ไลฟ์สไตล์

'ตอสกานา'หรือ'ทัสคานี'

'ตอสกานา'หรือ'ทัสคานี'

02 มี.ค. 2556

"ตอสกานา"หรือ"ทัสคานี" : คอลัมน์ คลีนิคคนรักบ้าน โดย... ดร.ภัทรพล

          ในสัปดาห์นี้เป็นสาระน่ารู้เกี่ยวกับแนวคิดในการออกแบบอาคารบ้านเรือนในสไตล์ “ทัสคานี” ซึ่งแท้จริงแล้ว “ทัสคานี” (Tuscany) หรือ “ตอสคานา” (Toscana)  เป็นหนึ่งใน 20 แคว้นของสาธารณรัฐ “อิตาลี” ซึ่งมี “ฟลอเรนซ์” หรือ “ฟีเรนเซ” (Firenze) เป็นเมืองหลวงของแคว้น  โดยมีอาณาบริเวณทั้งหมดประมาณ 22,990   ตารางกิโลเมตร และมีบรรดาผู้คนอาศัยอยู่ประมาณ 3.6 ล้านคน สำหรับบรรดาสถาปนิกนักออกแบบแล้ว แคว้น “ทัสคานี” นั้น มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดในทาง ศิลปกรรม ในแขนงต่างๆ ของโลก เนื่องจากเป็น “ศูนย์กลาง” อันเป็นแหล่งกำเนิดของยุค “ฟื้นฟูศิลปวิทยาการ” หรือยุค “เรอเนซองซ์” ซึ่งแคว้นแห่งนี้เองก็ยังที่เป็นที่ตั้งของมหาวิหารแห่งเมือง “ฟลอเรนซ์” และหอเอนเมือง “ปิซา”อันเป็นงานออกแบบทางสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นและโด่งดังไปทั่วโลกครับ 
 
          นอกจากนี้ แคว้น “ทัสคานี” ก็ยังขึ้นชื่อว่ามีทิวทัศน์งดงามมาก และมีไวน์ที่รสชาติเยี่ยม ภาษา “อิตาเลียน” ที่พูดกันอยู่ในปัจจุบันของแคว้น “ทัสคานี” ก็เป็นที่ยอมรับว่าเป็นภาษาพูดอันเป็นต้นแบบชาว “อิตาเลียน” โดยแท้จริง และได้รับการยอมรับให้เป็นสำเนียงราชการ สำหรับชาว “อิตาเลียน” เรียกชื่อแคว้นนี้ว่า “ตอสคานา” (Toscana) แต่ภาษาอังกฤษซึ่งเป็นภาษาสากลเรียกแคว้นนี้ว่า “ทัสคานี” (Tuscany) ในภาษาอื่นๆ ก็มีชื่อเรียกต่างกันไปอีก เช่น ภาษาฝรั่งเศสเรียกว่า  “Toscane”  ในภาษาละติน เรียกว่า  “Toscia”  เป็นต้น  อย่างไรก็ดี การเรียกชื่อแคว้นนี้ว่า “ทัสคานี” นั้นเป็นที่รู้จักของชาวไทยมากกว่าชื่อว่า “ตอสกานา”  ครับ  กระนั้นหลายแห่งได้เรียกขานกันทั้ง “ทัสคานี” และ “ทอสคานา”  มากพอๆ กันก็ไม่ผิดกติกาแต่ประการใดครับ
 
          จากความร่ำรวยของมรดกทางศิลปวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมที่หลากหลายอันเป็น “ของดี มีอยู่” ได้มีการขึ้นทะเบียนอาคารสถานที่เป็น “มรดกโลก” ในเขตต่างๆ ของเมือง 6 แห่งในแคว้น “ทัสคานี” จากองค์การ “ยูเนสโก”  อาทิ “นครประวัติศาสตร์ฟลอเรนซ์” (Florence/Firenze) เมื่อ พ.ศ.2525 “จตุรัสดูโอโมแห่งปิซา” ในเมือง “ปิซา” (Pisa) เมื่อ พ.ศ.2530 “นครประวัติศาสตร์ซานจีมิญญาโน (San Gimignano) เมื่อ พ.ศ.2533 ,“นครประวัติศาสตร์เซียนา” (Siena) เมื่อ พ.ศ.2538 ,  “นครประวัติศาสตร์ปีเอนซา” (Pienza) เมื่อ พ.ศ.2539  และ “วัลดอร์ชา” (Val  d’Orcia) เมื่อ พ.ศ.2547  ตามลำดับ
 
