
หูอื้อ หูดับ เสียงแค่ไหนเรียกว่าดัง
เสียงที่ดังมากไม่ว่าจะเป็นเสียงจากพลุ ประทัด ปืน เสียงปิดประตูแรงๆ เสียงที่ดังเกินไปในสถานท่องเที่ยวยามราตรี ในโรงภาพยนตร์ หรือแม้เสียงที่ตะโกนใส่หู ล้วนแล้วแต่ทำให้เกิดแรงอัดอากาศกระแทกเยื่อแก้วหูได้ทั้งสิ้น
ทางการแพทย์เรียกการบาดเจ็บจากเสียงดังนี้ว่า noise trauma หรือการรับบาดเจ็บจากการถูกตบบ้องหูสองข้าง ทำให้หูอื้อและแก้วหูอักเสบ กรณีหลังแตกต่างจากเสียงพลุระเบิด ประทัด ตรงที่ไม่ได้เกิดจากเสียงดังกระแทกแก้วหู แต่เกิดจากแรงอัดอากาศกระแทกแก้วหูอย่างรวดเร็วและรุนแรง ซึ่งจะเรียกการบาดเจ็บจากแรงอัดอากาศนี้ว่า barotraumas (บา-โร-ทรอ-ม่า) คำว่า “baro” หมายถึง ความดัน ส่วนคำว่า “trauma” ก็คือการบาดเจ็บ
เสียงดังแค่ไหนเรียกว่าดังมาก และควรหลีกเลี่ยง
หูคนเราไม่ควรรับเสียงดังเกิน 85 เดซิเบล (เสียง 85 เดซิเบล คือเสียงที่ดังจนพูดกันไม่รู้เรื่องในระยะห่าง 1 เมตร) ถ้าท่านทำงานในโรงงานที่เสียงดัง 85 เดซิเบล ท่านไม่ควรทำงานเกิน 8 ชั่วโมง และควรหยุดพักอยู่ในที่เงียบทุกๆ 5 วันทำงาน และควรใช้เครื่องป้องกันเสียง เสียงดังเกิน 90 เดซิเบล ควรหลีกเลี่ยงเป็นอย่างยิ่ง หรือไม่ควรสัมผัสเลย ส่วนเสียงระเบิด เสียงปืน เสียงในสถานบันเทิงเริงรมย์ เสียงเครื่องบินขณะเครื่องออก ดังได้ถึง 120 เดซิเบล หรือมากกว่านั้น คนเราไม่ควรสัมผัส เสียงดัง 120 เดซิเบลโดยเด็ดขาด
เมื่อไรจะรู้ว่า ฟังเสียงดังเกินไป
- หูอื้อ หรือหูมีเสียงดังรบกวน หลังรับเสียง แม้อาจเป็นเพียงชั่วคราว
- ใจเต้นแรงขณะรับเสียง
- ในระยะ 1 เมตร คุยกันด้วยเสียงดังก็ยังฟังไม่รู้เรื่อง
- เริ่มมีประสาทหูเสื่อม ต้องพูดหรือฟังเสียงดังมากกว่าเดิมจึงได้ยิน
- อารมณ์แปรปรวน ถ้าเป็นเด็กอาจมีพฤติกรรมก้าวร้าว
คำแนะนำจากองค์การอนามัยโลก
เรื่องเสียงดัง และเวลาสัมผัสเสียงที่เหมาะสม เพื่อการได้ยินที่ดี
เสียงที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ความดัง (เดซิเบล) เวลา (ชั่วโมง)
เสียงนอกบ้าน เดือดร้อนรำคาญ 50-55 16
เสียงในบ้านเพื่อการได้ยินที่ดี 35 16
เสียงในห้องนอนไม่ให้รบกวนการหลับ 30 8
เสียงในห้องเรียน 35 เวลาเรียน
เสียงในโรงงาน-การจราจร 70 24
เสียงดนตรีผ่านหูฟัง หูจะเสีย 85 8
เสียงในพิธีการ งานวัด สถานบันเทิง 100 4
MP3 105 1
อาการที่ทำให้สงสัยว่า แก้วหูทะลุ จากแรงอัดอากาศ หรือได้ยินเสียงระเบิด หรือประทัด ?
