
ตาม'อ.คฑา'ไหว้พระแก้ชงที่ฮ่องกง
27 มี.ค. 2557
ศิลปวัฒนธรรม : ตาม 'อ.คฑา' ไหว้พระแก้ชงที่ฮ่องกง
ก่อนจะเข้าปีพ.ศ.2557 หรือปีมะเมีย หลายคนต่างต้องได้ยินว่าคนที่เกิดปีมะเมีย ปีเถาะ ปีระกา โดยเฉพาะปีชวด ถือว่าเป็นปีชง ที่อาจมีเรื่องราวร้ายๆ เกิดขึ้นกับตัวเอง ไม่วาจะเลือดตกยางออก มีเกณฑ์ประสบอุบัติเหตุจนร่างกายได้รับบาดเจ็บ มีคนมาเบียดเบียนจนทำให้วุ่นวายใจ ชีวิตไม่เป็นสุข หรือไม่สมหวัง สุขภาพไม่แข็งแรง นั่นเองจึงเป็นเหตุให้คนที่เกิดปีชงเดินหน้าเข้าวัดและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ไหว้พระทำบุญ เจริญภาวนา เพื่อเติมเต็มหรือทำความทุกข์ให้เบาบางตามความเชื่อและความศรัทธาของแต่ละคน
ซึ่งล่าสุดมีโอกาสร่วมทริปกับสายการบินแอร์เอเชีย เดินทางไปร่วมไหว้พระแก้ชงกับ อ.คฑา ชินบัณชร ที่ประเทศฮ่องกง เริ่มนับหนึ่งกับการไหว้พระที่ "วัดหวังต้าเซียน" ซึ่งเป็นวัดที่คนจีนกวางตุ้งจะเรียกว่าหว่องไท่ซิน เป็นวัดเก่าแก่อายุกว่าร้อยปี โดยชาวฮ่องกงส่วนใหญ่เดินทางมาวัดนี้เพื่อขอพรให้สุขภาพแข็งแรงไร้โรคภัย ซึ่งที่วัดนี้มีเทพสถิตอยู่หลายองค์ ได้แก่ เทพเจ้าหวังต้าเซียน เจ้าแม่กวนอิม เจ้าที่ เทพเจ้าหยุคโหลว (เทพเจ้าแห่งความรัก) และท่านขงจื้อ
เดิมทีวัดนี้เป็นเพียงศาลเจ้าเล็กๆ ในย่าน วานไฉย ทางเกาะฮ่องกง ภายหลังได้มีการรวบรวมเงินบริจาคแล้วย้ายวัดมาตั้งอยู่บนเกาะเกาลูนในที่ปัจจุบัน กลายเป็นวัดใหญ่ที่มีการผสมผสานสถาปัตยกรรมจากศาสนาและความเชื่อหลักของเมืองจีนสามอย่าง คือ ลัทธิเต๋า ลัทธิขงจื๊อ และศาสนาพุทธแบบมหายาน โดยหวังต้าเซียน เป็นชื่อเทพเจ้าตามความเชื่อชาวจีน เดิมท่านชื่อ “หว่องช้อเผ่ง” เป็นเพียงปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งอาศัยอยู่ที่มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ เมื่อปี ค.ศ. 328 ท่านได้ชื่อว่ามีความเมตตาต่อผู้คนเป็นอย่างมาก แถมยังมีความกตัญญูต่อบิดามารดาและคอยช่วยเหลือบุพการีตั้งแต่เล็ก หว่องช้อเผ่ง ทำหน้าที่ดูแลแพะอยู่ เมื่อวันหนึ่งได้พบกับนักพรต และได้ถูกชักชวนให้ไปร่ำเรียนวิชาบนภูเขาที่ห่างไกล ท่านศึกษาจนบรรลุธรรมตั้งแต่อายุ 15 ปี ท่านได้ร่ำเรียนศึกษาเรื่องสมุนไพร จนเชี่ยวชาญและได้เดินทางรักษาผู้คนที่เจ็บไข้และคนที่เดือดร้อนไปทั่ว เมื่อถึงคราวที่เกิดโรคระบาดใหญ่ ท่านได้ใช้วิชาการแพทย์ที่มี จัดยาสมุนไพรให้แก่ชาวบ้าน ท่านมีลูกศิษย์มากมายที่เคารพและร่ำเรียนวิชาต่อจากท่าน คุณความดีที่ท่านได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันตลอดเวลาถึง 