ไลฟ์สไตล์

แหลมเสด็จหาดเจ้าหลาวเข้าอะควาเรียม

แหลมเสด็จหาดเจ้าหลาวเข้าอะควาเรียม

03 มิ.ย. 2555

แหลมเสด็จ หาดเจ้าหลาว เข้าอะควาเรียม : คอลัมน์ ชวนเที่ยว : เรื่อง / ภาพ ... นพพร วิจิตร์วงษ์

          เข้าหน้าฝน แต่อยากไปเที่ยวทะเล จะไปไหนดี คำถามที่ผุดพรายขึ้นมาในห้วงคิด  

 

          ฤดูกาลนี้ แถบอันดามันก็ถึงฤดูกาลปิดเกาะเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจากลมพายุ และให้ธรรมชาติของท้องทะเลได้พักผ่อนจากการรับแขกบ้าง แต่ยังมีชายหาดงามๆ ที่รอการไปเยือนอีกเยอะ หากแต่คนเวลาไม่มากอย่างฉัน คงนึกได้ถึงทะเลที่ไม่ไกลเมืองกรุง แต่ขอแบบเงียบสงบหน่อย 

 

          แล้วก็ปิ๊งไอเดีย ไปขับรถเลาะขอบเขา ริมทะเลเล่นน่าจะดี   

 

          โค้งถนนงามๆ บนเขาเลียบชายฝั่งทะเล ทำให้ฉันนึกไปถึงโค้งหาดเจ้าหลาวที่จะต่อไปยังปากน้ำแขมหนู เลาะไปเรื่อยถึงแหลมสิงห์ได้ ว่าแล้วก็จัดการเก็บข้าวของ พาพี่บิ๊ก ไตรตัน เที่ยวอีกรอบ  

          จากถนนบางนา-ตราด ออกทางเลี่ยงเมือง ไป อ.แกลง มุ่งหน้าสู่ อ.ท่าใหม่ จากถนนสุขุมวิท ประมาณ กม.ที่ 302  เลี้ยวขวาตามป้ายไป หาดเจ้าหลาว-แหลมเสด็จ (ทางหลวงหมายเลข 3399) ไม่ต้องกลัวหลง เพราะตามทางแยก จะมีป้ายบอกทางไปเรื่อย จนถึงวงเวียนพะยูน แยกซ้ายไปหาดเจ้าหลาว แยกขวาไปแหลมเสด็จ อ่าวคุ้มกระเบน  

          ฉันกับพี่บิ๊ก เลี้ยวซ้ายไป หาดเจ้าหลาว ก่อน ถนนเส้นเลียบชายหาด แต่ไม่เห็นหาด เพราะข้างทางมีรีสอร์ท หรือโรงแรมที่พัก ร้านอาหารทะเลตามตลอดทาง  แต่ขับรถมาวันธรรมดา ดูเหมือนว่าเพื่อนร่วมทางจะน้อย ถึงน้อยมาก ตามมาด้วยห้องพักของรีสอร์ต โรงแรม หรือเกสต์เฮาส์ พากันว่างๆ พร้อมรองรับทุกเมื่อ และแน่นอนเที่ยวยามนี้ ราคาที่พักก็ถูกลงตามไปด้วย ... สบายฉันหละ

          เลือกที่พักได้เรียบร้อย แต่แดดยังจัด เลยไปขับรถลั้นลาบนเขาก่อนดีกว่า เขาลูกนี้อยู่สุดหาดเจ้าหลาว อีกฝั่งเป็น "ปากน้ำแขมหนู" ที่พักผ่อนหย่อนใจริมทะเลอีกแห่ง ถนนสวยๆ ที่มีไหล่ทางเป็นสีแดง แปลกตา คดเคี้ยวไปตามไหล่เขา อีกฝั่งเป็นท้องทะเลกว้าง  กับคำเตือนใช้เกียร์ต่ำ ขับช้า จริงๆ ไม่มีคำเตือนก็น่าจะขับช้าๆ อยู่หรอก เพราะวิวทะเลสวยงาม จนอยากขับไปจอดรถถ่ายรูปไป หากแต่ทำได้ยากถึงยากมาก เพราะเป็นถนนแคบ รถสวนทาง และขึ้น-ลงเขาอีกต่างหาก ขับไปได้สักระยะ ถึงทางแยก ให้เลี้ยวซ้ายลงเขา (ป้ายบอกทางไป อ.ท่าใหม่) เลยไปไม่ไกลถึงสะพานข้ามไปปากน้ำแขมหนู เป็นสะพานที่สร้างขึ้นใหม่ สวยงามทีเดียว แค่เชิงสะพานก็เป็นจุดชมวิวริมทะเล ปากน้ำแขมหนูแล้ว มีศาลาที่พักให้ไปปิกนิกกันได้สบายๆ 

