'ยันต์ม้าสมสู่คน'ทำพิษฮือไล่เจ้าอาวาส
ให้ออกจากเจ้าอาวาสวัดจำปาหล่อเมืองอ่างทอง ทำยันต์ม้าเสพสมผู้หญิงอ้างเป็นผ้ายันต์เมตตา ชาวบ้านไม่พอใจรวมตัวขับไล่
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 17 มิถุนายน ที่บริเวณวัดจำปาหล่อ ต.จำปาหล่อ อ.เมือง จ.อ่างทอง ได้มีประชาชนรวมตัวกันประมาณ 100 คน เพื่อขับไล่พระอธิการพรหม กิจจกาโร เจ้าอาวาสวัด ไม่พอใจที่ทำไสยศาสตร์ เดรฉารวิชา ทำเสน่ห์ ออกวัตถุมงคลอุบาทว์ ไม่สนใจชาวบ้านที่มาพบเห็น และยังได้สร้างผ้ายันต์หญิงเสพสมกับม้า ซึ่งชาวพุทธภาคกลางรับไม่ได้ พร้อมชูป้ายว่า "เราต้องการพระพัฒนาวัด เราไม่เอาพระเดฉารวิชา ชาวจำปาหล่อ ไม่ต้องการ พระหมกมุ่นเรื่องไสยศาสตร์ ทำเสน่ห์ยาแฝด อยู่รวม 10 ปี โยมไม่ศรัทธา เขามาปีกว่าโยมรักและศรัทธา เอาพระพัฒนาคืนมา เอาพระเดรัจฉานวิชาคืนไป"
ต่อมาพระครูสุวัฒนทัศน์วรกิจ เจ้าคณะตำบลบ้านแห ได้เดินทางมาเพื่อตรวจสอบพฤติกรรมเจ้าอาวาสวัดจำปาหล่อ โดยได้เรียกเจ้าอาวาสมาชี้แจงข้อกล่าวหาที่ชาวบ้านได้ร้องไปยังเจ้าคณะจังหวัดอ่างทอง โดยเจ้าคณะจังหวัดได้สั่งการให้เจ้าคณะตำบลลงมาตรวจสอบพระอธิการพรหม หลังจากเรียกเจ้าอาวาสชี้แจงข้อกล่าวหาพร้อมสอบถามเรื่องผ้ายันต์ที่มีหญิงสู่สมกับม้า พร้อมตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของวัดเรียบร้อย
หลังจากนั้นทางเจ้าคณะตำบลบ้านแหจึงได้ข้อสรุปโดยประกาศให้ชาวบ้านที่มาชุมชนได้รับทราบว่าได้สั่งให้พระอธิการพรหมลาออกจากการเป็นเจ้าอาวาส แต่ชาวบ้านยืนยันต้องรอหนังสือการลาออกพร้อมลายเซ็นเพื่อความแน่ใจจึงจะแยกย้ายกันกลับ
พระครูสุวัฒนทัศน์วรกิจ กล่าวว่า พระอธิการพรหมละเลยต่อหน้าที่ละทิ้งหน้าที่ในขณะที่วัดมีงาน ทั้งๆที่รู้ทางวัดมีงานยังไม่อยู่เดินทางไปยังประเทศอินโดนีเซียโดยไม่ยอมแต่งตั้งรักษาการจนปล่อยให้กินเหล้า ดื่มสุราภายในวัดจนเมามายและทำให้ชาวบ้านแตกแยกไม่สามัคคีกันซึ่งมีความผิดร้ายแรง และการมีพฤติกรรมตั่งตัวเป็นผู้ทำเสน่ห์ก็ไม่สมควรอยู่แล้ว
ด้าน พระอธิการพรหม กล่าวว่า หลังจากชี้แจงกับเจ้าคณะตำบลแล้วผลสรุปเป็นจริงอย่างที่กล่าวหา จึงขอลาออกจากการเป็นเจ้าอาวาสวัดจำปาหล่อโดยทำหนังสือลาออกให้พระครูสุวัฒนทัศน์เพื่อนำไปเสนอต่อเจ้าคณะจังหวัดอ่างทองรับทราบ ในส่วนที่ชาวบ้านร้องเรื่องผ้ายันต์นั้นอาตมาเห็นว่าเป็นผ้ายันต์เมตตาจึงไม่ได้คิดอะไร
นายสุรัตน์ สุขเกษม อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 ม.4 ต. จำปาหล่อ กล่าวว่า การที่เจ้าคณะตำบลบ้านแหได้ลงโทษให้ทางเจ้าอาวาสวัดจำปาหล่อลาออกตนเห็นสมควรแล้ว แต่ข้อหาที่สร้างผ้ายันต์หญิงเสพสมกับม้าชาวตำบลจำปาหล่อรับไม่ได้จริงๆ ซึ่งเจ้าอาวาสได้ลาออกแล้วก็เป็นผลดีเพราะจะได้สรรหาพระที่จะมาพัฒนามีจิตใจดีไม่เป็นพระนักเลงเพื่อชาวบ้านจะได้ทำบุญที่วัดจำปาหล่อและทำความสามัคคีมาให้ชาวตำบลจำปาหล่อเหมือนสมัยก่อน ไม่มีการแตกแยกกันอีก
นางประพิม นิรันดร กำนันตำบลจำปาหล่อ กล่าวว่า ตนรับไม่ได้กับการสร้างผ้ายันต์ที่อัปปรีย์จริงๆ ซึ่งตนเกิดที่ตำบลจำปาหล่อก็ไม่เคยเห็นแบบนี้ ชาวพุทธภาคกลางรับไม่ได้จริงๆ เล่นเอาผู้หญิงไปสู่สมกับม้า ทำให้ผู้หญิงเสื่อมเสียชื่อเสียง ส่วนในการสรรหาเจ้าอาวาสองค์ใหม่ในครั้งใหม่นี้ต้องให้ชาวบ้านมารวมกันเพื่อสรรหาพระที่พัฒนาสร้างความเจริญให้พุทธศาสนาเข้ากับชาวบ้านได้ดีเพื่อความสามัคคีในตำบลจำปาหล่อ
ด้านนายอำนวย ชุ่มชวย ผู้ใหญ่บ้าน ม. 5 ต.จำปาหล่อ กล่าวว่า ตนและชาวบ้านยังไม่แน่ใจเพราะเจ้าอาวาสนี้ออกลูกนักเลงและมีคนบงการเป็นถึงระดับนายตำรวจนายทหารอยู่เบื้อง หลังพวกตนเกรงจะหัวหมอไม่ยอมยื่นหนังสือพร้อมลายเซ็น ตนและชาวบ้านจึงรอและให้เซ็นต่อหน้าก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน อย่างไรก็ตามตนและชาวบ้านจะทำการตรวจสอบสมบัติของวัดอีกด้วยหากพระอธิการพรหมจะออกจากวัดพวกตนก็จะเข้าตรวจสอบไม่ให้เอาของวัดอกไป