เด่นโซเชียล

ก้อนสีเหลือง ใน ตูดไก่ กินได้ไหม อ.เจษฎ์ เฉลย พร้อมเตือนสิ่งที่ต้องระวังกว่า

06 ก.ค. 2567

อ.เจษฎ์ ไขสงสัย ก้อนสีเหลือง ในตูดไก่ คืออะไร กินได้ไหม พร้อมตอบ กินแล้วเป็นมะเร็งได้หรือไม่ ย้ำ สิ่งที่ต้องระวัง มากกว่า ก้อนสีเหลือง

เมื่อ "ตูดไก่" ตกเป็นเฉลยสังคม หลังมีชาวเน็ตรายหนึ่งตั้งคำถามเกี่ยวกับ "ก้อนสีเหลือง" ที่อยู่ในตูดไก่ ว่า "ชอบกินตูดไก่มาก อยากรู้เหลืองๆ นี้มันคืออะไร พอกินแล้วมันจะอ้วก" จนมีชาวเน็ตจำนวนไม่น้อยออกมาถกเถียงกันใต้คำถามนี้ มีทั้งคนที่บอกว่ากินได้ ไม่ได้ และคนที่บอกว่า "ไม่รู้" 

 

จนต่อมา อ.เจษฎ์ หรือ รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ได้ออกมาโพสต์ข้อความไขข้อสงสัยให้กระจ่างว่า แท้จริงแล้ว เจ้า ก้อนสีเหลืองในตูดไก่ คืออะไรกันแน่ ผ่านเฟซบุ๊กเพจ Jessada Denduangboripant ระบุข้อความว่า 

 

มีคำถามจากในเพจเฟซบุ๊ค พวกเราคือผู้บริโภค เป็นภาพของอาหารจำพวก ตูดไก่ปิ้ง โดยเน้นไปที่ก้อนสีเหลืองๆ พร้อมแคปชั่นว่า "ชอบกินตูดไก่มาก อยากรู้ไอ้เหลืองๆ นี้มันคืออะไร พอกินละมันจะอ้วก" 

 

ก้อนสีเหลืองในตู้ไก่ คืออะไร ? อาจารย์เจษฎ์ตอบว่า "จริงๆ แล้ว ก้อนสีเหลืองๆ ตรงตูดไก่นั้น เป็นอวัยวะพิเศษ ที่ชื่อว่า "เบอร์ซา ออฟ ฟาบริเชียส ( Bursa of Fabricius )" ซึ่งเป็นอวัยวะต่อมน้ำเหลือง ที่มีกลุ่มเซลล์ภูมิคุ้มกันร่างกาย ทำหน้าที่สร้างแอนติบอดี และเข้ากินทำลายเชื้อแบคทีเรียและไวรัส เพื่อให้ไก่ต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ ได้"

 

นอกจากนี้ อาจารย์เจษฎ์ยังได้พูดถึงสิ่งที่น่ากลัวกว่า ก้อนสีเหลืองในตูดไก่ ด้วย โดยระบุว่า ก้อนสีเหลืองในตูดไก่ ไม่ได้เป็นอันตรายต่อการที่คนเราจะนำมาบริโภค เพียงแค่ต้องทำให้สุกสะอาดเท่านั้นเอง และก็ต้องระวังเรื่องที่ตูดไก่นั้นมีไขมันสูง จะไม่ดีต่อสุขภาพได้

 

ก้อนสีเหลือง ใน ตูดไก่ กินได้ไหม อ.เจษฎ์ เฉลย พร้อมเตือนสิ่งที่ต้องระวังกว่า

กินตูดไก่บ่อยๆ จะได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบบี

 

ก่อนหน้านี้ ก็เคยโพสต์อธิบายเรื่องทำนองนี้ไปแล้ว ตอนที่มีข่าวลือว่ากินตูดไก่บ่อยๆ จะได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ทำให้เป็นมะเร็งตับได้  ซึ่งไม่จริงนะครับ ! (อ่านรายละเอียด ในรีโพสต์ด้านล่าง)

 

ตูดไก่ ไม่ได้มีสารก่อมะเร็ง

 

มีคำถามจากคลิปแชร์กันมาว่า มีหนุ่มชาวจีนคนหนึ่งที่ป่วยเป็นโรคไวรัสตับอักเสบบี แล้วหลังจากเค้ากิน "ตูดไก่" แทบทุกวันมาเป็นสิบปี เค้าก็กลายเป็นมะเร็งตับ ซึ่งในคลิปอ้างว่าเพราะตูดไก่มี มีเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย ก่อโรคเยอะ มีเซลล์เนื้องอกที่ก่อมะเร็งได้  จึงห้ามกินตูดไก่

