ไลฟ์สไตล์

ปิด!พระปรางค์วัดอรุณซ่อมใหญ่

ปิด!พระปรางค์วัดอรุณซ่อมใหญ่

19 ก.ย. 2556

ปิดพระปรางค์วัดอรุณซ่อมใหญ่ ถือฤกษ์บ่าย 3 โมง 24 กันยายน บวงสรวง ขณะที่'กรมศิลปากร'ตั้งนั่งร้านปรางค์ทิศตะวันตกจุดแรก ใช้เวลา 3 ปีแล้วเสร็จ

                19 ก.ย.56 พระศากยปุตติยวงศ์ (ต่อศักดิ์ สุนฺทรวาที) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม เปิดเผยว่า จากการที่วัดอรุณฯ และกรมศิลปากร ตรวจพบความทรุดโทรมของพระปรางค์วัดอรุณฯ ทั้งเรื่องของเชื้อรา และการเปื่อยยุ่ยของเนื้อปูน รวมถึงประสบภัยธรรมชาติ น้ำท่วม และฟ้าผ่าจนทำให้คอม้าหักลงมานั้น ขณะนี้ ทางวัดอรุณฯ และกรมศิลปากร ได้รับงบประมาณประจำปี 2556 -2558  จำนวน 130 ล้านบาท มาดำเนินการบูรณปฏิสังขรณ์ พระปรางค์วัดอรุณฯ ทั้งพระปรางค์องค์ประธาน และปรางค์ประกอบทั้งหมด ครั้งใหญ่ในรอบ 14 ปี นับตั้งแต่ 2542  ซึ่งจะเห็นได้ว่า รอบของการบูรณะอายุจะลดลงเรื่อยๆ เนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงวัสดุของการบูรณะที่เปลี่ยนไปตามยุคด้วย

                พระศากยปุตติยวงศ์ กล่าวต่อว่า วัดอรุณฯ จะเริ่มบูรณะองค์พระปรางค์ตั้งแต่ปลายเดือน กันยายน 2556 เป็นต้นไป โดยในวันที่ 24 กันยายน นี้ เวลา 15.00 น.วัดอรุณฯ และกรมศิลปากร จะทำพิธีบวงสรวง และเปิดป้ายโครงการบูรณะพระปรางค์วัดอรุณฯ อย่างเป็นทางการ โดยมีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธาน สำหรับการบูรณะจะแบ่งงานออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ปี 2556 อนุรักษ์ปรางค์ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ-ใต้ มณฑปทิศใต้และตะวันตก ในปีงบประมาณ 2557-2558  อนุรักษ์ปรางค์ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ใต้ มณฑปทิศเหนือ-ตะวันออก และพระปรางค์ประธาน ทั้งนี้ ทางวัดจะตั้งนั่งร้าน และปิด บริเวณด้านทิศตะวันตก รวมถึงมีป้ายเตือนนักท่องเที่ยวในบริเวณที่ห้ามเข้าเพื่อความปลอดภัย แต่ยังคงเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทางฝั่งทิศตะวันออก และยังคงถ่ายรูปพระปรางค์ประธานได้ตามปกติ

                  ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดอรุณฯ กล่าวต่ออีกว่า การบูรณะในครั้งนี้ได้นำเทคโนโลยีในการบูรณะเข้ามาช่วยด้วย โดยเฉพาะในส่วนของนั่งร้านจะเป็นนั่งร้านที่นำมาใช้ในการบูรณะโบราณสถานเป็นครั้งแรก เป็นนั่งร้านที่จะตั้งขึ้นโดยรอบองค์พระปรางค์ และจะไม่มีชิ้นส่วนของนั่งร้านสัมผัสกับองค์พระปรางค์เลย ซึ่งแตกต่างจากนั่งร้านโดยทั่วไปที่จะมีบางส่วนสัมผัสกับโบราณสถานซึ่งอาจจะจะสร้างความเสียหายให้โบราณสถานได้ พร้อมกันนี้ทางวัดจะประสานกับทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อจัดสร้างโมเดล พระปรางค์วัดอรุณ ขนาดย่อส่วนสูง 4 เมตร เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เห็นว่า มีรูปแบบเช่นไร

                 “ในการบูรณะจะคงใช้วัสดุของเดิมไว้ให้ได้มากที่สุด และเป็นที่ยินดีว่า กรมศิลปากร ยังเก็บกระเบื้องของเก่าที่เหลือเมื่อครั้งบูรณะในปี 2542 ไว้อยู่ สามารถที่จะนำมาใช้ในครั้งนี้ได้ ในการนำมาทดแทนชิ้นส่วนที่มีสภาพทรุดโทรมมาก ซึ่งล่าสุดจากการสำรวจระหว่างการตั้งนั่งร้าน พบว่า ก้อนอิฐ และแผ่นกระเบื้องบริเวณฐานพระปรางค์ประธาน มีสภาพเปื่อยยุ่ยและกร่อนเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจะขอให้ทางกรมศิลปากร ช่วยตรวจสอบฐานรากและความมั่นคงขององค์พระปรางค์ประธานด้วย เนื่องจากเราไม่รู้ว่า ฐานรากและภายในจะทรุดโทรมมากแค่ไหน”พระศากยปุตติยวงศ์ กล่าว

                สำหรับประวัติการบูรณะวัดอรุณราชวรราม เริ่มมีบันทึกการบูรณะตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช  ได้ทรงปฏิสังขรณ์วัดแจ้งใหม่ทั้งวัด แต่ยังไม่ทันสำเร็จก็สิ้นรัชกาลที่ 1 ต่อมา พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ได้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดแจ้งต่อในปี 2363 มีพระราชดำริที่จะเสริมสร้างพระปรางค์หน้าวัดให้สูงขึ้น และพระราชทานนามใหม่ว่า “วัดอรุณราชธาราม” แต่สิ้นรัชกาลเสียก่อน จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ในปี 2385 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เสริมพระปรางค์ขึ้นและให้ยืมมงกุฎที่หล่อสำหรับพระพุทธรูปทรงเครื่องที่จะเป็นพระประธานวัดนางนองมาติดต่อบนยอดนภศูล ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ บูรณปฏิสังขรณ์วัดอรุณราชธารามหลายรายการ และให้อัญเชิญพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยมาบรรจุไว้ที่พระพุทธอาสน์ของพระประธานในพระอุโบสถด้วย เมื่อการปฏิสังขรณ์เสร็จสิ้นลง พระราชทานนามวัดใหม่ว่า “วัดอรุณราชวราราม” ต่อมา ปี 2452 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บูรณะปฏิสังขรณ์พระปรางค์ ถมลานให้สูงขึ้นและทำรั้วเหล็ก สถาปนาวัดอรุณฯ ขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก โดยเสด็จพระราชดำเนินมาทอดผ้าพระกฐิน โดยขบวนพยุหมาตราทางชลมารคเป็นครั้งแรก และมีประวัติการบูรณะอีกครั้ง โดยกรมศิลปากร เมื่อปี 2510-2511 และปี 2540-2542 รอบระยะเวลาการบูรณะประมาณรอบละ 30 ปี

.....................................

(หมายเหตุ : ภาพจากแฟ้มข่าว)