'หมันแดง'น้ำตกงามบนเส้นทางสายโหด
'หมันแดง'น้ำตกงามบนเส้นทางสายโหด : คอลัมน์ชวนเที่ยว : โดย เรื่อง : วัลย์ พันขุนเขา/ภาพ : ลาเกอปอ / Pep Richa
ครั้งนี้จุดหมายปลายทางของผมอยู่ที่ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า อุทยานที่หลายคนมักนึกถึงลานหินปุ่ม ลานหินที่เป็นตะปุ่มตะป่ำงอกขึ้นมา เป็นหน้าผาสูงและนั่งดูพระอาทิตย์ตกดินที่ลานหินปุ่มนี่ หรือผาชูธง ที่ชูยอดสูงอยู่บนก้อนหิน และร่องรอยประวัติศาสตร์ของพรรคคอมมิวนิสต์
แต่ก็คงจะมีอีกหลายคน ที่ไม่รู้ว่าอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้ามีน้ำตกหลายแห่ง รวมถึงน้ำตกที่เพิ่งค้นพบใหม่ เช่น น้ำตกร่มเกล้า-ภราดร น้ำตกศรีพัชรินทร์ น้ำตกผาลาด น้ำตกตาลฟ้า และน้ำตกเป้าหมายของผม "น้ำตกหมันแดง"
ทริปนี้ ผมและผู้ร่วมทาง 9 คน เดินทางจากกรุงเทพฯ ตอน 3 ทุ่ม มุ่งหน้าไปภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์ แต่ถึงภูทับเบิกราวตี 3 หมอกลงจัดมากจนมองทางไม่เห็น พลพรรคเลยลงความเห็นกันว่า นอนมันที่ด่านตรวจภูทับเบิกนี่แหละ ตื่นนอนตอน 6 โมงเช้ากับสายหมอกบางๆ รอบตัว ไม่รอช้า ออกเดินทางกันต่ออีก 2 กิโลเมตร เพื่อไปแวะชมทะเลหมอกกับถนนสายคดเคี้ยวของภูทับเบิกยามเช้า พร้อมกับกาแฟร้อนๆ ที่ภูแผงม้า เสียดายไม่ได้เห็นดวงอาทิตย์ขึ้นที่นี่
จิบกาแฟเสร็จ ออกเดินทางกันต่อ ท่ามกลางอากาศเย็นสบายและหมอกบางๆ พร้อมภูเขาเขียวๆ ตลอดทาง แค่นี้สำหรับนักเดินทางอย่างพวกเราก็มีความสุขมากพอแล้ว ขับรถกันมาช้าๆ กินลมชมวิวกันมาเรื่อยๆ จนถึงหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ภรก. 7 หมันแดง ติดต่อ พี่จำนงค์ พรานสอน เจ้าหน้าที่ประจำหน่วย นัดหมายเวลาไปน้ำตกหมันแดงในวันรุ่งขึ้น เพราะวันนี้ขอเที่ยวสบายๆ แถวลานหินที่ขึ้นชื่อของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า กันก่อนดีกว่า
อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า มีพื้นที่ครอบคลุมรอยต่อสองจังหวัด คือ อ.ด่านซ้าย จ.เลย และอ.นครไทย จ.พิษณุโลก เมื่อก่อนเป็นพื้นที่สีแดง และเป็นแหล่งกำเนิดของประวัติศาสตร์การสู้รบอันยาวนาน อันเกิดจากความขัดแย้งของลัทธิ ความแตกแยกทางการเมืองและแนวความคิด ที่นำไปสู่ความสูญเสียเลือด ชีวิตและน้ำตา ซึ่งเรายังเห็นร่องรอยของการต่อสู้อยู่ถึงวันนี้... ถึงที่ทำการอุทยาน จับจองพื้นที่กางเต็นท์เสร็จ จัดการมื้อเช้าที่ร้านอาหารของที่ทำการนั่นเอง แล้วค่อยไปเดินเล่นลานหินแตกที่อยู่ไม่ไกลจากที่ทำการอุทยานแห่งชาตินัก