 

คำตอบคือ ไม่จริงนะ ตูดไก่ไม่ได้มีสารก่อมะเร็ง แต่กินน้อยๆ หน่อยก็ดี เพราะมันไขมันสูง

 

คนหลายคน โดยเฉพาะคนเชื้อสายจีน ชอบกินตรงไก่ตูดไก่ เช่น เอามาปิ้งกินเล่น  แต่ก็มีข่าวลืออยู่เรื่อยว่าตูดไก่นั้นก่อมะเร็งได้ เพราะมีเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย หรือแม้แต่ฮอร์โมนสะสมอยู่มาก และจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

 

ความจริงแล้ว ไม่ได้มีงานวิจัยอะไรเลยที่ระบุว่า ตูดไก่มีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็ง เป็นไปได้ว่า มาจากการที่กังวลว่าตูดไก่นั้นเป็นช่องทางการขับถ่าย น่าจะสกปรก กินมากก็ไม่ดี ทั้งที่บริเวณตูดไก่นั้นไม่ได้จะมีสารพิษหรือสารก่อมะเร็งอะไร
จริงๆ แล้ว ตรงตูดไก่นั้น มีอวัยวะพิเศษที่ชื่อว่า เบอร์ซา ออฟ ฟาบริเชียส ( Bursa of Fabricius ) ซึ่งเป็นอวัยวะน้ำเหลืองอยู่ใกล้กับรูทวาร อวัยวะนี้จะมีกลุ่มเซลล์ภูมิคุ้มกันร่างกาย (เช่น บีเซลล์ และ แม็คโครฟาจ) ทำหน้าที่สร้างแอนติบอดีและเข้ากินทำลายเชื้อแบคทีเรียและไวรัส เพื่อให้ไก่ต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ ได้ 

 

บางคนกังวลว่า เวลาบีเซลล์กำจัดเชื้อโรคที่ตรงตูดไก่ จะทำให้เกิดสารพิษอะไรสะสมอยู่ตรงนั้นตามมาหรือเปล่า แต่ความจริงแล้ว เซลล์ภูมิคุ้มกันร่างกายจะกลืนกินเชื้อโรคเข้าไปทั้งหมด ไม่เหลือสารพิษเหลืออยู่ 

 

กินตูดไก่ ทำให้หน้าอกใหญ่ ?

 

ส่วนปัญหาเรื่องฮอร์โมนที่สะสม โดยเฉพาะฮอร์โมนเอสโทรเจน (ฮอร์โมนเพศหญิง) ซึ่งละลายได้ดีในไขมัน เลยทำให้มันน่าจะมีเยอะตรงบริเวณตูดไก่ แล้วจะทำให้คนที่กินเข้าไปนั้นเกิดความไม่สมดุลย์ของปริมาณฮอร์โมนเพศในร่างกายหรือเปล่า .

 

คำตอบคือ "ไม่" ปริมาณของฮอร์โมนเอสโทรเจนที่เรากินเข้าไปจากไก่นั้นมีเล็กน้อยมาก เมื่อเทียบกับปริมาณฮอร์โมนที่สร้างขึ้นในร่างกายเรานั้น โดยส่วนใหญ่แล้วมาจากที่เซลล์ไขมันในร่างกายสร้างขึ้นเอง (และจากรังไข่ ในกรณีของผู้หญิง) ปัญหา "โรคอ้วน" มากกว่าที่มักทำให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายผิดปรกติ จนนำไปสู่โรคมะเร็งได้

 

อย่างไรก็ตาม ตูดไก่ ก็เป็นจุดที่มีไขมันสูง ทำให้อ้วนได้ถ้ากินเยอะ และการที่คนเรามีน้ำหนักตัวมากไป ก็เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคต่างๆ รวมถึงโรคมะเร็งได้ โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ 

 

แถมไขมันจากสัตว์ ก็มีกรดไขมันอิ่มตัวอยู่สูง ส่งผลเสียต่อการเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจได้อีก

 

แถมด้วยการ "ปิ้งย่าง" ตูดไก่ จนไหม้เกรียม ก็สามารถทำให้เกิดสารก่อมะเร็งได้ ไม่ต่างอะไรกับเนื้อย่างหมูปิ้ง ... จึงไม่ควรจะกินมากอีกเช่นกัน