ไลฟ์สไตล์

จบม.ปลายพร้อมป.ตรีเรียนพรี-ดีกรี ม.ราม

จบม.ปลายพร้อมป.ตรีเรียนพรี-ดีกรี ม.ราม

08 พ.ค. 2552

"พรี-ดีกรีให้โอกาสทางการศึกษาและทางเลือกหนึ่งของคนที่สอบตรงแอดมิชชั่นส์ไม่ได้ ไม่ว่าจะอายุมากหรืออายุน้อย ถ้ามีวุฒิ ม.ต้นก็มาเรียนได้ ทำให้มีโอกาสจบปริญญาตรีเร็วขึ้น ขอบคุณ ม.รามคำแหงที่มีโครงการนี้ขึ้นมา ถ้าไม่มีราม ก็ไม่มีเราในวันนี้" สี่พี่น้องตระกูล

ครอบครัว"รุ่งเรืองศุภรัตน์" มีภูมิลำเนาอยู่ที่อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร และประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทว่า "สมชาย รุ่งเรืองศุภรัตน์" ผู้เป็นพ่อกลับไม่ได้บังคับให้ลูกๆเดินตามรอยตัวเอง  แต่สนับสนุนให้ลูกเรียนกฎหมายในโครงการพรี-ดีกรี (Pre-Degree) ของ ม.รามคำแหง 

ลูกชายฝาแฝด "หนึ่ง" ทศพร และ "สอง" ทศพล พร้อมลูกสาว "อ้น" อาภาภรณ์ช่วงที่สามพี่น้องวัยขาสั้นคอซอง เรียนชั้น ม.ต้น โรงเรียนกระทุ่มแบนวิเศษสมุทคุณ ก็ได้เรียน ม.ต้น ที่ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ไปพร้อมกัน เมื่อจบ ม.ต้นจาก กศน.จึงใช้วุฒิ กศน.ไปสมัครเรียนปริญญาตรี ในคณะนิติศาสตร์รั้วพ่อขุนเมื่อปี 2547 ตามคำแนะนำของพ่อที่ว่า "คนเรียนกฎหมายไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ประกอบอาชีพได้หลายสาขา และนำความรู้ไปทำประโยชน์แก่สังคมได้" พร้อมกับเรียน ม.ปลายที่ศูนย์ กศน.ไปพร้อมกันด้วย ถัดมาในปี2549  น้องสาวรองสุดท้อง "นา" พัชรมัยเดินตามพี่ๆสมัครเรียนคณะนิติศาสตร์โครงการเดียวกัน

 วันนี้พวกเขาทั้ง 4 จบปริญญาตรีนิติศาสตรบัณฑิตจาก ม.รามคำแหง "ทศพร" จบอายุ19 ปี ปัจจุบันรับราชการยศร้อยตำรวจโท ตำแหน่งพนักงานสอบสวนประจำ สน.หนองแขม กรุงเทพฯ  "ทศพล" จบอายุ18 ปี ทำงานที่สำนักงานอัยการสูงสุดเป็นนิติกรประจำสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือกฎหมายแก่ประชาชน ฝ่ายสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) "อาภาภรณ์"  จบอายุ17 ปี เป็นนิติกรที่ศาลอุทธรณ์กลาง และ "พัชรมัย" จบเร็วกว่าพี่ทั้งสามอายุ 16 ปี กำลังเรียนที่สถาบันสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา 

"ผู้หมวดทศพร" เล่าว่ารูปแบบการเรียนการสอนของพรี-ดีกรี เหมือนกับปริญญาตรีภาคปกติของ ม.รามคำแหง แต่จ่ายหน่วยกิตละ 50 บาท เฉลี่ยเข้าเรียนอาทิตย์ละ 3-4 วัน อยู่ในช่วงเวลา 07.30-17.30 น. สาขาวิชานิติศาสตร์ต้องเรียนให้ได้ 145 หน่วยกิต และมีวุฒิ ม.6 มายื่นก่อนเรียนจบ จึงจะได้รับวุฒิปริญญาตรี เรียนเวลา 3 ปีจ่ายค่าเล่าเรียนไม่ถึง 2 หมื่นบาท

 "ผมกับน้องๆ เรียนจบมาได้เพราะรู้จักแบ่งเวลา มีวินัย ความรับผิดชอบและขยันอ่านหนังสือ อีกทั้งยังได้รับความเมตตาจากพี่ๆ ที่มหาวิทยาลัยช่วยแนะนำ คอยให้ความรู้พวกเรา" ผู้หมวดทศพรบอกเคล็ดลับ

 "อาภาภรณ์" เจ้าของเกียรตินิยมอันดับสองเล่าเสริมว่าการเรียนกฎหมายไม่ได้ยากอย่างที่หลายคนคิด เพียงแต่ต้องขยันอ่านหนังสือ ท่องจำและทำความเข้าใจกับตัวบทกฎหมาย วิเคราะห์และรู้จักนำไปปรับใช้ อาจารย์สอนให้ยึดหลัก "จำได้-เข้าใจ-ใช้คล่อง" หมั่นฝึกทำข้อสอบอย่างสม่ำเสมอทั้ง 3 ส่วนหลักคือ หลักกฎหมาย วินิจฉัยและสรุป ว่า มีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับข้อกฎหมายนั้นและกรณีตัวอย่างที่ศึกษา

  สี่พี่น้อง "รุ่งเรืองศุภรัตน์" แต่ละคนมีเป้าหมายอนาคตของตนเอง"ผู้หมวดทศพร" และ "อาภาภรณ์"  ใฝ่ฝันเป็นผู้พิพากษาขณะที่ "ทศพล" และ"พัชรมัย" วาดหวังเป็นอัยการเพราะพวกเขายึดมั่นตามคำที่พ่อสอนไว้นั่นเอง!! 

0ธรรมรัช   กิจฉลอง/เรื่อง

วัชรชัย  คล้ายพงษ์/ภาพ