
มุกดาหาร สะพานเชื่อมอินโดจีน
01 มิ.ย. 2557
ชวนเที่ยว : มุกดาหาร สะพานเชื่อมอินโดจีน : เรื่อง / ภาพ ... นพพร วิจิตร์วงษ์
และแล้ว ก็ได้มีโอกาสมาเยือนถิ่นอีสานอีกรอบ ชื่อของ "เมืองมุก" หรือ มุกดาหาร เมืองเล็กๆ เชิญชวนให้อยากไปทำความรู้จักมากขึ้น นอกเหนือไปจากการเป็นเมืองที่เชื่อมต่อเศรษฐกิจไทยกับอินโดจีน ผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2 หากแต่เมืองเล็กๆ นี้ กลับอยู่อย่างสงบเงียบริมลำน้ำโขง ต่างจากเมืองที่อยู่เหนือขึ้นไป อย่างนครพนม หรือหนองคาย
ว่าแล้ว ฉันก็จับรถทัวร์เดินทางไปมุกดาหาร สะดวกสบายกับการเดินทางเกือบ 10 ชั่วโมง อาศัยหลับพักผ่อนไปในตัว ถึงเมืองมุกดาหารก็เช้าตรู่พอดี ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพียงแค่ตี 5 ฟ้าก็สว่างราวกับ 6 โมงกว่าในเมืองกรุง ฉันจัดแจงเก็บข้าวของเข้าที่พักกลางเมือง ก่อนออกตระเวนชมเมือง
จากที่พัก เดินนิดเดียวก็ถึง ห้าแยกเวียดนาม อยู่ปลายถนนพิทักษ์สันติราษฎร์ เชื่อเลยว่า ที่นี่ชีวิตตื่นเช้ามากๆ และเป็นย่านที่ขายอาหารเช้าสารพัดแบบของเวียดนาม เพราะว่าคนแถวนี้ ส่วนใหญ่เป็นลูกหลานเวียดนามขนานแท้ บ้างก็อพยพมาสมัยพ่อแม่ บ้างก็มีเชื้อสายเวียดนาม แถมอาหารขึ้นชื่อก็อยู่แถวๆ ละแวกนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นกาแฟชงโบราณกินกับขนมปังบาเก็ตใส่ไส้ หรือไข่กระทะ ฝั่งตรงข้ามเป็นร้านข้าวเปียก หรือก๋วยจั๊บญวณ ติดกันเป็นร้านปากหม้อเวียดนาม เยื้องๆ ไปอีกฝั่ง เป็นร้านเลือดแปลงหรือวุ้นเลือดหมูสด ซึ่งเป็นอาหารสไตล์เวียดนามของแท้ แต่ละร้านมีคนมาอุดหนุนกันแน่นหนา แค่ 9 โมงกว่าๆ ร้านก็ขายหมด เก็บข้าวของกันแล้ว
เมืองมุกดาหาร พลุกพล่านแค่ในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน เช้ากับเย็น นอกนั้นก็เรื่อยๆ สบายๆ ถนนในเมืองไม่ใหญ่นัก พอรถสวนกันได้อย่างใจเย็น เลยจากห้าแยกเวียดนามไปอีกหน่อย เลี้ยวไปทางริมน้ำโขง ก็จะถึง ตลาดอินโดจีน ซึ่งตลาดอินโดจีนที่นี่ใหญ่โตมากๆ ยึดแนวจากหน้าด่านตรวจคนเข้าเมืองมุกดาหาร เรื่อยไปตลอดแนวแม่น้ำโขงระยะทางกว่า 1 กิโลเมตรแถมมีชั้นใต้ดินอีกด้วย ข้าวของที่นำมาขาย นอกเหนือสินค้าโอท็อปของเมืองมุกดาหารแล้ว ก็จะมีสินค้าสารพัดของกิน ของใช้ เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า ของเล่น จากประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งลาว เวียดนาม จีน และรัสเซีย ตลาดที่นี่เปิดราวๆ 8 โมง พอ 4 โมงเย็น (16.00 น.) ก็เริ่มปิดแล้ว (แผ่นพับแนะนำท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะระบุว่าปิด 18.00 น.)