40 ปี ทำให้ชาวบ้านยกย่องให้ท่านเป็นเทพ “หว่องไทซิน” หรือหวังต้าเซียน และตั้งศาลไว้ให้ผู้คนได้สักการะ เมื่อคราวที่ฮ่องกงเผชิญกับโรคระบาดใหญ่ ชาวฮ่องกงได้มาขอพระจากท่านที่วัดและขอยาที่ทางวัดจัดไว้ให้มาต้มกินจนหายจากโรคระบาด ทำให้วัดหวังต้าเซียนเป็นที่ศรัทธายิ่งขึ้นไปอีก อีกจุดหนึ่งที่เป็นที่นิยมคือ การมาไหว้เทพเจ้าแห่งความรัก “หยุคโหลว” แล้วผูกด้ายแดงเพื่อขอเนื้อคู่ หรือคนที่คู่รักก็จะผูกด้ายแดงร่วมกันเพื่อสัญญากันว่าจะเป็นเนื้อคู่กันตลอดไป
จากนั้นมีโอกาสเดินทางไปที่ "วัดแชกงหมิว" หรือ กังหันนำโชค ซึ่งวัดนี้ อ.คฑา ได้นำพาไหว้และอธิบายให้ฟังว่า คนจีนศึกษาและรู้มานานแล้วว่าธรรมชาติในโลกของเรานี้ให้พลังกับชีวิต พลังในแต่ละทิศไม่เท่ากัน คนจีนจึงไปรับพลังธรรมชาติตามทิศต่างๆ ซึ่งในปีมะเมียทิศที่ดีที่สุดคือทิศใต้ และ ทิศตะวันตก เป็นทิศแห่งโชคลาภและการเงิน ส่วนทิศที่ดีของฮวงจุ้ยทั้งหมดคือทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เพราะฉะนั้น ฮ่องกง เกาหลี ญี่ปุ่น เป็นทิศที่ดี ผนวกกับปีมะเมียและปีมะแม ซึ่งม้าหมายถึงการเดินทาง การก้าวหน้า และความแข็งแรง คนจีนจึงมีคำกล่าวว่า "เบ๊ ก่าว ก้ง เซ่ง" ม้ามาทุกสิ่งสำเร็จ คนจีนจึงท่องเที่ยว จึงเดินทาง ท่องเที่ยวรับพลังชีวิต เที่ยวรับพลังธรรมชาติ เราไปภูเขารับความสดชื่น เราไปทะเลเรารับความอิสระ เราไปวัดเรารู้สึกจิตสงบ เราไปที่ไหนพลังธรรมชาติก็จะส่งผลกับเรา อย่างที่เรามาไหว้ที่วัดนี้นอกจากความตั้งใจในการแก้ชงตามความเชื่อที่ว่า การหมุนกังหันจะช่วยหมุนชีวิตพลิกผันจากร้ายกลายเป็นดี โดยกังหันลมจะพาชีวิตราบรื่นล้อลมและธุรกิจเงินทองวิ่งฉิว เหมือนกังหันลู่ลม
"แชกงหมายถึงกังหันที่คอยปัดเป่าสิ่งไม่ดี ด้วยสมัยก่อนเป็นแม่ทัพใหญ่ พอฝนแล้งและเกิดโรคระบาด แชกงจึงนำทหารมาช่วย คนจีนก็ยกย่องว่าเป็รคนที่ทำดีเพื่อแผ่นดิน เมื่อแชกงตายไปก็สร้างรูปแชกงขึ้นมา แล้วนำกังหันมาเป็นตัวแทน เป็นตัวแทนพัดเรื่องร้ายๆ ออกไป เมื่อหมุนกังหันได้พูดว่าขอให้ทั้ง 4 ฤดูราบรื่น ไม่มีอุปสรรค และให้หมุนตามเข็มนาฬิกา เพื่อให้ปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไปจากชีวิตเรา" อ.คฑาอธิบายก่อนนำไหว้แชกงและไหว้แก้ชง
ปิดท้ายอีกที่คือ "องค์เจ้าแม่กวนอิม" และ "เจ้าแม่ทับทิม" ที่อ่าวรีพัลส์เบย์ เพื่อเป็นสิริมงคลและนมัสการเทพเจ้าแห่งโชคลาดที่มีชื่อเสียงว่าใครได้มาสัมผัสท่านจะได้รับแต่เงิน ทอง กลับบ้านนั่นเอง