ไลฟ์สไตล์

ซื้อของเยี่ยมนักโทษใช้เวลานานมาก

ซื้อของเยี่ยมนักโทษใช้เวลานานมาก

16 ก.ย. 2557

เปิดซองส่องไทย : ซื้อของเยี่ยมนักโทษใช้เวลานานมาก : โดย...ลุงแจ่ม

 
                              ดิฉันและคนอื่นๆ อีกหลายคนที่ไปเยี่ยมญาติแต่ละคน ไม่ว่ามาช้าหรือมาเร็วอย่างไร ต้องรอเข้าเยี่ยมอย่างน้อยก็ 1 ชั่วโมง หรือ 1 ชั่วโมงครึ่ง โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 2 ชั่วโมง นั่นก็ไม่เท่าไหร่ เรื่องนี้พอรับได้เพราะเข้าใจว่าในแต่ละวันมีคนมาเยอะมาก ดิฉันได้มาเยี่ยมญาติที่เรือนจำกลางบางขวาง 
 
                              ในวันที่ดิฉันไปมีคนเป็นจำนวนมากบ่น ทุกวันนี้คือ การซื้อของฝากนักโทษ เพราะเรือนจำกลางบางขวางเพิ่งปรับปรุงระบบ ซึ่งเปลี่ยนมาได้ประมานสัก 2-3 อาทิตย์ได้ เมื่อก่อนนี้จากการสั่งสินค้าจากกระดาษแล้วไปส่งโดยจะมีเจ้าหน้าที่กดเครื่องคิดเลขคิดเงิน จากระบบเก่า เช้าไปถึงรับบัตรเยี่ยม รอสักประมาณ 2 ชั่วโมงเพื่อเข้าเยี่ยม เมื่อเข้าเยี่ยมเสร็จก็มาซื้อของใช้ เวลาเลือกของใช้และจ่ายเงินประมาณ 5 นาที และก็กลับบ้านหรือบางคนไปทำงานต่อ 
 
                              เมื่อเปลี่ยนมาเป็นระบบใหม่ คือ การเขียนสิ่งที่ต้องการใส่กระดาษเหมือนเดิม แล้วก็รับบัตรคิว แล้วรอเจ้าหน้าที่คีย์ข้อมูลเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ ตรงนี้เองที่นานมากๆ เข้าใจว่าคอมพิวเตอร์นะเป็นระบบที่เร็วพอสมควร แต่เจ้าหน้าที่ต้องมาคีย์ข้อมูลบ้าง ยิงบาร์โค้ดบ้าง อาหารเป็นร้อยๆ อย่าง ทั้งสดทั้งแห้ง เข้าใจนะว่าเจ้าหน้าที่ก็มืน แต่ในเมื่อจะปรับปรุงให้ดีขึ้น ใช้คำว่าปรับปรุง มันสมควรที่จะดีขึ้น ไม่ใช่แย่ลงแบบนี้ 
 
                              จากที่เคยซื้อของใช้เวลา 5 นาที แต่ทุกวันนี้รอกัน 2 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ก็น่าจะรู้ดีว่าระบบนี้มันใช้ไม่ได้หรือไม่ดีก็ควรที่จะปรับปรุง และก็ไม่มีใครกล้าพูดมาก คนมาก็ไม่กล้าร้องเรียน กลัวคนข้างในจะโดนเล่นเอา ได้แต่นั่งหน้าบึ้งกันทุกคน ถ้ามันดีขึ้นไม่ได้ก็ให้เอาระบบนี้ออกซะแล้วเอาระบบเก่ามาใช้จะดีกว่าไหม ใครที่ได้ไปเยี่ยมญาติมาในช่วงนี้คงเข้าใจแน่ๆ คนไปเยี่ยมวันละเป็นพันๆ คน (จากปากเจ้าหน้าที่เอง) คนเดือดร้อนก็ย่อมเป็นพันๆ คนทุกวัน คนที่ต้องไปเยี่ยมก็เป็นทุกข์พออยู่แล้ว บางคนช้าซะจนไม่ได้ซื้อของฝาก สงสารคนที่รออยู่ข้างในก็ไม่ได้กิน ทุกข์กันเป็นทอดๆ ช่วยที
 