ลานหินแตก เป็นลานหินขนาดใหญ่มีเส้นทางเดินไปจนถึงหน้าผาหิน ชมพระอาทิตย์ตก ระยะทางเดินประมาณ 450 เมตร ระหว่างทางเดินจะเจอกับร่องหินแตกขนาดลึกจนต้องมีสะพานเดินข้ามตลอดทาง นอกจากนี้ ระหว่างทางยังมีดอกกล้วยไม้หลากหลายชนิด ทั้งดอกเปราะภู เอื้องม้าวิ่ง และดอกลิ้มมังกรสีส้ม ใครที่ชอบดอกกล้วยไม้ก็คงไม่พลาดที่จะถ่ายรูปดอกลิ้นมังกรสีส้มที่อวดดอกสีส้มๆ กันตลอดทางเดิน และที่มีเยอะไม่แพ้กันก็คือดอกขาวๆ ของเปราะภู เดินกันไปบ้าง กระโดดข้ามก่อนหินกันไปบ้าง จนเหนื่อยกันไปตามๆ กัน พอเราไปถึงต่างคนก็ต่างเดินกันไปบนลานหินแตกหามุมถ่ายรูปกันเป็นที่สนุกสนาน
ก่อนกลับก็ไม่พลาดที่จะแวะชมของฝากที่ชาวม้งนำมาขายข้างๆ ลานจอดรถ มีทั้งเสื้อ กางเกงของชาวกะเหรี่ยง หรือผ้าพันคอ พวงกุญแจ ให้เลือกซื้อกันมากมาย
ยังมีเวลาเหลืออีกเยอะ ว่าแล้วก็ต้องไปเดินเที่ยวกันต่อที่ ลานหินปุ่ม ลานกว้างๆ ที่หินนูนขึ้นมาเป็นตะปุ่มตะป่ำ ที่เกิดจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ดอกไม้ ต้นไม้ในเส้นทาง ไม่ต่างจากทางไปลานหินแตก สนุกสนานกันเพลินๆ จนกลับถึงที่พักได้เวลาอาทิตย์ตกพอดี กางเต็นท์ไป ชมอาทิตย์ตกไปด้วย ได้อารมณ์ของคนแรมทางกันสุดๆ
มื้อเย็นนี้เหมือนเคย ฝากท้องไว้กับร้านอาหารของอุทยานนั่นเอง เมื่อเช้าไม่ถูกใจ เย็นเลยย้ายมาลิ้มลองอีกร้านหนึ่ง ค่ำคืนนี้นั่งคุยกันไม่ดึกนัก เพราะต้องเก็บแรงไว้เดินป่า เข้าน้ำตกหมันแดงกันในวันพรุ่งนี้
ตื่นเช้ามากับท้องฟ้าที่ไม่แจ่มใส่นักเพราะฝนตกหนักเมื่อคืน พวกเรารีบจัดการธุระส่วนตัวเสร็จ รับข้าวห่อที่สั่งทำไว้ล่วงหน้า แล้วนั่งรถมุ่งหน้าไป หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ภรก. 7 หมันแดง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นเดินเท้าเข้าน้ำตก เห็นพี่จำนงค์เตรียมตัวรออยู่แล้ว แล้วยังมีนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ ที่จะเข้าไปพร้อมกันด้วย พวกเราจัดแจงใส่ถุงกันทากกันเรียบร้อย
08.30 น . ทุกคนก็พร้อมที่จะเริ่มต้นเดินทางสายป่า แสวงหาน้ำตกสวยกันแล้ว ระยะทางเดินเท้าไปน้ำตก 3.5 กิโลเมตรดูเหมือนไม่ไกลนักสำหรับกลุ่มพวกผม แต่พี่จำนงค์บอกว่า เราต้องรีบเดินไปตอนเช้าๆ เพราะจะได้มีเวลาถ่ายรูปน้ำตกกันนานๆ หน่อย แต่ไม่ได้บอกว่าต้องเดินลงเนินก่อนถึงน้ำตก ที่ทั้งชันทั้งลื่น และยิ่งลื่นมากๆ จากฝนที่ตกหนักเมื่อคืน บวกกับทากที่มีอยู่ตลอดทาง โดยเฉพาะทางบางช่วงต้องผูกเชือกกับต้นไม้พยุงตัวไต่กันลงไปทีละคน บอกได้คำเดียวว่า เส้นทาง 3.5 กิโลเมตร สายนี้โหดจริงๆ ครับ
