใช้งานไม่ได้จนเกิดความเสียหาย อันนี้ผิด

 

สรุปเขาเรียกผมมา 14 ล้าน ศาลมองว่าเยอะเกินไป เขาจึงลดให้เหลือ 7 ล้าน ก่อนคุยไปคุยมา เขาเรียกผมเหลือ 2 ล้าน ศาลเห็นว่าเป็นตัวเลขที่เหมาะสม ผมก็แย้งเรื่องค่าใช้จ่ายโปรแกรมของผม ศาลก็ให้เคลียร์กันเลย แล้วเอาไปหักลบกับ 2 ล้าน เบ็ดเสร็จเหลือ 1.5 ล้าน ทนายก็ต่อรองจนจบที่ 1.2 ล้าน สุดท้ายแพ้คดี รอลงอาญา 2 ปี และต้องใช้หนี้เขา

 

สำหรับในกรณีนี้ คุณสรวิชญ์ ระบุข้อความเอาไว้ในคลิป ถ้าหากว่าโดนนายจ้างเอาเปรียบในเรื่องของค่าจ้างงาน หรือเงินเดิน แนะนำให้แจ้งที่ กรมแรงงาน ดีกว่าการตัดสินใจทำอะไรเองเช่นนี้

 

@bas.tec

แพ้คดี เคยโดนฟ้อง 14 ล้านบาท เพราะนายจ้าง ให้สร้างโปรแกรมงาน แต่ไม่ยอมจ่ายเงินซื้อ ใช้ฟรีถึงเก้าเดือน ก่อนลาออกจึงตัดสินใจลบ แล้ว ก็เรียบร้อย โดนฟ้องแพ้คดี

♬ เสียงต้นฉบับ - มือถือสเปคแรง ราคาถูก Bas.Tec

 

ข่าวที่น่าสนใจ