 
คนข้างนอก 
 
 
ตอบ  
 
 
                              นายสรสิทธิ์ จงเจริญ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร รักษาราชการแทนผู้บัญชาการเรือนจำกลางบางขวาง ชี้แจงว่า ร้านสงเคราะห์ผู้ต้องขัง (ภายนอก) เป็นร้านสงเคราะห์ผู้ต้องขังที่จำหน่ายสินค้า เช่น สบู่ ยาสีฟัน มาม่า กาแฟ เป็นต้น ให้ญาติผู้ต้องขังที่เยี่ยมผู้ต้องขังเสร็จเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากญาติผู้ต้องขังจะได้ทราบว่ามีตัวผู้ต้องขังอยู่ที่เรือนจำกลางบางขวางในขณะนั้นจริงและเพื่อได้ทราบถึงความต้องการสิ่งของที่ต้องการให้ญาติซื้อได้อย่างถูกต้อง โดยเมื่อญาติเยี่ยมผู้ต้องขังเสร็จเรียบร้อยแล้ว หากประสงค์จะซื้อสินค้าฝากผู้ต้องขังก็จะต้องดำเนินการ ดังนี้
 
                              1.ญาติต้องเขียนรายการสินค้าลงในใบสั่งซื้อที่เรือนจำกลางบางขวางจัดไว้ให้โดยหย่อนลงในตะกร้า ซึ่งเจ้าหน้าที่จะหบิบใบสั่งซื้อดังกล่าวตามลำดับก่อน-หลัง
 
                              2.เจ้าหน้าที่จะลงรหัสสินค้าตามใบสั่งซื้อที่ญาติผู้ต้องขังสั่งซื้อ ลงในระบบขายสินค้าในคอมพิวเตอร์
 
                              3.เมื่อลงรายการเสร็จเรียบร้อย เจ้าหน้าที่จะสั่งพิมพ์ใบเสร็จรับเงินเพื่อตรวจสอบ
 
                              4.เจ้าหน้าที่จะเรียกญาติผู้ต้องขังที่สั่งซื้อสินค้าอีกครั้งเพื่อตรวจสอบรายการ และชำระเงินให้เจ้าหน้าที่ตามราคาในใบเสร็จรับเงิน เมื่อดำเนินการเรียบร้อยเจ้าหน้าที่จะมอบใบเสร็จรับเงินให้ญาติผู้ต้องขังเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานถือว่าจบขั้นตอนการสั่งซื้อสินค้า
 
                              จากขั้นตอนดังกล่าวนับจากเจ้าหน้าที่หยิบใบสั่งซื้อมาลงรายการสั่งซื้อ เรือนจำกลางบางขวางขอแจ้งให้ทราบว่า ปกติใช้เวลาในการดำเนินการ เฉลี่ยคนละ 3-5 นาทีเท่านั้น ซึ่งแต่ละรอบที่มีญาติผู้ต้องขังคอยเพื่อสั่งซื้อสินค้าจะดำเนินการเสร็จสิ้นประมาณ 30-45 นาทีต่อรอบ แต่หากจะมีเหตุล่าช้าอยู่บ้างก็อาจเกิดขึ้นในบางครั้ง ซึ่งอาจเกิดจากระบบเชื่อมต่อ หรือการประมวลผลของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เช่น เมื่อวันที่ 10-13 สิงหาคมที่ผ่านมา ระบบคอมพิวเตอร์เกิดปัญหาเนื่องจากสายแลนชำรุดบางส่วน ทำให้การจำหน่ายสินค้าล่าช้าไปบ้าง ซึ่งร้านสงเคราะห์ผู้ต้องขัง ต้องใช้วิธีการรับสั่งซื้อสินค้าโดยการเขียนด้วยมือแทน ซึ่งอาจเป็นห้วงเวลาที่ทำให้ญาติผู้ต้องขังรู้สึกว่าเกิดความล่าช้า แต่ปัจจุบันได้ซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว
 
 
ลุงแจ่ม
 
 
 
