
สนามเรื่องสั้น-สั้น:จิ้งจก2ตัว
สนามเรื่องสั้น-สั้น : จิ้งจก 2 ตัว : โดย...สุรบุตร ศุภกิจจงเจริญ
จิ้งจก 2 ตัวกำลังเสพตัณหารักอย่างร้อนเร้า บนเพดานของร้านหัวปลาหม้อไฟเถ้าแก่ยิ้ม จิ้งจกตัวแรกเป็นจิ้งจกหนุ่มผู้ยังไม่เคยได้ลิ้มลองรสรัก มันจึงกระสันยิ่งนักเข้ารุกเร้าไม่ยอมหยุด ส่วนอีกตัวเป็นจิ้งจกม่ายผู้มากประสบการณ์ ทั้งสองต่างก็สะบัดหางเอนเอวรับจังหวะกันอย่างไม่เกรงใจหัวปลาในหม้อไฟในด้านล่าง ครั้นถึงคราวแม่ม่ายร้ายรักเล่นท่าตวัดหางล่วงคอหอย จิ้งจกหนุ่มไร้เดียงสาก็ไล่ตามไม่ทัน เล่นเอาพลาดท่าเสียจังหวะ ทำคู่รักหล่นจากฟากฟ้าเพดานรัก แต่ด้วยยังไม่เสร็จกิจกามรัก จิ้งจกหนุ่มก็หวังตามไปเผด็จศึกกันต่อที่ภาคพื้นดิน คิดแล้วมันก็กระโดดตามม่ายสาวไปติดๆ
จิ้งจกม่ายมองขึ้นฟ้าเห็นจิ้งจกหนุ่มโดดตามลงมาก็กระดี๊กระด๊าเป็นการใหญ่ ส่งยิ้มหวานไปให้อีกหนึ่งที ทว่าจิ้งจกหนุ่มผู้หันหน้าลงพื้นดิน เห็นหม้อไฟรอคู่รักอยู่ก็ร้องตะโกนออกไปอย่างสุดเสียงว่า "เกฌ็ฏซ๊ฌโษศฏฆฏณ๋ณ" แต่ยังไม่ทันจะสิ้นเสียง ม่ายสาวก็ตกลงหม้อไฟ มันดิ้นทุรนทุรายตายในความทุกข์ทรมานต่อหน้าต่อตาของคุณนายศรี เธอตัวใหญ่เหมือนช้างแต่ขี้ตกใจเหมือนกระต่าย เธอลุกขึ้นกรีดร้องเสียงดังลั่นร้าน แขนเธอสะบัดขึ้นฟ้าปัดไปโดนจิ้งจกหนุ่มที่กำลังจะตกหม้อไฟรอดตายอย่างหวุดหวิด แล้วมันจึงวิ่งหนีหลบหายไป ในวินาทีนั้นเอง บ๋อยผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อีกคนกำลังยกหม้อไฟไปเสิร์ฟลูกค้าด้านใน ก็โดนแขนอีกข้างของคุณนายศรีกระแทกเข้าเต็มสีข้าง หม้อไฟร้อนๆ ก็กระเด็นราดเข้าเต็มหน้าของอาเสี่ยเฉลิม
อาเสี่ยเฉลิมที่ขึ้นชื่อว่าดุกว่าเสือร้าย มีอิทธิพลเป็นดั่งชื่อเล่น และมีบารมีเป็นดั่งนามสกุล แกนั่งนิ่งไม่ร้องออกอาการสักคำ เอามือลูบหน้าช้าๆ แล้วหันไปทางอีตัวราคาห้าร้อยบาทที่เพิ่งเรียกตัวมา อีตัวนางนั้นนั่งนิ่งไม่ขยับด้วยความตกใจ แต่ก็ปรากฏไว้ซึ่งรอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก อาเสี่ยเฉลิมนั่งนิ่งแต่ในใจร้อนดั่งไฟแผดเผาด้วยขายหน้าผู้คนในร้านและอีตัวที่มาด้วยกัน ว่าแล้วเขาจึงหันไปทางบ๋อย ผู้นั่งคุกเข่ากราบไหว้ขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ ด้วยกลัวกับโทษทัณฑ์ที่อาเสี่ยเฉลิมจะมอบให้ ตามมาติดๆ ด้วยเถ้าแก่ยิ้มที่วิ่งออกมาจากหลังร้านเพื่อขอโทษอาเสี่ยเฉลิมทันทีที่ทราบเรื่อง
