
คลายร้อน @ ต้นน้ำนครนายก
ชวนเที่ยว : คลายร้อน @ ต้นน้ำนครนายก โดย...เรื่อง//ภาพ : นพพร วิจิตร์วงษ์
"Time and Tide wait for no man" ตรงกั๊น... ตรงกันกับสำนวนไทยที่ว่า "เวลาและวารี มิไยดีจะคอยใคร"
สำนวนนี้ แว้บขึ้นมาในความคิด ขณะนั่งมองสายน้ำที่ไหลผ่านไปเอื่อยๆ วันนี้น้ำเยอะขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา อาจจะด้วยเพราะตรงจุดที่ฉันอยู่เป็นต้นน้ำ ไม่ไกลจากเขื่อนขุนด่านปราการชล หรือชื่อเดิม เขื่อนคลองท่าด่าน ซึ่งสอบถามได้ความว่า เขื่อนปล่อยน้ำลงมาบ้าง
อ้อ ... ฉันลืมบอกไปว่า ตรงที่ฉันนั่งพักผ่อนอยู่ริมน้ำ เป็นบริเวณท้ายเขื่อนขุนด่านฯ และถือเป็นจุดกำเนิด หรือ ต้นน้ำนครนายก เลยทีเดียว เพราะเป็นที่บรรจบของคลองเล็กๆ 4 คลอง ที่ไหลมาบรรจบกัน คือ คลองท่าด่าน ที่ถูกปิดกั้นโดยเขื่อนขุนด่าน ไหลมาจบกับคลองนางรอง และไหลมาบรรจบกับคลองอีกแขนงที่เป็นการรวมตัวกันของคลองมะเดื่อกับคลองวังตะไคร้
ต้นโพธิ์ใหญ่ริมน้ำ ให้ความร่มรื่นกับแคร่ไม้ไผ่ที่ฉันนั่งเล่นริมตลิ่ง
"กรี๊ดดดด " เสียงกรี๊ดแหลมดังมาปลุกฉันตื่นจากภวังค์ เงยหน้ามองที่มาของเสียง อ้าววว... นั่นไง มาแล้วกิจกรรมยามสายในวันแดดร้อน นักท่องเที่ยวนิยมมาล่องแพยาง ผจญแก่งเล็กๆ ตลอดสายน้ำนครนายก
แน่นอนว่าเสียงกรี๊ดที่ดังมา ในแพยางส่วนใหญ่จะมีสาวๆ หมวกสีใส เสื้อสีสด แต่ถ้าเป็นแพหนุ่มๆ ก็มักจะส่งเสียงเชียร์ โดยเฉพาะเมื่อแข่งกันพายมา มาตกแก่งเล็กๆ ไม่ไกลจากที่ฉันนั่ง ดูแล้วสนุกสนานไม่หวั่นกับแสงแดดที่แผดจ้า ขนาดฉันเองยังอดนั่งอมยิ้มไม่ได้ บางลำครั้งเดียวไม่พอ ขอพายทวนน้ำขึ้นไปเล่นกับแก่งอีกรอบ สองรอบ
อากาศร้อนๆ ต้นเดือนพฤษภาคม ทำให้ใครต่อใครนึกไปถึงสายน้ำเย็นฉ่ำ หวังจะแช่ให้ชื่นใจ หรือไม่ก็หากิจกรรมทางน้ำเล่น สำหรับบางคนที่มีเงื่อนไข ไม่อยากแช่น้ำทะเล ไม่อยากเดินทางไกล เวลาไม่มาก แต่ก็อยากล่องแก่ง เล่นน้ำตก ล่องห่วงยาง “นครนายก" ดูจะเป็นคำตอบที่รวมทุกอย่างไว้ด้วยกัน
นครนายกอยู่ไม่ไกลเมืองกรุง เป็นจังหวัดไม่ใหญ่ แต่มีครบทุกอย่าง ตั้งแต่น้ำตก ทั้งสาริกา นางรอง วังตะไคร้ หรือจะให้แช่น้ำเล่น นอกเหนือจากน้ำตก ก็ต้องท้ายเขื่อนขุนด่านฯ หรือลงมาต้นน้ำนครนายก ซึ่งยังเป็นเพียงสายน้ำตื้นๆ ข้างใต้เป็นกรวด ทราย แถมมีน้ำไหลระรินตลอดเวลา เข้ามาทาง แก่งสามชั้น
แก่งสามชั้น อยู่ในซอย สาลิกา-นางรอง 38 ปากทางมีป้ายขนาดใหญ่บอกไว้ ด้านในมีรีสอร์ทให้เลือกหลายแห่ง แต่ปัจจุบันดูเหมือนจะรถติด คนติดในซอย เพราะความที่อากาศร้อน ใครๆ ก็อยากมาแช่น้ำเล่น ซึ่งที่นี่มีแก่งเล็กๆ ให้เล่นน้ำกันได้อย่างสนุกสนาน อีกทั้งยังมีร้านค้าและที่พักบริการ ดังนั้น พอถึงวันหยุด ลานจอดรถที่โล่งกว้าง ก็เต็มแน่น จนทะลักไปบริเวณใกล้เคียง ... ไม่พ้นแม้แต่ ฟาร์มม้า V3-Farm ด้านใน ซึ่งเป็นจุดที่ฉันเลือกไปพัก แม้ว่าที่นี่จะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ แต่เพราะธรรมชาติสงบ สายน้ำใสๆ แถมมีม้าไทยออฟโรด ให้ขี่เล่นสำหรับคนชอบขี่ม้าอีกด้วย