พอปิดตลาดอินโดจีน ก็ไปเปิดตลาดกลางคืน ชื่อว่า ตลาดราตรี ก็เหมือนตลาดนัด หรือถนนคนเดิน โดยจะปิดถนนหน้าศาลากลางจังหวัด (ถนนสองนางสถิตย์) ตั้งแต่ 16.00-21.00 น. งั้นหัวค่ำให้อากาศเย็นๆ ลงหน่อยค่อยไปเดินเล่นดีกว่า เผื่อได้ของฝาก
จากตัวเมือง เลาะลำน้ำโขงไปตามถนนสำราญชายโขงเหนือ ผ่านจวนผู้ว่าราชการจังหวัดไปไม่ไกล ก็ถึงบริเวณด้านใต้สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 (แต่ถ้าจะข้ามแดนต้องไปผ่านทางหน้าด่าน) จุดใต้สะพานถือเป็นจุดชมวิวที่สวยงาม และเป็นที่ตั้งของศาลาพญานาค
สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2 นี้ เชื่อมเมืองมุกดาหารกับบ้านนาแก เมืองคันทะบุลี แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว ได้ชื่อว่าเป็นสะพานข้ามแม่น้ำโขงที่ยาวที่สุดคือ 1,600 เมตร (ความยาวทั้งสะพาน 2,702 เมตร) และเป็นสะพานที่ฝ่ายไทยและลาวต่างออกเงินกันคนละครึ่ง อีกทั้งสัญลักษณ์กลางสะพานเป็นรูปมือพนมไหว้ ซึ่งก็เป็นวัฒนธรรมร่วมกันของไทยและลาวอีกเช่นกัน
ปลายสะพานทั้งสองฝั่งคือเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor) ที่รวมระยะทางทั้งหมด 1,450 กิโลเมตร เชื่อมมาตั้งแต่เมืองมะละแหม่ง ของพม่า สู่ไทยที่อ.แม่สอด จ.ตาก ผ่านพิษณุโลก ขอนแก่น และมุกดาหาร ข้ามสะพานมิตรภาพไปยังสะหวันนะเขต ของลาว สู่เวียดนามที่ด่านพรมแดนลาวบาว เข้าสู่เมืองดงฮา ที่สามารถต่อไปยังเมืองเว้ ดานัง และฮอยอัน
เลยจากสะพานมิตรภาพ ขึ้นไปทางตอนเหนือของมุกดาหาร ระหว่างทางแวะดูหน้าตา หาดมโนภิรมย์ เสียหน่อย ตามคำแนะนำของคนเมืองมุก
หาดมโนภิรมย์ อยู่ในเขต ต.ชะโนด อ.หว้านใหญ่ เป็นหาดทรายที่ทอดยาวริมแม่น้ำโขง ในช่วงหน้าแล้งจะเห็นหาดทรายกว้างลงไปถึงเกือบจะกลางแม่น้ำโขง และมีความยาวหลายร้อยเมตร แต่ปัจจุบัน นอกจากหน้าแล้งยังต้องอาศัยจังหวะที่จีนไม่ได้ปล่อยน้ำจากเขื่อน เราถึงจะได้เห็นหาดทรายกว้างๆ ช่วงเทศกาลชายหาดแห่งนี้ จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว ทั้งคนท้องที่เองและจากจังหวัดใกล้เคียง ที่มาเล่นน้ำกันสนุกสนาน ชนิดแน่นชายหาดเลยทีเดียว
ออกจากหาดมโนภิรมย์ แค่เลี้ยวก็ถึง วัดมโนภิรมย์ ตัวโบสถ์สวยงามจริงๆ แม้จะดูเก่าแก่ และมีร่องรอยของการบูรณะแต่ก็ยังกลมกลืน ทั้งเสา ซุ้มด้านหน้า และบันไดทางขึ้นที่ไม่ใช่พญานาคเหมือนทั่วไป แต่ดูเหมือนสัตว์โบราณที่ไม่เคยเห็นมาก่อน สืบประวัติดูถึงได้รู้ว่า วัดนี้สร้างเมื่อปี 2230 โดยช่างจากเวียงจันทน์ ภายใต้การนำของท้าวคำสิงห์ ซึ่งเป็นบุตรของเจ้าเมืองโพนสิม พี่ชายของท้าวกินรี ผู้สร้างเมืองมุกดาหาร โดยท้าวคำสิงห์อพยพพร้อมญาติพี่น้องเข้ามาก่อตั้งบ้านชะโนด และสร้างวัดนี้ขึ้นมา
วัดมโนภิรมย์ เป็นสถาปัตยกรรมแบบล้านช้าง ซุ้มประตูลายปูนปั้นรูปสัตว์ในเทพนิยาย หน้าบันเป็นไม้แกะสลัก หน้าต่างเจาะเป็นช่องสี่เหลี่ยมใส่ลูกกรงไม้กลึง เรียกว่า "ลูกมะหวด" ภายในอุโบสถประดิษฐานพระองค์แสน พระคู่บ้านคู่เมือง และยังมีพระพุทธรูปงาช้างหรือพระงา ซึ่งแกะสลักรูปพระพุทธเจ้า 8 องค์บนงาช้างสีดำ
