
เที่ยวช้าๆ พาไปบอร์โด
เที่ยวช้าๆ พาไปบอร์โด : คอลัมน์ท่องต่างแดน : โดย... ศิริกุล กสิวิวัฒน์
ฝรั่งเศส เป็นประเทศที่อยู่ในลำดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวที่อยากมีโอกาสไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต หนึ่งในเหตุผลก็คือ ฝรั่งเศสเป็นแหล่งผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลก นักดื่มไวน์ถือว่าไวน์ฝรั่งเศสเป็นไวน์ที่ดีที่สุดในโลก เป็นสถานที่ในฝันของนักดื่มไวน์ ผู้เขียนแม้มิใช่นักดื่มไวน์ตัวยง แต่เหตุผลแค่นี้ ก็เพียงพอต่อการไปเยือน จะไปทั้งทีก็ต้องไปแคว้นที่ผลิตไวน์ที่ใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศส มีประวัติการทำไวน์มายาวนานกว่า 2,000 ปี ยืนยันความเชี่ยวชาญในการผลิตไวน์ จะเป็นที่ไหนล่ะ ถ้าไม่ใช่…บอร์โด ไปง่ายๆ สบายๆ ชิมไวน์ชิลๆ กัน
บอร์โด เมืองไวน์ ไร่องุ่น เป็นเมืองใหญ่ตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศสใกล้กับชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก จากสนามบิน Charles de Gaulle (CDG) ....เริ่มเดินทางโดยขึ้นรถไฟ TGV ซึ่งอยู่ในสนามบิน ตรงไปเมืองบอร์โดแบบไม่แวะที่ไหนเลย ใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมงเศษ นั่งเพลินๆ ชมวิวทิวทัศน์ 2 ข้างทาง
บ่ายๆ ก็มาถึงสถานี Bordeaux St Jean ก้าวแรกก็สัมผัสได้ถึงความสวยงามของสถาปัตยกรรมที่ไม่มีตึกสูงรบกวนสายตา เคียงคู่กับความทันสมัยของการเดินทางด้วยรถรางไฟฟ้าทั่วเมือง สะดวก ปลอดภัย ลดการใช้พลังงาน...Green จริงๆ ผู้เขียนเลือกพักย่านเมืองเก่า เพื่อสะดวกในการเดินทางท่องเที่ยว
บอร์โดหรือเมืองท่าพระจันทร์ (Port of the moon) ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลก ในปี ค.ศ. 2007 ในฐานะเมืองประวัติศาสตร์ที่ยังมีผู้คนอยู่อาศัย ชุมชนเมืองและย่านสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น
เดินเล่นเพลินๆ ชมเมืองมรดกโลกเริ่มจากศูนย์กลางที่เป็นแลนด์มาร์คของนักท่องเที่ยวคือ โรงละครแกรนด์เธียเตอร์ (Grand Theatre de Bordeaux) ถือเป็นโรงละครโอเปร่าที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป ชื่นชมความงามแล้วก็เดินลัดเลาะเรียบแนวโค้งของแม่น้ำการอน (Garonne River) เดินผ่าน Place de la Bourse อาคารที่สง่างาม ด้านหน้าเป็นลานน้ำกว้างเปรียบเสมือนแผ่นกระจกที่สะท้อนให้เห็นภาพความงามของแม่น้ำ ที่มีทางเดินเลียบยาวไกลกว้างขวาง จนน่าอิจฉาชาวบอร์โดที่มีพื้นที่สาธารณะเลียบแม่น้ำไว้เดินเล่น วิ่งเล่น วิ่งออกกำลังกาย นั่งพักผ่อน สูดหายใจได้อย่างเต็มปอด สดชื่นจริงๆ ขอบอก
เดินเรื่อยมาถึง Esplanade des Quinconces ลานกว้าง สวนสวย ริมน้ำอีกแล้ว เดินต่อไปอีกนิด ในทุกเช้าวันอาทิตย์จะมีตลาดนัดริมแม่น้ำ มีผลิตภัณฑ์พื้นบ้านมาวางขาย ตั้งแต่ พืช ผัก ผลไม้ ชีส มะกอก อาหารสำเร็จรูปต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ขากบ ไก่ เป็ด อาหารทะเลโดยเฉพาะหอยนางรม และที่ขาดไม่ได้คือ ไวน์จากแหล่งผลิตเล็กๆ มาวางขายให้เลือกชิม เป็นบรรยากาศที่สดชื่นรื่นรมย์มาก อุณหภูมิห้าองศาริมฝั่งน้ำยามสาย กับหอยนางรมสดๆ พร้อมไวน์ขาวเย็นเจี๊ยบ บอกได้คำเดียวว่า อร่อยจนเก็บมาฝัน ยังจำรสชาติได้จนบัดนี้
ชมวิวจนอิ่มเอมก็มุ่งหน้าสู่ถนน เซ็นต์ แคทเธอรีน (Rue Sainte Catherine) ถนนคนเดินที่ยาวที่สุดในยุโรปอยู่ย่าน Old Town เป็นถนนช็อปปิ้งสายหลักของเมืองระยะทางยาว 1.2 กิโลเมตร คลาคล่ำไปด้วยผู้คนและนักท่องเที่ยว ที่มาเดินชม-ช็อป อยากได้อะไรหาได้บนถนนเส้นนี้ Wine Shop มีอยู่ทั่วไป สมกับเป็นเมืองไวน์จริงๆ
