
พระราชทานสร้อย1,200ปีให้กรมศิลป์
ฟ้าหญิงจุฬาภรณฯ พระราชทานสร้อยลูกปัดทวารวดีอายุกว่า 1,200 ปีให้กรมศิลป์ เก็บรักษาและจัดแสดงให้ประชาชนศึกษา
เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม นายอนันต์ ชูโชติ รองอธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ทางสำนักพระราชวังได้ทำหนังสือมายังอธิบดีกรมศิลปากร ว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เมื่อครั้งเสด็จไปทรงปฏิบัติพระกรณียกิจในพื้นที่ภาคใต้ ที่ จ.นครศรีธรรมราช ได้รับการถวายสร้อยลูกปัดจากประชาชนที่มาเฝ้ารับเสด็จ ซึ่งพระองค์ทรงเห็นว่า สร้อยลูกปัดดังกล่าวเป็นของเก่า จึงมีพระประสงค์พระราชทานแก่กรมศิลปากรไปเก็บรักษาในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ และจัดแสดงให้ประชาชนได้ศึกษา ทางสำนักพระราชวัง จึงได้ทำหนังสือมอบสร้อยลูกปัดดังกล่าวให้แก่กรมศิลปากร ซึ่งขณะนี้กรมศิลปากรได้รับมอบสร้อยลูกปัด จำนวน 1 เส้น โดยมีนางนภาพร เล้าสินวัฒนา ผู้อำนวยการกองศิลปกรรม สำนักพระราชวัง เป็นผู้แทนส่งมอบเรียบร้อยแล้ว
รองอธิบดีกรมศิลปากร กล่าวต่อไปว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นปรากฏว่า สร้อยลูกปัดที่ได้รับพระราชทาน มีลักษณะเป็นลูกปัดแก้วสีเหลือง สีเขียว และน้ำเงินเป็นส่วนใหญ่ ร้อยกันเป็นพวง สันนิษฐานว่าจะอยู่ในยุคทวารวดีอายุประมาณ 1,200-1,300 ปี พบในพื้นที่ภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็น จ.นครศรีธรรมราช ชุมพร พังงา กระบี่ และมีลักษณะเดียวที่พบในสมัยอู่ทอง ซึ่งหลังจากที่ได้รับมอบสร้อยลูกปัดดังกล่าวจากสำนักพระราชวัง ตนได้มอบไปยังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร นำไปจัดแสดงในห้องทวารวดี อย่างไรก็ตามการพระราชทานสร้อยลูกปัดครั้งนี้ ยังความปลื้มปีติแก่กรมศิลปากรที่พระองค์ทรงเล็งเห็นคุณค่าความสำคัญของโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ที่เป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน ซึ่งทางกรมศิลปากรจะจัดทำป้ายว่าได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี คาดว่าจะสามารถเปิดให้ประชาชนได้เข้าชมในเร็วๆ นี้
"สร้อยลูกปัดสมัยทวารวดีนี้ ถือว่ามีความสำคัญมาก เป็นเครื่องประดับที่แสดงถึงสถานะทางสังคม และเป็นหลักฐานสำคัญ แสดงถึงการติดต่อระหว่างชุมชนโบราณทางภาคใต้กับทางอินเดียและประเทศทางตะวันตก มีการติดต่อค้าขายกับอาณาจักรที่อยู่ไกลโพ้นทะเล โดยเฉพาะอินเดียถือเป็นสร้อยลูกปัดรุ่นแรกๆ ที่ค้นพบในประเทศไทย" นายอนันต์ กล่าว