ตามดูเทคโนโลยีงานสุดหิน ปูเรซแทร็คเวิลด์คลาสที่ซีไอซี | คมชัดลึก

 

                                สนามแข่งขันรถยนต์มาตรฐานแห่งใหม่ของโลก "ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต" จ.บุรีรัมย์ ถือเป็นสนามที่ได้รับความสนใจเพราะว่า เป็นสถานที่มีมาตรฐานสูงสำหรับรองรับการแข่งขันรถความเร็วสูงสุดได้ สนามแห่งนี้การก่อสร้างแล้วเสร็จและพร้อมใช้แข่งขันรายการเปิดสนามอย่างเป็นทางการใน รายการ ซูเปอร์ จีที (Thailand SGT) ในวันที่ 4-5 ตุลาคมนี้ ภายใต้มาตรฐานสนามระดับโลก ไฮไลท์นอกจากการออกแบบสนามที่ไม่เหมือนใครแล้ว งานก่อสร้างสนามและพื้นทางวิ่งถือเป็นหัวใจสำคัญที่สุด เปิดโลกยนตรกรรม เจาะเบื้องหลัง งานสร้างทางวิ่งของเรซแทรคระดับโลก

 

                                หลังจากเสร็จงานออกแบบโดย เฮอร์แมน ทิลเก้ นักออกแบบชาวเยอรมัน งานก่อสร้างก็เริ่มขึ้น สนามที่มีความยาว 4.554 กิโลเมตร มีโค้งทั้งหมด 12 โค้ง (T1-T12) สำหรับงานก่อสร้าง ทำโดยชิโน ไทย ส่วนงานพื้นสนามแข่งทั้งหมดเป็นความร่วมมือระหว่าง กลุ่มบริษัททิปโก้ แอสฟัลท์ กับบริษัท บุรีรัมย์ ยูไรเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต(BRIC) ในฐานะผู้บริหารโครงการ  โดยทิปโก้ เป็นกลุ่มบริษัทของคนไทย ที่เป็นผู้จำหน่าย ยางมะตอยรายใหญ่ของไทยและติด 1 ใน 3 บริษัทขนาดใหญ่ที่สุดในผู้ผลิตยางมะตอยในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก 

 

                                ทั้งนี้ ทิปโก้เป็นผู้จัดหาวัสดุยางมะตอย ก่อสร้าง และควบคุมมาตรฐานทางแข่ง ให้เป็นไปตามมาตรฐานของ FIA และ FIM เพื่อรองรับการแข่งขันรถยนต์นานาชาติระดับฟอร์มูล่า 1 และรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลกอย่าง โมโตจีพี และ ซูเปอร์ไบค์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ  

 

                                พื้นที่สนามแข่งแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ทางหลัก (Race Track) กับพื้นที่อื่นๆ (Others Track) สำหรับ ทางหลัก มีพื้นที่รวม 1.444 แสนตารางเมตร แบ่งออกเป็น 5 ส่วนคือ เมนแทรค 63,000 ตารางเมตร ช็อตคัต 5,900 ตารางเมตร พิทเลน 5,300 ตารางเมตร แดรกซ์เตอร์ 9,000 ตารางเมตร และรันออฟ 61,200 ตารางเมตร

 

                                เนวิน เล่าว่า งานปูพื้นสนามเดิมคิดว่า หมูๆ เพราะเคยทำถนนมามากมาย แต่จริงๆ ไม่ใช่ เนื่องจากมีการกำหนดชนิดของหินและชั้นหินไว้มากมาย

 

                                โดยพื้นผิวทางแข่ง มีการปูความหนา ทั้งหมด 3 ชั้นคือ

 

                                1.ชั้นพื้นทาง หนา 8 ซม.

 

                                2.ชั้นรองผิวทาง หนา 5 ซม.

 

                                3.ชั้นผิวทาง หนา 4 ซม.  

 

                                ส่วนพื้นที่อื่นๆ มีขนาด 70,500 ตร.ม. ประกอบด้วยพื้นที่ 2 ส่วนคือ ไดนามิค แอเรียร์ ขนาด 56,500 ตร.ม. เวท แฮนดิ้ง แอเรียร์ 14,000 ตร.ม.