          จนใกล้อาทิตย์ตก ฉันถึงได้ขับกลับมาหาดเจ้าหลาว แล้วก็ต้องตื่นตากับโค้งถนนสันเขาขาดเห็นทะเลเบื้องหน้า และดวงอาทิตย์กำลังจะตก สาดแสงสีทอง อาบทะเล และหาดทรายกว้างๆ ในยามน้ำลง สวยงามจริงๆ

          ลงจากเขามาได้หน่อยก็จอดรถแวะเดินเล่นชายหาด จริงๆ รีสอร์ทที่พัก ก็ติดกับหาดทราย ให้ลงไปเดินเล่นได้เลย  แต่ถ้าใครไม่ได้พักรีสอร์ท ก็อาจจะต้องมาแวะจอดรถ ลงเดินเล่นชายหาด หรือเล่นน้ำทะเลกันตรงสุดหาดนี่เอง แถมบริเวณนี้มีร้านอาหารทะเลให้เลือกมากมาย

          “หาดเจ้าหลาว” ไม่ใช่หาดทรายขาวละเอียด แต่สีจะออกตุ่นๆ แต่ยามน้ำลง จะเห็นแนวสันทรายกว้างๆ เป็นแนวยาวไปถึงเขตห้ามล่าสัตว์ป่าคุ้งกระเบนเลยทีเดียว ช่วงระหว่างกลางหาดเจ้าหลาว จะเห็นสะพานปลา ชื่อ "สะพานสุดขอบฟ้า" มีเรือประมง จอดเรียงราย ฉันลองขับรถเข้าไปดู ถึงได้รู้ว่า เป็นที่ขึ้นสัตว์น้ำที่เรือประมงจับมาได้ ใครจะซื้อปูเป็นๆ กั้งเป็นๆ ก็หาได้ในราคาไม่แพงมาก 

          รุ่งเช้า ฉันขับรถไปกินโจ๊กที่วงเวียนพะยูน เป็นร้านชาวบ้าน ริมวงเวียน รสชาติอร่อย ก่อนจะขับวนไปแยกขวา เที่ยว แหลมเสด็จ ไปดูมัลดิฟส์เมืองไทย ที่ได้ยินใครต่อใครพูดถึง แล้วก็ต้องร้อง อ๋อ... มันก็เป็นรีสอร์ทที่ใช้ชื่อนี้นั่นเอง แถบนี้ รีสอร์ทหรูๆ ขึ้นหลายแห่ง เพราะความที่ชายหาดมีทรายละเอียด และดูจะขาวกว่าฝั่งเจ้าหลาว ความยาว 2-3 กิโลเมตร และยังเป็นที่ตั้งของศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ  ที่สามารถเข้าไปเยี่ยมชมนิทรรศการภายในได้  

          ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ มีหน่วยงานต่างๆ ในโครงการพัฒนาเยอะแยะมากมาย ทั้งการประมง การเลี้ยงสัตว์น้ำ การปลูกพืช รวมไปถึงป่าชายเลน  ซึ่งหน่วยงานเหล่านี้ก็ตั้งอยู่เรียงรายไปตามสองฝั่งถนน รอบอ่าวคุ้งกระเบน 

          ดูหมุดหมายเสร็จ ฉันรู้แล้วว่า จะไปไหนต่อ เพราะป้ายข้างทางมีบอกไว้ ตกหมึก ดูเต่า เลี้ยงฉลาม  ... ตกหมึกนี่พอเข้าใจว่าต้องเช่าเรือออกไปตกตอนกลางคืน ดูเต่าก็ยังเฉยๆ แต่เลี้ยงฉลามนี่ซิ เป็นยังไง 

          ออกจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนฯ เลี้ยวซ้ายไปจนถึงสามแยก ซ้ายมือเป็นทางลงชายหาด และวัดแหลมเสด็จ แต่ฉันเลือกเลี้ยวขวาไปตามป้ายด้วยความอยากรู้ ทางแคบๆ พาเข้าไปลึกพอควร ผ่านชุมชน เห็นชาวบ้านกำลังนั่งช่วยกันเครื่องไม้เครื่องมือประมง เลยไปอีกไม่ไกล เห็นกระชังปลาอยู่ขวามือ เลยตัดสินใจเลี้ยวรถไปจอด แม้จะยังไม่ถึงจุดหมายที่เขาบอกว่าจะพาไปเลี้ยงฉลามก็เถอะ 

          “หน่วยสาธิตการเลี้ยงสัตว์น้ำภายในอ่าวคุ้งกระเบน” ป้ายหน้าสะพานไม้ที่ทอดตัวไปสู่กระชังเขียนไว้อย่างงั้น มองไปเห็นคนอยู่ ก็เลยเดินเข้าไปคุยดีกว่า แล้วก็ไม่ผิดหวังที่เจ้าหน้าที่ที่ดูแล พูดคุยด้วยเป็นอย่างดี พาไปเดินดูตามกระชังอีกต่างหาก 