1. หูอื้อและปวดในหูโดยทันทีที่ได้รับแรงกระแทก หรือเสียงดังมาก อาจรู้สึกว่าหูชาไปเลย ก่อนจะรู้สึกปวดหรืออื้อ และเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง ก็ยังไม่หายอื้อ ควรรีบไปพบแพทย์
2. หูอาจมีเสียงดังวิ้ง หรือวี้ และได้ยินไม่ชัด ไม่ยอมหาย ใน 2-3 ชั่วโมง หรือมีอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนมึนงง ต้องรักษาด่วน
3. บางรายอาจ “มีเลือดออกมาจากช่องหู” บางรายรู้สึกว่า “หูดับ” ไปทันที ควรพบแพทย์ด่วน อาจมีเลือดออกในหูชั้นในก็ได้ อาจทำให้หูตึงถาวรได้
4. สำหรับกรณีที่ถูกตบบ้องหู หรือกกหูอย่างรุนแรง นอกจากจะทำให้ใบหูและเยื่อแก้วหูฉีกขาดแล้ว ถ้าแรงตบหรือแรงกระแทกมากพออาจทำให้สะเทือนถึงกะโหลกศีรษะทำให้กะโหลกร้าว หรือสะเทือนถึงสมอง ทำให้เกิดอาการ “มึนงง” “เวียนศีรษะบ้านหมุน” “เดินเซ” “ซึมลง ตอบสนองช้า” หรือถึงขั้น “หมดสติ” ได้ จากเลือดตกในสมอง
เมื่อมีอาการดังกล่าว ไม่ว่าจะมากหรือน้อย ควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจให้แน่ชัดว่า เยื่อแก้วหูผิดปกติหรือไม่ จะได้รีบรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ
หูอื้อ หูดับ แก้วหูทะลุ รักษาอย่างไร?
อาการหูอื้อ หูดับจาก noise trauma หรือ จาก barotraumas จะหายได้เองหรือไม่นั้น ขึ้นกับผลของเส้นประสาทรับเสียงที่อยู่หลังแก้วหูว่า บาดเจ็บมากน้อยเพียงใด ถ้าเส้นประสาทดังกล่าวไม่ได้รับผลกระทบ โอกาสที่อาการหูอื้อหูดับจะหายได้เองก็เป็นไปได้มาก แต่ถ้าเส้นประสาทรับเสียงได้รับการบาดเจ็บด้วยอาการหูอื้อหูดับอาจดีขึ้นช้า หรือบางรายอาจคงอาการอยู่อีกนาน
นอกจากนี้ ในบางรายอาจมีภาวะแทรกซ้อนตามมาได้ เช่น เวียนศีรษะ บ้านหมุน ได้ยินเสียงวิ้งๆ รำคาญภายในหูเป็นพักๆ หรือตลอดเวลา กรณีที่ตรวจพบว่า แก้วหูทะลุ ถ้าไม่กระทบกระเทือนไปถึงเส้นประสาทรับเสียงในหูชั้นใน และแก้วหูทะลุโดยไม่มีการติดเชื้อ แก้วหูอาจปิดได้เองในเวลา 1-2 สัปดาห์หรือถึง 1 เดือน แล้วแต่ว่ารูทะลุเล็ก หรือใหญ่แค่ไหน และขาดแบบกระรุ่งกระริ่งหรือเปล่า
ข้อแนะนำ
ถ้าท่านได้รับการกระทบกระเทือนจนคิดว่า แก้วหูทะลุ หูอื้อปวด ควรรีบไปพบแพทย์หู ไม่ควรไปซื้อยาหยอดหูมาหยอด เพราะจะทำให้แผลทะลุเปียกชื้นและปิดได้ยาก ที่สำคัญคือการป้องกันไม่ให้แก้วหูบาดเจ็บจากเสียงดัง โดยหลีกเลี่ยงไม่ไปอยู่ในบริเวณที่มีเสียงดังนานจนเกินไป หรือใช้นิ้วมืออุดหู หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันเสียงส่วนบุคคล “หูและการได้ยินเป็นสิ่งมีค่า” เป็นอวัยวะละเอียดอ่อน ที่ธรรมชาติให้มาเพื่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถได้ยินเสียงกระซิบบอกรักเบาๆ หรือฟังเสียงนกเล็กๆ ร้องจิ๊บๆ ได้ ไม่ใช่แค่เพียงได้ยินเสียงตะโกนดังๆ ก็พอใจแล้ว
โรงพยาบาลกรุงเทพ โทร. 1719