0 0 0
ผู้คนทั้งร้านหันมาทางอาเสี่ยเฉลิมแล้วนั่งเงียบ ราวกับรอฟังนายกกล่าวสุนทรพจน์ แล้วอาเสี่ยเฉลิมลุกขึ้นอย่างช้าๆ เอามือตบบ่าเถ้าแก่ยิ้ม บอกว่า "ไม่เป็นไรหรอกครับเถ้าแก่ เดี๋ยวผมขอตัวกลับบ้านไปอาบน้ำก่อนนะครับ" เถ้าแก่ยิ้มกลัวจนเยี่ยวแทบไหล กล่าวขอโทษขอโพยต่างๆ นานา แล้วเดินไปส่งอาเสี่ยเฉลิมถึงที่รถ เย็นวันนั้นบ๋อยผู้โชคร้ายถูกเถ้าแก่ยิ้มไล่ออกในทันที เขาเดินคอตกกลับบ้านแล้วคิดถึงหน้าลูกเมียที่รอเงินไปซื้อกับข้าวกินอย่างรันทด ว่าแล้วก็นึกน้อยใจชะตาชีวิตของตน แหงนหน้ามองขึ้นฟ้าแล้วร้องตะโกนด้วยความคับแค้นใจ "ทำไมกูซวยยังงี้วะ ไอเหี้ยยยยยย" ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงตะโกน ชายฉกรรจ์ 4 คนในชุดดำกระโดดลงมาจากรถปิกอัพ แล้วระดมเอาไม้หน้าสามทุบตีบ๋อยผู้นั้นอย่างไม่ยั้งมือ ราวกับชายทุกคนมีความแค้นร่วมกันมาเป็นสิบปี
บ๋อยผู้โชคร้ายนอนจมกองเลือดไปหลายชั่วโมงกว่าจะมีคนมาพบ เขาถูกหามส่งโรงพยาบาลด้วยรถร่วม แต่ยังไม่ทันจะเลี้ยวเข้าโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ด้านหลังก็ตะโกนบอกคนขับว่าไม่ต้องไปโรงพยาบาลแล้ว ให้ยูเทิร์นไปวัดข้างๆ นี้แหละ เพราะบ๋อยผู้โชคร้ายสิ้นใจเสียแล้ว ความจำครั้งสุดท้ายของเขาคือ หมาพุดเดิ้ลตัวหนึ่งที่วิ่งผ่านมาแล้วเยี่ยวรดใส่เขาอย่างไม่เกรงใจ
ลูกเมียของบ๋อยอับโชคมาถึงศาลาแปด แล้วพากันร้องไห้ไม่ยอมหยุด หลวงตาแก่ธรรมเข้ามาปลอบใจว่า การเกิดแก่เจ็บตายนั้นเป็นธรรมดาของชีวิต โยมอย่าได้โศกเศร้าเสียใจต่อไปเลย สองแม่ลูกยกมือไหว้ท่วมหัวรับพระธรรม แต่จะมีปุถุชนคนใดทำใจได้ ในยามที่ผัวและพ่อต้องมาตายจากอย่างน่าอนาถขนาดนี้
เช้าวันรุ่งขึ้นสองแม่ลูกวิ่งไปโวยวายที่สถานีตำรวจราวกับคนบ้า แม้ไม่มีใครเห็นว่าผู้ใดทำร้ายบ๋อยร้านเถ้าแก่ยิ้มได้ขนาดนี้ แต่คนทั้งอำเภอต่างรู้ว่า ยังไงก็ต้องเป็นลูกน้องของอาเสี่ยเฉลิมแน่นอน ตำรวจเองมันก็รู้เช่นกัน แต่ปากกระบอกปืนที่แนบอยู่ข้างเอวอ้วนๆ ของตำรวจผู้น้อย จะทำอะไรกับอิทธิพลอันกว้างใหญ่ของอาเสี่ยเฉลิมได้ แม้กฎหมายและศีลธรรมที่ถูกพร่ำสอนกันทั้งแผ่นดินก็ยังต้องสยบ ใครจะอยากตามเรื่องให้ชีวิตมาจบลงอย่างบ๋อยผู้นี้