แต่ถ้าใครชอบล่องแก่ง ผจญภัย หรือดูสองฟากฝั่งน้ำ ก็สามารถติดต่อผู้ประกอบการ ก็ตลอดทางไปสู่น้ำตกนางรอง และเขื่อนขุนด่านฯ นั่นแหละ
จุดที่ขึ้นแพ จะอยู่ท้ายเขื่อนขุนด่านฯ นั่งแพยางล่องลงมาจากแก่งเทียมเข้าสู่ต้นน้ำนครนายก ไหลเลาะลงมาทางแก่งสามชั้น ซึ่งมีระยะทางประมาณ 4 กม. แต่โดยมากผู้ให้บริการล่องแก่ง ที่ไม่ใช่อยู่ที่แก่งสามชั้น ก็มักจะจัดกิจกรรมล่องแพยางให้เลยไป เพื่อไปขึ้นท่าสาธารณะมากกว่า ระยะทางก็มีตั้งแต่ 6 กม., 8 กม., หรือยาวไกลเป็น 20 กว่า กม. ถึงตัวนครนายกเลยก็มี เรียกว่าเหมากันไปเป็นวัน แวะตามที่ต่างๆ ได้ตามใจ สนนราคาก็กลางๆ
แม่น้ำนครนายก จะว่าไป มีระยะไกลถึง 130 กม. ไหลผ่านทุกอำเภอของ จังหวัดนครนายกเลยทีเดียว ก่อนจะไปบรรจบกับแม่น้ำปราจีนบุรีที่ปากน้ำโยธะกาเป็นแม่น้ำบางปะกง นอกจากนี้ แม่น้ำนครนายกยังเป็นเส้นแบ่งเขต 3 จังหวัด คือ อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก กับอำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา และอำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี
ปีนี้อากาศร้อนกว่าทุกปีแถมยาวนาน กิจกรรมล่องแพยางที่ต้นน้ำนครนายกเลยมีลูกค้าเยอะเป็นพิเศษ เพราะบางคนมองว่า มานั่งแช่น้ำเฉยๆ ที่นี่ก็ร้อนเกินไป ไม่มีร่มเงาเท่าไหร่ นานๆ เข้าก็เบื่อได้ ด้วยความที่นครนายกฯ อยู่ไม่ไกล มีน้ำให้ล่องแก่งตลอด และที่สำคัญ ที่นี่เหมาะมากสำหรับมือใหม่ หรือแม้แต่เด็กตัวเล็กๆ ก็ลงแพยางไปด้วยได้ เพราะน้ำไม่คอยลึก แก่งไม่ค่อยใหญ่ไหลแรงเหมือนกับลำน้ำเข็ก จังหวัดพิษณุโลก หรือสายน้ำว้า จังหวัดน่าน ซึ่งเป็นที่ปรารถนาของบรรดานักผจญแก่งชั้นเซียน
กระแสน้ำ ยังคงไหลเอื่อย ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ขยะในน้ำลอยมาเป็นระยะ ไม่มากแต่ก็ขัดสายตา ไม่ว่าจะเป็นขวดน้ำพลาสติก ขวดแชมพู นานๆ ทีก็มีกล่องโฟมลอยมาบ้าง คงเป็นคนต้นทางที่ทำหลุดมือทั้งที่ตั้งใจ และไม่ตั้งใจ
และนั่น ห่วงยางเล่นน้ำลอยมาติดแก่งตรงหน้า ให้ใจหายเล่น เพราะตอนแรกคิดว่ามีคนล่องมาแล้วห่วงยางหลุดมือ แต่ก็โล่งใจเมื่อมองไปมองมาไม่เห็นมีคนมาด้วย
ตะวันคล้อยบ่าย แดดร่ม ฉันเลยลงไปเอ้อระเหยอยู่ในสายน้ำ นอนแช่เล่นเย็นๆ ใจ สายน้ำไหลซอกซอนไปทุกที่ตามเส้นทางของมัน หากมีอะไรไปกีดขวาง ก็พร้อมจะถั่งโถมเข้าใส่ เพื่อให้ตัวเองผ่านไป หรือไม่ก็พร้อมจะโอบล้อมสิ่งนั้นไว้รอบด้านหากมันเล็กกว่าจะขวางทางได้