สามี(ตัวดี)ทิ้งหนี้ไว้ให้
 
 
                              ดิฉันกับสามีไม่ได้อยู่ด้วยกันตั้งแต่ปี 2550 เพราะเขาไปมีเมียน้อย แต่ยังไม่ได้หย่าขาดกัน แต่ดิฉันได้รับจดหมายจากบริษัทไฟแนนซ์ให้ดิฉันชดใช้หนี้ที่สามีดิฉันไปค้ำประกันรถยนต์ให้เพื่อน ซึ่งเพื่อนไม่ได้ส่งค่างวด ตั้งแต่ปี 2555 แต่ไฟแนนซ์ยึดรถคืนได้เมื่อเดือนสิงหาคม 2555 การค้ำประกันนี้ ดิฉันไม่ได้รับรู้ด้วย  
 
                              ในจดหมายแจ้งว่า ดิฉันเป็นทายาทโดยธรรม เนื่องจากสามีเสียชีวิตไปเมื่อปี 2557 จึงต้องรับผิดชอบแทนสามี ดิฉันไม่ได้รับมรดกอะไรจากสามีเลยนอกจากหนี้สินของหลวง ยอดหนี้เป็นล้าน ซึ่งดิฉันได้ชดใช้ด้วยเงินต่างๆ ของหลวงจนหมดหนี้ 
 
                              ทำไมไฟแนนซ์ให้ดิฉันชดใช้หนี้อันเกิดจากค่าใช้สอยในการติดตามรถคืน, ค่าสำรองการว่าจ้างรถยก, ค่าเสียหายจากการขายทอดตลาดแล้วขาดทุน แต่ไม่ตามทวงกับผู้เช่าซื้อ ซึ่งยังทำงาน มีรายได้ อยู่ที่เดิม ขณะที่ดิฉันต้องเลี้ยงดูลูก 3 คน ไม่มีมรดกอะไรจากสามีทั้งนั้น ยอดเงินที่ทางไฟแนนซ์ให้ชดใช้ก็เป็นแสน 
 
                              ที่สงสัยก็คือว่า ได้ยึดรถคืนไปตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2555 ทำไมไม่ไปตามผู้เช่าซื้อ แล้วทำไมส่งจดหมายมาให้ดิฉันชดใช้ ในจดหมายให้ดิฉันชดใช้หนี้จำนวนแสนกว่าบาทภายใน 7 วัน ดิฉันควรทำอย่างไร ควรติดต่อไปที่ทนายความของไฟแนนซ์หรือไม่ ดิฉันติดต่อไปที่เพื่อนของสามี เขาก็เฉยๆ 
 
 
อนงค์ 
 
 
ตอบ
 
 
                              ศูนย์ปรึกษากฎหมายชุมชน อาจารย์ชลธิชา สมสอาด คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต แนะนำเรื่องนี้ว่า จากข้อมูลที่ให้ เจ้าหนี้มีสิทธิ์ที่จะส่งจดหมายมาอย่างนี้ได้ หลังจากนั้นก็เช็กดูว่า สามีคุณเสียชีวิตมาครบ 1  ปีหรือยัง เพราะในกรณีตามทวงทรัพย์สินจากมรดกนั้น มีอายุความ 1 ปี ถ้าอายุความเลยแล้ว ก็โทรไปคุยกับทนายตามเบอร์ที่ให้ เพื่อแจ้งให้ทราบว่า เลยอายุความแล้ว และเรื่องนี้ควรจะตามจากเจ้าหนี้คนที่หนึ่ง คือเพื่อนของสามีก่อนเป็นคนแรก พร้อมกับแจ้งให้ทราบเลยว่า สามีคุณไม่ได้ทิ้งมรดกอะไรไว้ให้ 
 
                              ส่วนที่ทางนั้น จะฟังหรือไม่ก็แล้วแต่เขา แล้วถ้าเจ้าหนี้ยังจะฟ้อง ก็ไม่ต้องตกใจ คุณเตรียมหาหลักฐานเพื่อยืนยัน และชี้แจงในศาลว่า ได้แยกกันอยู่กับสามีตั้งแต่ปี 2550 พร้อมกันนั้น ก็เตรียมหลักฐานเพื่อชี้แจงกรณีที่สามีไม่ได้มีทรัพย์สินทิ้งไว้ให้เป็นมรดก แต่มีหนี้ทิ้งไว้ให้ด้วย ศาลจะให้ความเป็นธรรมแก่คุณในเรื่องนี้ ไม่ต้องกลัวที่จะไปขึ้นศาล 
 
 
ลุงแจ่ม