ไลฟ์สไตล์

คลื่นเสียงฆ่าแมลง (2)

คลื่นเสียงฆ่าแมลง (2)

16 เม.ย. 2555

คลื่นเสียงฆ่าแมลง (2) : เกษตรยุคใหม่ โดย... รศ.ดร.พีรเดช ทองอำไพ

          คราวที่แล้วได้เล่าให้ฟังเกี่ยวกับการใช้คลื่นเสียงความถี่สูงในการล้างผัก ซึ่งนักวิจัยพบว่าสามารถล้างสารเคมีตกค้างออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีผลลดจุลินทรีย์ แต่ที่สำคัญคือสามารถฆ่าแมลงที่ติดมากับพืชผักได้ โดยเฉพาะที่น่าตื่นเต้นคือคลื่นเสียงดังกล่าวใช้ในการฆ่าเพลี้ยไฟได้ ผลกระทบที่ตามมามีมากมายมหาศาล เพราะว่าตอนนี้เมืองไทยมีปัญหาไม่สามารถส่งผักบางชนิดเช่นพวกกะเพรา โหระพา ผักชี ไปยังกลุ่มประเทศในสหภาพยุโรปได้ เพราะมีการตรวจพบเพลี้ยไฟในผักดังกล่าว
 
          ผลก็คือ เมืองไทยสูญเสียรายได้จากการส่งออกผักเหล่านี้ไปเป็นมูลค่าหลายพันล้านบาท รวมทั้งร้านอาหารไทยในต่างแดนก็ไม่มีวัตถุดิบเหล่านี้เพื่อใช้ในการประกอบอาหารไทย เลยทำให้เมนูอาหารอร่อยของเราหลายรายการต้องถูกตัดออกไป เป็นการปิดช่องทางการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารไทยในต่างแดนอย่างมาก
 
          แต่เมื่อเรามีเครื่องล้างผักที่ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงนี้และตอนนี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการกำจัดแมลง ไม่ว่าจะเป็นหนอนต่างๆ ไข่แมลง และตัวแมลงโตเต็มวัย โดยเฉพาะเพลี้ยไฟจึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมาก เป็นการเปิดช่องทางให้เรากลับมาสร้างตลาดได้อย่างเดิม ทั้งๆ ที่เครื่องล้างผักที่สร้างขึ้นมานี้มีมูลค่าเพียงประมาณสามแสนบาทเท่านั้น แต่ว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการใช้เครื่องนี้มีมากมายหลายพันล้านบาทครับ
 
          การทำงานของเครื่องล้างผักที่ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงที่สร้างขึ้นมานี้มีลักษณะง่ายๆ คือเป็นเหมือนอ่างน้ำสี่เหลี่ยมที่มีความจุ 200 ลิตร แต่ว่าข้างล่างจะมีหัวสร้างคลื่นเสียงความถี่สูงติดอยู่ หัวสร้างคลื่นนี้ก็พัฒนาขึ้นมาในห้องปฏิบัติการวิจัยของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทยที่ปทุมธานีนี่เอง
 
          เมื่อจะใช้งานก็จะใส่น้ำเข้าไปในอ่างแล้วเปิดเครื่องให้มีการสร้างคลื่นเสียงความถี่สูงขึ้น คลื่นเสียงนี้จะทำงานโดยส่งผ่านคลื่นเสียงไปในน้ำ เมื่อมองดูจะไม่เห็นความเคลื่อนไหวใดๆ เพราะว่าความถี่สูงมาก แต่ตัวน้ำจะเกิดการสั่นสะเทือนด้วยความถี่สูงตามคลื่นที่ใช้ เมื่อใส่ผักลงไปในน้ำ คลื่นเสียงที่กระจายอยู่ทั่วไปในน้ำก็จะทำหน้าที่สั่นสะเทือนเนื้อเยื่อต่างๆ ทั้งของผักและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่อยู่ในน้ำนั้น
 
          ด้วยการวิจัยจนพบว่าขนาดคลื่นความถี่ที่เหมาะสมในการสั่นสะเทือนให้เนื้อเยื่อแมลงเสียหายได้โดยไม่ทำอันตรายต่อพืชผักนั้น ได้นำไปสู่การสร้างหัวกำเนิดคลื่นเสียงความถี่สูงที่เหมาะสมขึ้นมาเพื่อใช้ประโยชน์ในการนี้โดยตรง แมลงที่ติดไปกับผักหรือผลไม้เมื่อถูกคลื่นเสียงก็จะเกิดการแตกของเซลล์ ดังนั้น ไม่ว่าตัวหนอน ไข่แมลง ตัวแมลงโตเต็มวัย ซึ่งภายในตัวมีของเหลวอยู่ จึงเกิดการสั่นสะเทือนของของเหลวในตัวด้วยความถี่สูงมากจนเซลล์แตกและตายลง หากเป็นไข่แมลงจะพบว่าไข่แตกหรือฝ่อ ถ้าเป็นหนอนหรือแมลงก็จะตาย บางส่วนลอยหลุดออกมาให้เห็นในเวลา 1-3 นาทีเท่านั้น ขึ้นอยู่กับชนิดของผักและแมลง
 
          การค้นพบครั้งสำคัญนี้ สร้างความตื่นเต้นให้แก่ผู้ส่งออกพืชผักไปต่างประเทศเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการส่งผักไปยุโรป ซึ่งประสบปัญหาที่ยังแก้ไม่ตกในปัจจุบัน จึงได้มีการนำผักที่จะส่งออกมาทดสอบล้างด้วยเครื่องนี้ แล้วลองส่งออกไปยุโรป ปรากฏว่าเป็นที่น่าพอใจมาก เพราะว่าแมลงที่ติดมากับผักในตอนแรกตายหมดภายหลังจากการผ่านเครื่องล้างผักตัวนี้ และเมื่อส่งไปยุโรปก็หมดปัญหาเพราะตรวจไม่พบแมลงติดไป เครื่องดังกล่าวจึงกลายเป็นที่ต้องการของเอกชนผู้ส่งออกผักเป็นอย่างมาก 
 
          คราวหน้าจะมาเล่าให้ฟังต่อไปว่าแล้วได้มีการดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไปอย่างไรบ้าง!
.............................
(หมายเหตุ คลื่นเสียงฆ่าแมลง (2) : เกษตรยุคใหม่ โดย... รศ.ดร.พีรเดช ทองอำไพ)