          ปลาตัวใหญ่ๆ ทำเอาฉันตื่นเต้น แหม ก็เพิ่งเคยเห็นปลากะพงขี้เซา ที่ลอยตัวนอนตะแคงข้างตลอดเวลา แล้วยังมีฉลากเสือดาว ลอยตัวว่ายเลาะขอบกระชังให้เห็น หรือปลาหมอทะเลตัวใหญ่ๆ ไม่ต่ำกว่า 4 กิโลกรัม , ปลาค้างคาว ที่ดูสวยงาม เสียดายไม่เห็นฉลามหัวบาตร หรือปลาเก๋ายักษ์ที่อยู่ก้นกระชัง 

          พี่ตู่ เจ้าหน้าที่ ที่พาชม เล่าให้ฟังว่า ถ้าเป็นช่วง ตุลาคม-มกราคม น้ำจะใส มองเห็นถึงก้นทะเล ก็จะเห็นปลาในกระชังได้หมด แต่ช่วงนี้เริ่มมีมรสุม น้ำจะขุ่น ว่าแล้วพี่ตู่ก็ไปหยิบถังเล็กๆ ใส่ปลาทูตัวจ้อย บอกว่าเดี๋ยวจะเรียกปลาให้ดู โดยเฉพาะเจ้าฉลามเสือดาวที่จะต้องมางับปลาจากมือ ไม่งั้นกินไม่ทันเพื่อน 

          ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะเจ้าปลาที่โฉบงับเหยื่อได้เร็ว เห็นจะเป็นปลามง ไม่ว่าจะโยนไปทางไหน มีพุ่งงับได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ขณะที่เจ้าฉลามเสือดาวจะว่ายเข้ามาหาพี่ตู่เหมือนรู้กัน เจ้านี่นอกจากไม่ดุ แล้วยังดูขี้เล่นอีกต่างหาก จนอยากตะโกนดังๆ “ฉันหลงรักเจ้าเสือดาวเข้าแล้ว“

          พี่ตู่เล่าว่า หน่วยสาธิตฯ แห่งนี้แยกตัวออกมาจากอะควาเรียม จะเลี้ยงพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ ทั้งปลา ทั้งหอยนางรม และหอยตะโกรม (หอยนางรมชนิดฝาจีบ) ที่ผ่านมา มีมาดูงานหลายคณะ แถมยังเคยมีละครมาใช้สถานที่เป็นฉากถ่ายทำอีก 2-3 ครั้งด้วย อนาคตก็มีแผนจะขยายพื้นที่ออกไปอีก ทำเรื่องขอจากกรมเจ้าท่าไว้แล้ว ซึ่งนอกจากปลาที่เลี้ยงไว้ ยังรับปลาตัวใหญ่ๆ ที่อยู่ในอะควาเรียมไม่ได้ ก็เอามาไว้ที่นี่ 

          พูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง ฉันก็เลยล่ำลา ดูปลาธรรมชาติแล้ว ขอไปดูปลาอควอเลี่ยมบ้างแล้วกัน  ขับรถออกมาตามทางเดิม ถึงสามแยกก็ตรงไปทางวัดแหลมเสด็จ แต่จะมีแยกซ้ายไปตามชายหาด แค่ต้นหาดก็ถึงแล้ว

          อะควาเรียม หรือ สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา เป็นอีกโครงการของศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนฯ  ที่นี่เข้าฟรี เปิดทุกวัน ตั้งแต่ เวลา 08.30-16.30 น. 

          ภายในมีตู้ปลาทั้งปลาสวยงาม ปลาเศรษฐกิจ ปลาแปลกๆ รวมแล้ว ถึง 36 ตู้ และยังมีอุโมงค์กระจก ให้ความรู้สึกเหมือนเดินดูปลาใต้น้ำ กระเบนราหูตัวใหญ่แหวกว่าย โฉบเหนือหัว จนมองเห็นปาก ที่ดูตลกๆ ของมันเลยทีเดียว เรียกเสียงตื่นเต้น จากทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ขนาดฉันเอง ยังยืนดูอยู่นานในอุโมงค์ระยะทางสั้นๆ นั้น 

          ออกจากอะควาเรียม เป็นชายหาดช่วงหนึ่งของแหลมเสด็จ ที่ใครต่อใครจะไปนั่งเล่นพักผ่อนกันได้สบายๆ ใต้ต้นสนขนาดใหญ่ แต่ถ้าเป็นช่วงมรสุมคลื่นจะแรง ก็ไม่เหมาะกับการเล่นน้ำเท่าไหร่

 

          ช่วงโค้งหาดจากเขาด้านหนึ่งสู่อีกด้านหนึ่ง หรือจากหาดเจ้าหลาว สู่แหลมเสด็จ ให้ความหลากหลายของการเรียนรู้ธรรมชาติ และการพักผ่อนสบายๆ ที่อยากบอกใครๆ ว่า จันทบุรีไม่ได้มีดีแค่ผลไม้นะจ๊ะ

 

 

----------

(หมายเหตุ : แหลมเสด็จ หาดเจ้าหลาว เข้าอะควาเรียม : คอลัมน์ ชวนเที่ยว : เรื่อง / ภาพ ... นพพร วิจิตร์วงษ์)

----------