เลยจากวัดมโนภิรมย์ มุ่งหน้าไปตามป้ายแก่งกะเบา-ธาตุพนม ยังผ่านวัดอีกหลายแห่ง รวมถึง วัดพระศรีมหาโพธิ์ บ้านหว้านใหญ่ ต.หว้านใหญ่ สะดุดตาตั้งแต่เรือพายลำยาวสำหรับแข่ง 2 ลำที่อยู่หน้าวัด ด้านในมองเห็นพระพุทธรูปนาคปรก สีทองสุกปลั่ง หันหน้าออกสู่แม่น้ำโขง ไม่ไกลกันมีต้นโพะขนาดใหญ่หลายคนโอบ พระเจดีย์สีขาวสะอาดตา และที่เด่นเป็นสง่าแปลกตากว่าใครก็คือโบราณสถาน ที่สร้างโดยช่างเวียดนาม รูปแบบเป็นสถาปัตยกรรมฝรั่งเศส ซุ้มประตู หน้าต่างเป็นรูปโค้งสร้างขึ้นในปี 2459 มีลายจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับพระเวสสันดรชาดก ซึ่งโบราณสถานนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติ ในปี 2541
ฉันเลยขึ้นเหนือไปอีกหน่อย ก่อนจะพ้นเขตจ.มุกดาหาร ก็ถึงวัดที่เป็นมุดหมายของการเดินทางครั้งนี้ "วัดสองคอน" เป็นวัดคาทอลิก มีความสวยงามและใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เคยได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่นจากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ ภายใต้ความสวยงามนี้ มีความเจ็บปวดซ่อนอยู่ เมื่อครั้งที่ไทยมีข้อพิพาทกับอินโดจีนที่อยู่ภายใต้ฝรั่งเศส จนไทยเสียดินแดนให้ฝรั่งเศส บาทหลวงชาวฝรั่งเศสจึงถูกขับไล่ออกจากไทย รวมถึงบังคับให้ผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์เปลี่ยนศาสนา แต่มีนักบวชและฆราวาส 7 คน ที่ยืนยันความเชื่อ และไม่ยอมละทิ้งศาสนา แม้จะเผชิญหน้ากับความตาย ด้วยความกลาหาญนี้ ได้รับการประกาศยกย่องในเวลาต่อมาให้เป็นบุญราศีทั้ง 7 แห่งประเทศไทย ด้านในโบสถ์มีโลงแก้วบรรจุพระธาตุของบุญราศีทั้ง 7 ไว้ด้วย ซึ่งเปิดให้ผู้คนเข้าไปสักการะทุกวัน
คนที่มีเวลาไม่มาก อาจจะเลือกชมเมือง ผ่านหอแก้วมุกดาหาร ที่อยู่เลยตัวเมืองลงไปทางใต้ (อ.ดอนตาล) ลักษณะเป็นอาคาร 9 เหลี่ยม มี 7 ชั้นจัดแสดงประวัติเมืองมุกดาหาร ข้าวของเครื่องใช้ การดำรงชีวิต และชนเผ่าต่างๆ ที่สำคัญ บริเวณชั้น 6 สามารถชมวิวเมืองมุกดาหาร แม่น้ำโขง รวมถึงฝั่งลาว ก่อนปักมุดเดินทางสำรวจพื้นที่ก็ยังได้ และฉันก็แอบปักหมุดฝั่งทิศใต้ไว้ในใจ
มุกดาหาร ไม่เพียงแค่เป็นเส้นทางเชื่อมเศรษฐกิจ หากแต่เชื่อมสายสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้อย่างเหนียวแน่น เพราะเป็นเมืองที่คนลาวเข้ามาสร้าง คนเวียดนามเข้ามาอยู่ เมืองที่มีทั้งวัดพุทธ โบสถ์คริสต์ โบราณสถาน มุมเมือง และธรรมชาติอยู่ด้วยกันได้อย่างกลมกลืน
--------------------------
ผู้ที่จะข้ามแดนไปยัง สปป.ลาว จะต้องมีหนังสือเดินทางหรือติดต่อทำหนังสือผ่านแดนชั่วคราวได้ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งมีอยู่ 2 จุด คือที่เชิงสะพานมิตรภาพไทยลาว (เปิดบริการ 06.00-22.00น.) และด่านที่บริเวณท่าเทียบเรือ ใกล้ตลาดอินโดจีน (เปิดบริการ 08.00-18.00 น.)
--------------------------
(ชวนเที่ยว : มุกดาหาร สะพานเชื่อมอินโดจีน : เรื่อง / ภาพ ... นพพร วิจิตร์วงษ์)