          สภาพทางภูมิศาสตร์ของ “ทัสกานี” ซึ่งเป็นแคว้นในภาคกลางของ “อิตาลี”  ติดกับแคว้น “เอมีเลีย-โรมัญญา” ทางเหนือ แคว้น “ลิกูเรีย” ทางตะวันตกเฉียงเหนือ แคว้น “มาร์เก” ทางตะวันออก แคว้น “ลาซีโอ” ทางตะวันออกเฉียงใต้  ส่วนทางตะวันตกติดกับทะเล “เมดิเตอร์เรเนียน”  ในสภาพโดยทั่วไปแล้วแคว้น “ทัสคานี”  มีพื้นที่สองในสามส่วนเป็นที่ราบสูงและเศษหนึ่งส่วนสี่ที่เป็นภูเขา ส่วนที่เหลือเป็นที่ราบที่ก่อกำเนิดหุบเขาของแม่น้ำ “อาร์โน” ที่มีสภาพภูมิทัศน์แสนจะงดงามมากครับ
 
          ในทางมนุษยวิทยา (Anthropology) เกี่ยวกับชุมชนดั้งเดิมที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่แคว้น “ทัสคานี” ได้พบหลักฐานที่บ่งบอกว่ามีมนุษย์อาศัยอยู่ในยุค “สำริด” และยุค “โลหะ” นอกจากนั้น ยังบ่งบอกด้วยอีกว่ามีมนุษย์อยู่อาศัยกระจัดกระจายอยู่ในหลายบริเวณในแคว้นนี้ ตัวอย่างหลักฐานเช่น หมู่บ้านโบราณที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน ในศตวรรษที่ 8 ถึง 10 ก่อนคริสตกาล (กว่า 2,100 ปีล่วงมาแล้ว) อารยธรรม “วิลลาโนเวียน” (Villanovian) ซึ่งมีที่มาจากชื่อ “วิลลาโนวา” (Villanova)  ได้เริ่มเข้ามามีอิทธิพลต่อการดำรงชีวิตในแถบบริเวณนั้นและเจริญเติบโตขึ้นเป็นชุมชนใหญ่และกลายเป็นเมืองที่งดงามมั่งคั่งในที่สุด 
 
          นอกจากนี้ ในช่วงเวลาดังกล่าว นักประวัติศาสตร์ได้พบหลักฐานการอาศัยอยู่ของชาว “อีทรัสคัน” ในภาคเหนือไปจนถึงบางส่วนของภาคกลางตอนบนของประเทศ “อิตาลี”  (ซึ่งแคว้น “ทัสคานี” อยู่ในภาคกลางตอนบน)  ส่วนภาคใต้นั้นเป็นที่อยู่ของชาว “กรีก” จะว่าไปแล้วชื่อ “แคว้นทัสคานี” นี้มาจากชื่อของชาว “อีทรัสคัน”  ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นภาษาละติน  “ทัสเซีย” (Tuscia)  “ทัสคาเนีย” (Tuscania) และ “ตอสคานา” (Toscana)  ในที่สุด 
 
          เป็นที่ยอมรับกันว่าชาว “อีทรัสคัน” (ต่อมาเรียกว่า “ตอสคานา”) ได้รังสรรค์มรดกทางวัฒนธรรมต่างๆ ไว้มากมายให้ “อิตาลี” ไม่ว่าจะเป็น ด้านศิลปกรรมแขนงต่างๆ ตลอดจนอักษร “ละติน” ที่ชาว “อีทรัสคัน” ปรับปรุงขึ้นจากอักษร “กรีก”  และนำมาเผยแพร่ให้กับชาว “โรมัน”  (ก็ได้ตกทอดกันมาจนทุกวันนี้)ไปจนถึงพิธีกรรมในการตั้งชื่อที่เป็นแบบแผนของการตั้งชื่อตะวันตกในปัจจุบัน  นี่ยังไม่นับรวมถึง สถาปัตยกรรมที่ผสมผสานกับศิลปกรรม “รูปโค้ง” (Arch) และศิลปกรรมแขนงต่างๆ  ตลอดจนการออกแบบโรงละครไปจนถึงการแสดงละครเวที  จนกระทั่งชุด “โทกา” ที่ชาว “โรมัน” สวมใส่ 
 
          ดังนั้น คงไม่ผิดนักหรอกครับที่จะกล่าวว่า ชาว “อีทรัสคัน” นี้เองที่ทำให้อารยธรรมอันทรงคุณค่าต่างๆ เหล่านี้ถือกำเนิดขึ้นมาได้  ถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของประวัติศาสตร์ศิลปกรรมตะวันตกโดยเฉพาะอย่างยิ่งศิลปกรรมในยุค  “เรอเนซองซ์” หรือ “ยุคแห่งการฟื้นฟูศิลปะและวิทยาการ” ที่มีอิทธิพลต่อศิลปกรรมในแขนงต่าง ๆ  ทั่วโลกก็มี “รากแก้ว” มาจากแคว้น “ทัสคานี”  นี้เองครับ
.......................................
(หมายเหตุ "ตอสกานา"หรือ"ทัสคานี" : คอลัมน์ คลีนิคคนรักบ้าน โดย... ดร.ภัทรพล)