กว่าจะไปถึงน้ำตกก็เล่นคลุกดินกันไปตามๆ กัน แถมบางคนยังโดนทากเจาะเลือดไปหลายตัว แต่พอไปถึงน้ำตกชั้นแรกก็หายเหนื่อย คุ้มค่ากับการบุกป่า ฝ่าทางลื่นและชันมาจริงๆ น้ำตกหมันแดงมีทั้งหมด 32 ชั้น แต่ที่เปิดให้ชมแค่ชั้นที่ 1-9 เท่านั้น โดยชั้นไฮไลท์จะอยู่ที่ชั้น 5 ที่มีดอกลิ้นมังกรสีชมพู ขึ้นเป็นกอ เกาะหินหน้าน้ำตก เป็นภาพที่มองแล้วสวยงามจริงๆ แม้ว่าปีที่แล้ว จะโดนน้ำป่าซัดหายไปซะเยอะก็ตาม แต่จะว่าไป น้ำตกแต่ละชั้นก็มีเอกลักษณ์ จนหลายคนบอกว่าน้ำตกที่นี่สวยทุกชั้นจริงๆ
กลุ่มผมใช้เวลาเดินไปถึงน้ำตกประมาณ 2.30 ชั่งโมง แต่สภาพตอนไปถึง ก็ไม่ต่างจากกลุ่มอื่นๆ ที่สะบักสะบอมมาเหมือนกัน เดินดูน้ำตกและถ่ายรูปกันมาเรื่อยๆ จากด้านบนชั้นที่ 1 ลงไปด้านล่างไปถึงน้ำตกชั้นที่ 6 มีลานหินกว้างๆ ข้างๆ น้ำตก เราเลยขอนั่งพักกินข้าวห่อกันที่นี่ล่ะ เพราะหิวกันมาตั้งนานหลังจากใช้แรงเดินและไต่เขาไปซะเยอะ
นั่งกินข้าวไป ดูน้ำตกไป อิ่มอกอิ่มใจไปตามๆ กัน หลังมื้อเที่ยง ก็เดินไปถ่ายรูปน้ำตกชั้นที่ 7-9 กันต่อ ช่วงนี้ค่อนข้างชันและลื่นที่ต้องระมัดระวังกันหน่อย บางช่วงต้องข้ามน้ำไปอีกฝั่ง พี่จำนงค์บอกว่านักท่องเที่ยวจะไม่ค่อยลงไปดูน้ำตกชั้น 6-9 กันเพราะเหนื่อยและเดินลำบาก เผลอๆ จะปีนกลับไม่ไหว ส่วนใหญ่เลยจะดูน้ำตกกันแค่ชั้นที่ 5 แต่พวกเราไหนๆ มาแล้ว ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้มาอีก เลยขอเดินดูมันซะทุกชั้นให้คุ้มค่าเหนื่อยซะหน่อย
เดินถ่ายรูปชมน้ำตกกันจนพอใจ ถึงได้กลับ แต่ที่จริงเรียกว่าปีนกลับกันมากกว่า ใช้เวลาไปร่วม 3 ชั่วโมงทีเดียวถึงจะพ้นราวป่า ก็เพราะขาไปพวกเราเดินลง ขากลับเลยต้องเดินต้านแรงโน้มถ่วงขึ้น กินแรงไปเยอะทีเดียว
แต่ถึงเส้นทางสายนี้จะโหดสักแค่ไหน ความสวยงามของน้ำตกหมันแดงก็ยังเป็นจุดหมายปลายทางของนักแรมทางหลายๆ คน จนเส้นทางสายนี้ไม่เคยร้างราผู้คนแรมทาง
หมายเหตุ : ติดต่อ เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์อุทบยานแห่งชาติ ภรก.7 น้ำตกหมันแดง (จำนงค์ พรานสอน) 09-1625-5369
...............................
('หมันแดง'น้ำตกงามบนเส้นทางสายโหด : คอลัมน์ชวนเที่ยว : โดย…เรื่อง : วัลย์ พันขุนเขา/ภาพ : ลาเกอปอ / Pep Richa)