
สาวออฟฟิศกินจุบจิบ...เสี่ยงเบาหวาน
ขนมเค้ก คุกกี้ ขนมปัง ขนมถุง มันฝรั่งทอดกรอบ ฯลฯ สาวๆ ออฟฟิศส่วนใหญ่มีติดโต๊ะไว้แก้หิว เพราะตอนเช้าที่ต้องรีบตื่นแต่งตัวรีบเร่งไปทำงานให้ทัน แม้จะดื่มกาแฟแก้วเดียวก็แทบจะไม่มีเวลา
พอสายๆ ท้องก็เริ่มหิว เริ่มควานหาขนมที่วางไว้บนโต๊ะ หรือแซนด์วิชที่ร้านสะดวกซื้อมารองท้อง
ทั้งเครียด และยุ่ง แทบไม่ค่อยมีเวลากินข้าว แต่ชอบกินจุบกินจิบ สาวออฟฟิศส่วนใหญ่มักไม่ค่อยมีเวลาไปออกกำลังกาย น้ำหนักตัวจึงยิ่งเพิ่มพฤติกรรมซ้ำๆ เหล่านี้ทำให้สาวๆ ออฟฟิศ เสี่ยงต่อการเป็น "เบาหวาน" โดยไม่รู้ตัว
"เราไม่ควรกินน้ำตาลเกินวันละ 6 ช้อนชา”
ตามหลักโภชนาการ กำหนดให้ผู้ที่มีสุขภาพปกติ บริโภคน้ำตาลได้ไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา แต่ที่ห่วงสวยจะเลี่ยงมารับประทานผลไม้เป็นของว่าง และได้รับน้ำตาลมากถึงวันละ 25 ช้อนชา ส่วนกลุ่มที่ชอบกินขนมกรุบกรอบได้รับน้ำตาลวันละประมาณ 18 ช้อนชา
“กินหวาน” ไม่ได้ทำให้เป็น "เบาหวาน" แต่เสี่ยงต่อการเป็น "เบาหวาน"
เบาหวาน คือ ภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดมากเกินปกติ เกิดจากการขาดฮอร์โมนอินซูลิน หรือประสิทธิภาพการทำงานของอินซูลินลดลงเนื่องจากภาวะดื้อต่ออินซูลิน ถ้าร่างกายได้รับปริมาณน้ำตาลและแป้งเกินเป็นประจำ จะทำให้ตับอ่อนทำงานหนักจากการผลิตอินซูลิน ส่งผลให้มีน้ำตาลอยู่ในกระแสเลือดสูง และในที่สุดอาจกลายเป็นเบาหวานได้
ส่วนใหญ่สาวๆ ที่ทำงานออฟฟิศจะงดอาหารเช้า ดื่มแค่กาแฟแก้วเดียวก่อนไปทำงาน พอนั่งทำงานไปสักพักจะรู้สึกหิว เพราะระดับน้ำตาลในเลือดลดลง สมองจึงสั่งการว่า “หิว” จะหาขนมมากิน จนกว่าระดับน้ำตาลในเลือดจะสูงขึ้น แล้วสมองสั่งการให้หยุดกิน ในความเป็นจริงสมองมักจะรับรู้ช้ากว่า จึงได้รับน้ำตาลและพลังงานเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ
ส่วนใหญ่ขนมหรือน้ำผลไม้ที่หยิบมากินรองท้องในระหว่างมื้อ ปริมาณการกินจะไม่มากแต่ให้แป้งและน้ำตาลสูง กว่าอาหารมื้อหลัก และไม่ทำให้อยู่ท้องด้วย
อาหารที่ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดเบาหวาน คือ กลุ่มคาร์โบไฮเดรต ควรรับประทาน กลุ่มแป้ง เช่น ข้าวไม่เกินวันละ 8-12 ทัพพี และ น้ำตาลไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา บางคนเลือกรับประทานผลไม้ แต่เมื่อคำนวณปริมาณน้ำตาลโดยรวมออกมา อาจมีปริมาณมากกว่าการรับประทานขนม เพราะในผลไม้ หรือเครื่องจิ้มมีปริมาณน้ำตาลเช่นเดียวกัน
จะรับประทานแป้ง และน้ำตาลมื้อไหนดี?
เพื่อไม่ให้เกิดการสะสมในร่างกายมากเกินไป สาวๆ ควรเลือกรับประทานอาหารกลุ่มนี้ในมื้อเช้า และกลางวัน ซึ่งจะถูกเผาผลาญ แทนการสะสมในร่างกาย
วิธีลดเสี่ยงเบาหวาน
1. ไม่ควรรับประทานน้ำตาลเกินวันละ 6 ช้อนชา และแป้ง ( ข้าว ก๋วยเตี๋ยว ขนมปัง เค้ก ฯลฯ) ไม่เกิน 8-12 ทัพพี
2. ควรจดบันทึกปริมาณพลังงานที่ได้รับ/วัน หรือนับการรับประทานอาหารกลุ่มแป้ง น้ำตาล และไขมัน
3. อย่าซื้อขนมหวาน เวลาเบื่อ หรือนั่งดูทีวี ควรเลือกรับประทานผลไม้ที่ไม่หวานแทน เช่น ฝรั่ง, มันแกว ฯลฯ
4. รับประทานให้ช้าลง ร่างกายจะรับรู้ถึงสัญญาณความอิ่มหลังรับประทานอาหารประมาณ 15-20 นาที ถ้าเรารับประทานช้าลงเราก็จะรู้สึกอิ่มโดยที่ไม่ได้รับประทานเกินความต้องการของร่างกาย
5. เคี้ยวให้นานขึ้น ยิ่งเคี้ยวนานเราก็จะรับประทานช้าลง และอิ่มเร็วขึ้น
6. ออกกำลังกายอาทิตย์ละ 3 ครั้งเพื่อลดปริมาณไขมันในร่างกาย
เบาหวาน เป็นโรคที่ใช้เวลาในการเกิดโรคนาน และเป็นโรคที่มาจากพฤติกรรมการกิน เป็นโรคเรื้อรังที่ต้องรักษาติดต่อกันเป็นเวลานาน หรือตลอดชีวิต ดังนั้น ถ้าสาวๆ ที่มีพฤติกรรมชอบกินจุบจิบ กินตามใจปาก และมักจะระวังการบริโภคแป้ง แต่ไม่ค่อยระวังเรื่องน้ำตาล โดยเฉพาะน้ำตาลแฝง จึงควรปรับพฤติกรรมการกินใหม่ ใส่ใจในการเลือกอาหารในแต่ละมื้อ ไม่ทำให้รูปร่างอ้วน และไม่เสี่ยงเป็นเบาหวานด้วย
ศุภลักษณ์ ทองนุ่น
นักโภชนาการ โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท
โทร. 0-2769-2000