ทำความคุ้นเคยกับเมืองบอร์โดมาสักพัก ก็มาถึงเวลาทำความรู้จักกับความกว้างใหญ่ไพศาลของพื้นที่ผลิตไวน์ บอร์โดเป็นเมืองผลิตไวน์ชั้นเลิศ เนื่องจากตั้งอยู่ในทำเลที่ดี ได้รับอิทธิพลจากมหาสมุทรแอตแลนติก ที่ให้ความร้อน ความอบอุ่น แก่ไร่องุ่นอย่างพอเหมาะ มีแนวป่าต้านลมแรง มีฤดูหนาวสั้น แต่ฤดูใบไม้ผลิอันแสนอบอุ่นและยาวนาน ดินก็อุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ ปลูกองุ่นได้หลายพันธุ์ ผลิตไวน์ได้หลากชนิด หลายสโตล์ มีไร่องุ่นเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเป็นต้นกำเนิดของพันธุ์องุ่นต่างๆ ที่คนไทยคุ้นเคยคงเป็น Medoc, St. Emilion, Pauillac, Sauternes
แหล่งผลิตไวน์ตั้งอยู่ 2 ฝั่ง แม่น้ำ Gironde ฝั่งขวาเป็น St.Emilion ฝั่งซ้ายเป็น Medoc จะไม่ไปฝั่งไหนก็กลัวกลับมานั่งเสียใจ เลยตัดสินใจไปทั้ง 2 ฝั่ง ใช้เวลา 4 วัน 3 คืนในบอร์โด เที่ยวชมไร่องุ่น ชิมไวน์ตามชาโต (Chateaux) หรือโรงบ่มไวน์ ผู้เขียนเลือกใช้บริการการท่องเที่ยวของเมืองบอร์โด (Office de Tourism de Bordeaux) ดูในเว็บไซต์มีโปรแกรมมากมายให้เลือก แต่สิ่งที่ห้ามพลาดคือ ต้องเริ่มต้นด้วย โปรแกรมเรียนการชิมไวน์ เพื่อเรียนรู้ทฤษฎีสัมผัสจิตวิญญาณพื้นฐานของไวน์บอร์โด เป็นคอร์ส 2 ชั่วโมง กลุ่มเล็กๆ ไม่เกิน 12 คน ผู้สอนคือคุณฟรองซัวส์ (Francois) เป็นผู้ที่มีทักษะในการสอนจริงๆ เขามีวิธีการถ่ายทอดความรู้ สั้น กระชับ เพื่อให้เข้าใจพื้นฐานของไวน์บอร์โด เป็นขั้นเป็นตอนของ "ดู ดม อม ดื่ม" ซึ่งเพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์การเรียนการสอน ทั้งแก้วไวน์ ตารางเทียบสี หมวดหมู่กลิ่นไวน์ รวมทั้งมีไวน์ทุกสายพันธุ์ของบอร์โดให้ชิม
ทุกครั้งที่ชิมแต่ละแก้วจะมีถังให้บ้วนทิ้ง แต่นักเรียนส่วนใหญ่ไม่บ้วนทิ้งเพราะเสียดาย หลังจากที่เรียนรู้และชิมมาซักระยะก็จะให้แต่ละคน ปรุงไวน์สายพันธุ์ต่างๆ เพื่อให้ได้รสชาติตามชอบ การเรียนสนุกสนานได้อรรถรสเข้าถึงความสุนทรีย์การดื่มไวน์ของคนฝรั่งเศส จนเที่ยงคุณฟรองซัวส์ก็ทำอาหารกลางวันง่ายๆ รับประทานด้วยกันเฮฮาตามประสา เพราะชิมไวน์ไปเยอะ
บ่ายๆ ก็ขับรถพาไปเที่ยวเมือง St.Emilion ซึ่งเป็นเมืองมรดกโลกสมควรกับการไปเยี่ยมเยือนอย่างยิ่ง ตลอดทางเป็นไร่องุ่นสุดลูกหูลูกตา สลับกับชาโต อยู่บนพื้นราบบ้างเนินบ้าง สวย สดชื่น ตื่นตาตื่นใจจริงๆ ระหว่างทางแวะเยี่ยมชาโต เจ้าของจะพาเดินชมไร่องุ่นและห้องบ่มไวน์ อธิบายกระบวนการทำไวน์ และแน่นอน ...การชิม แล้วมีการทดสอบวิชาที่เรียนมาเมื่อเช้าว่ายังจำได้หรือไม่ โอ้พระเจ้า...ชิมซะขนาดนั้นความจำสั้นแล้วละ เป็นประสบการณ์การชิมไวน์ที่หลากหลายที่สุด เพลิดเพลินที่สุด แล้วก็ได้ข้อสรุปว่า องุ่นสายพันธุ์ดี ดินดี อากาศดี กระบวนการการปลูกมีคุณภาพ กรรมวิธีพิถีพิถันเป็นภูมิปัญญาที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น ไวน์บอร์โด จึงเป็นไวน์ชั้นเยี่ยมจากดินแดนที่พระเจ้าประทานให้อย่างแท้จริง
ไวน์ เป็นวิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่ชาวฝรั่งเศสภาคภูมิใจ การได้เรียนรู้ตระหนักถึงคุณค่าของวัฒนธรรมด้วยประสบการณ์ตรง ลงมือปรุงไวน์ด้วยตัวเอง ได้เห็นและพูดคุยกับผู้ผลิตไวน์ นี่แหละเป็นการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ที่ชาวฝรั่งเศสสร้างมูลค่าเพื่ออวดชาวโลกถึงมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมานับพันปี
.......................................................
(เที่ยวช้าๆ พาไปบอร์โด (Bordeaux) : คอลัมน์ท่องต่างแดน : โดย... ศิริกุล กสิวิวัฒน์)