แต่ความคับแค้นใจของลูกที่เสียพ่อนั้น หาได้เกรงความตายไม่ ต่อให้เป็นผีห่าซาตานยิ่งใหญ่มาจากไหนมันก็จะบุกไปแก้แค้นให้พ่อมัน ต่อให้รู้ดีว่าจะมีห่ากระสุนนับร้อยรอยิงร่างมันให้พรุนมันก็ไม่กลัว ขอเพียงมีดดาบเล่มเดียว ลูกชายคนนี้จะแทนคุณพ่อเอง หลายคืนต่อมาไอ้หนุ่มกำแหงคิดแผนลอบฆ่าไอ้เสี่ยจัญไรได้สำเร็จ มันลับมีดอย่างใจเย็นราวกับนักฆ่ามืออาชีพ แล้วไปหลบในห้องน้ำร้านเถ้าแก่ยิ้ม ที่มันรู้ล่วงหน้าว่าอาเสี่ยเฉลิมจะมากินในเย็นวันศุกร์นี้ มันนั่งรอราวกับเสือร้ายที่ซ่อนอยู่ในโพรงไพร รอเหยื่อของมันผ่านมาอย่างเงียบสงบ
และแล้วเสียงของอาเสี่ยเฉลิมก็ลอยมาตามลม เอี๊ยดดด เสียงเปิดประตูดังขึ้นอย่างแผ่วเบา อาเสี่ยเฉลิมเข้ามาในห้องน้ำแล้ว มันเป็นเหมือนนาทีแห่งชีวิตของคนเรา ที่สามารถเกิดอะไรขึ้นได้มากมายหลายอย่าง แต่กับความตายแล้ว เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามันจะมาเยือนเราเมื่อใด ดังเช่นที่อาเสี่ยเฉลิมไม่รู้เลยว่ามีพยัคฆ์ร้ายตัวหนึ่งแอบซุ่มรอเอาชีวิตมันอยู่ หัวใจของหนุ่มกำแหงเต้นรัวราวกับกลองรบ มือขวาของเขากำดาบไว้แน่น เขาหลับตาแล้วสวดมนต์ นึกถึงบุญคุณของพ่อ แล้วเปิดประตูห้องน้ำออกไป
อาเสี่ยมองหน้าเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เพิ่งออกมาจากห้องส้วมได้เพียงเสี้ยววินาที ดาบยาว 1 ฟุต ก็แทงทะลุคอหอยของเขาเสียแล้ว แต่มือปืนรับจ้างของอาเสี่ยก็ใช่จะไร้ฝีมือ เขาชักปืนออกมาไวพอๆ กัน แล้วรั่วกระสุน .75 เข้าเต็มหน้าผากของเด็กหนุ่มไปสองนัด ร่างเด็กหนุ่มร่วงหล่นดั่งใบไม้แก่โดนลมพัด แต่มือของเขายังคงกำมีดที่ปักคาคอของอาเสี่ยเฉลิมไว้แน่น ไม่มีใครช่วยอาเสี่ยเฉลิมได้ทัน ดาบแรกและดาบสุดท้ายของเด็กหนุ่มนั้นคมและไวเกินไป ศพทั้งสองนอนทับกันราวกับคู่รัก ที่ไม่อาจแยกจากกัน
แต่ก่อนที่จะมีใครมาเก็บศพที่นอนอาบกองเลือดทั้งสอง แมลงวันตัวน้อยใหญ่ก็เริ่มทำหน้าที่ตามธรรมชาติของมันอย่างสนุกสนาน แล้วก็ตามมาด้วยจิ้งจกหนุ่มตัวหนึ่ง ที่ไต่คลานขึ้นมาบนศพเด็กหนุ่มอย่างเชื่องช้า มันตวัดลิ้นกินแมลงวันเหล่านั้นด้วยความหิวโหย หลายชีวิตได้สุญเสียไป หลายลมหายใจได้ดับลง จิ้งจกตัวนั้นเดินจากไปหลังจากที่มันอิ่มท้อง แล้วมันก็รีบวิ่งไปหาจิ้งจกตัวเมียด้วยความกระสันอีกครั้ง
------------------------
(สนามเรื่องสั้น-สั้น : จิ้งจก 2 ตัว : โดย...สุรบุตร ศุภกิจจงเจริญ)