ตกเย็น เริ่มมีรถเข้ามาในโซนที่ฉันพักแรมมากขึ้น แม้จะไร้ซึ่งสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ และดูเหมือนใครต่อใครเตรียมพร้อมกันมาอย่างดี ทั้งเต็นท์ และอุปกรณ์แคมป์ปิ้ง คงเพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุด คงไม่ได้มีแค่ฉันที่คิดอยากจะมานอนแช่น้ำคลายร้อน
"ยังดีที่ตรงนี้เป็นที่ส่วนบุคคล" ฉันคิดในใจ แถมกลุ่มที่เข้ามาใหม่ เลือกที่จะเลยเข้าไปอยู่ลึกด้านใน ที่ร่มครึ้มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ และกอไผ่รวก
เสียงตัดไม้ดังแทรกเข้ามาในสายน้ำที่ฉันแช่อยู่ พอเหลียวไปดูถึงได้เห็นว่า 1 ในรถที่เข้ามากำลังตัดกิ่งไผ่ที่ยื่นลงน้ำ .. แล้วกันซิ .. ขณะเดียวกัน ฉันก็เห็นคนที่มาด้วยกัน ช่วยกันกวาดใบไม้ที่หล่นเกลื่อนบริเวณ มารู้ที่หลัง เจ้าของฟาร์มบอกว่า ดีที่ช่วยตัดให้บ้าง มันรกเกินไป
ตกค่ำยังเจอสปอตไลน์ 2 ดวง ส่องแสง เผื่อแผ่มาถึงฉันอีก อาจจะด้วยเห็นว่าฉันอยู่ในความมืดที่มีเพียงแสงเทียนจุดให้ความสว่าง อืมมม ... อุปกรณ์เขาครบ เพียงแต่ความชอบคนเราไม่เหมือนกัน
บางทีอาจเป็นเพราะฉันหลงใหลแสงจันทร์ในราวไพร ชอบฟังเสียงสายน้ำไหลเอื่อยๆ ในราวป่า หรือเสียงร้องเพลง ถูกบ้างผิดบ้าง โดยไร้ซึ่งเครื่องดนตรีใดๆ
วันรุ่งขึ้น ฉันถูกปลุกด้วยเสียงกรี๊ด ยามแพยางตกแก่ง ดูจะเช้ากว่าเมื่อวาน อ้อ ... วันนี้วันหยุดนี่เอง
สายๆ ยันเย็นในวันหยุดที่อากาศร้อนจัดแบบนี้ สายน้ำนครนายกเลยดูจะรับบทหนัก ทั้งกลุ่มคนที่มาแช่น้ำเล่น ตามรายทางตั้งแต่ต้นน้ำลงไป
กลุ่มออฟโรดที่นำรถลงลงแช่น้ำ คลายร้อนทั้งคนทั้งรถ ขึ้นอยู่กับเจ้าของสถานที่อนุญาต เพราะเป็นที่ส่วนบุคคล
กลุ่มล่องแพยาง ที่มีมาแทบไม่ขาดระยะ บางครั้งมาแพเดียว บางครั้งจ้ำแข่งกันมาหลายลำ สนุกสนานกับการเล่นกับแก่งเล็กๆ กลางสายน้ำ
คนไทยผูกพันอยู่กับสายน้ำมานานแสนนาน อาชีพที่ทำรายได้แรกเริ่มจึงไม่พ้นเรื่องกสิกรรม - เกษตรกรรม มาวันนี้ อาชีพที่เป็นทางเลือกใหม่ทำรายได้ให้คนต้นน้ำนครนายก ก็ยังไม่พ้นพึ่งพิงสายน้ำ
วันนี้ สายน้ำไหลเอื่อยๆ คงเส้นคงวา ไม่สนใจสรรพสำเนียงรอบด้าน แต่ถ้าวันใดที่สิ่งรอบด้านรุกรานสายน้ำมากเกินไป สายน้ำที่อ่อนโยนก็อาจจะแข็งกร้าวเกรี้ยวกราดขึ้นได้ในพริบตา .. ความสวย ใส สะอาด ไม่ควรเป็นเพียงวันวาน
พักผ่อน ผ่อนคลายกับสายน้ำ และช่วยกันดูแลรักษาให้ใสสะอาด ในเส้นทางเดิมของมันต่อไป สายน้ำนครนายกก็จะยังอ่อนโยนและเป็นที่พึ่งพิงได้เสมอ ไม่ว่าจะฤดูกาลใด
....................................
(ชวนเที่ยว : คลายร้อน @ ต้นน้ำนครนายก โดย...เรื่อง//ภาพ : นพพร วิจิตร์วงษ์)