 

                                กษิดิศ เจริญชลวานิช รองกรรมการผู้จัดการ บริษัททิปโก้ แอสฟัลท์ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า เบื้องต้น ทีมงานออกแบบไม่รู้จักทิปโก้ ทำให้ต้องพาเข้าไปดูโรงงานผลิตยางมะตอย และให้ดูความสามารถว่า ทิปโก้มีผลิตภัณฑ์มากกมาย มีทีมวิจัยและพัฒนา ที่สำคัญโรงงาน แห่งหนึ่งคือ ทิปโก้ มาเลเซีย เป็นโรงงานที่สร้างออกมาเพื่อผลิตยางมะตอยโดยเฉพาะ ไม่ได้เกิดจากการกลั่นน้ำมันดิบ 

 

                                "เฮอร์แมน ทิลเก้ บอกว่าเขาไม่เคยเห็นใครทำยางมะตอยที่มีคุณภาพ เหมาะสมกับการทำพื้นสนามที่ดีที่สุดแบบนี้มาก่อน" และนั่นเป็นข้อที่ทำให้นักออกแบบสนามระดับโลกประทับใจ 

 

                                นอกจากมีวัตถุดับที่ดีแล้ว สิ่งที่เป็นหัวใจ คือ กระบวนการปูพื้น สำหรับทิปโก้ ก็มีบริษัทที่รับปูพื้นที่มีมาตรฐานสูง นั่นคือ ไทยสเลอรี่ซิล ที่มีวิศวกรประสบการณ์สูง มีเครื่องจักรระดับโลก สำหรับโครงการของซีไอซี นั้นใช้เครื่องจักรตัวเดียวที่มีอยู่ ทำการวัดระดับ พื้นด้วยโซนิค เซ็นเซอร์  

 

                                กษิดิศ บอกว่า วัสดุที่ใช้ทำสนาม ใช้หิน ไปทั้งหมด 8 หมื่นตัน  ยางมะตอย 4,700 ตัน สำหรับหิน แบ่งออกเป็นหิน 5 ประเภทเป็นหินที่ต้องมีคุณสมบัติที่มีความแข็งเป็นพิเศษ และต้องมีค่าความสึกหรอน้อย ประกอบด้วย หินเกรย์แวก หินแกรนิต หินบะซอลต์  และมีวัสดุส่วนผสมเพิ่ม (Lime Stone Filler และ Hydrated Lime) 

 

                                ส่วนยางมะตอย แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

 

                                1.ชั้นเตรียมพื้นทาง เป็นยางมะตอยน้ำชนิดพิเศษ ปริมาณ 300 ตัน แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1.แบบที่พ่นลงพื้นทาง (CSS-1P)เพื่อให้ซึมลงพื้นและแห้งตัวเร็วกับ 2.CRS- P1 เป็นชนิดที่มีคุณสมบัติยึดเกาะที่ดีระหว่างชั้นรองผิวทางวิ่งกับชั้นผิวทาง 

 

                                ยางมะตอยประเภทที่ 2 คือ ใช้สำหรับชั้นรองผิวทางและผิวทางแข่ง เป็นยางมะตอยพิเศษ ที่เรียกว่า โพลิเมอร์ มอดิฟายด์ แอสฟัลต์ เป็นยางมะตอยที่ปรับปรุงคุณภาพพิเศษ เหมาะสำหรับสนามแข่งมาจากโรงกลั่นของทิปโก้ที่มาเลเซีย ผลิตจากน้ำมันดิบชนิดพิเศษ ที่ต้องนำเข้ามาจากเม็กซิโก สามารถรองรับแรงเฉื่อย จากความเร็วของล้อรถยนต์ได้  

 

                                ตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ BRIC เล่าว่า การปูพื้นสนามจะต้องทำด้วยความต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้มีรอยต่อ หมายถึงเดินเครื่องปูแล้วจะหยุดไม่ได้ ถ้าหยุดต้องรื้อใหม่ตั้งแต่ต้น นอกจากนี้ต้องพยากรณ์อากาศกันว่า วันไหน ฝนตกฝนไม่ตก เพราะว่า หากฝนตกจะปูไม่ได้ บางทีงานเริ่มกันตั้งแต่ตี 2 เพื่อหลบฝน นอกจากนี้ยังมีเวลาที่เร่งรีบเข้ามาเกี่ยวข้อง

 

                                "ความแม่นยำของการปูพื้นนั้นกำหนดให้มีความคลาดเคลื่อนได้ไม่เกิน 3 มม. ต่อความยาวของผิวทางแข่ง 4 เมตร ซึ่งเป็นการปฏิบัติงานที่เคร่งครัดมาก" กษิดิศ กล่าวและว่า ต้องมีการควบคุม ความเรียบเป็นพิเศษ โดยการวัดอุณหภูมิ เครื่องจักร อุปกรณ์ และบริเวณพื้นปู ให้เป็นไปตามมาตรฐาน นอกจากนี้ยังมีการวัดค่าความต้านทานการลื่นไถล ซึ่งกล่าวโดยรวมแล้ว งานก่อสร้างสนามถือเป็นความสำเร็จเพราะขณะนี้งานได้ผ่านการรับรองจาก FIA ซึ่งแสดงให้เห็นฝีมือของบริษัทคนไทยในการเป็นส่วนหนึ่งของการก่อสร้างที่ได้มาตรฐานระดับโลก

 

 

 

 

 

--------------------------

 

(เปิดโลกยนตรกรรม : ตามดูเทคโนโลยีงานสุดหิน ปูเรซแทร็คเวิลด์คลาสที่ซีไอซี : โดย...ยุทธพงษ์ ภาษี)