ดูวิธีเพาะเลี้ยง 'ปลาสวยงาม' ทำเงิน | คมชัดลึก

 

                             การเตรียมจัดใหญ่งานแสดงสินค้าปลาสวยงามนานาชาติ (Thailand International Omamental Fish Expo 2015-TIOFE2515 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 2-5 มิถุนายน ณ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ แจ้งวัฒนะ โดยกรมประมงในฐานะหน่วยงานหลักการจัดงานดังกล่าวได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมโดยเฉพาะการประสานกับเกษตรกรเจ้าของฟาร์มเลี้ยงปลาสวยงามชนิดต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ จ.ราชบุรี และนครปฐม

 

                             ทีมงาน "ท่องโลกเกษตร" อาทิตย์นี้ตามคณะผู้บริหารกรมประมง นำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์น้ำสวยงามและพรรณไม้น้ำ "ดร.อมรรัตน์ เสริมวัฒนากุล" เพื่อไปเยี่ยมชมแหล่งผลิตปลาสวยงามชนิดต่างๆ ที่กรมประมงเตรียมนำมาจัดแสดงโชว์ให้ผู้สนใจได้ชมกัน โดยจุดแรกที่ไปเยือนเป็นฟาร์มเลี้ยงปลากัดของ สิรินุช ฉิมพล เจ้าของสิรินุช เบ็ตต้า ฟาร์ม ตั้งอยู่เลขที่ 5 หมู่ 7 ต.โพรงมะเดื่อ อ.เมือง จ.นครปฐม  

 

                             หลังจากแถลงข่าวการจัดงาน โดยได้รับเกียรติจากผู้ว่าฯนครปฐม "ชาติชาย อุทัยพันธ์" มาเป็นประธานในพิธี จากนั้นสิรินุชก็ได้พาเยี่ยมชมกระบวนการผลิตปลาสวยงามในจุดต่างๆ ตั้งแต่บ่ออนุบาลลูกปลา พ่อแม่พันธุ์ บ่อเลี้ยง ตลอดจนการดูแล ก่อนจับส่งให้พ่อค้าเพื่อส่งออกต่อไป สิรินุชบอกว่าสำหรับฟาร์มแห่งนี้ปัจจุบันมีเนื้อที่ทั้งหมด 4 ไร่ 3 งาน 96 ตารางวา โดยแบ่งเป็นพื้นที่น้ำจำนวน 2 ไร่ 1 งาน 45 ตารางวา ประกอบด้วยบ่อซีเมนต์สำหรับอนุบาลลูกปลา 500 บ่อ โรงเรือนเลี้ยงปลา โดยสามารถเลี้ยงปลาในขวดแบนได้ถึง 100,000 ขวด 

 

                             ส่วนพื้นที่ดินอีก 1 ไร่ 50 ตารางวาจะใช้สำหรับเป็นที่เก็บวัสดุอุปกรณ์และอาหาร ปัจจุบันสิรินุช เบ็ตต้า ฟาร์ม มีการเพาะสายพันธุ์ปลากัดทั้งสิ้น 6 สายพันธุ์ ประกอบด้วย Crow Tall,  Half Moon, Super Delta, Double Tail, ปลากัดหม้อและปลากัดจีน

 

                             "ปัจจุบันการซื้อขายปลากัดดีมาก จากเมื่อ 4-5 ปีที่แล้วตัวละ 10 บาท ทุกวันนี้ราคาอยู่ที่ตัวละ 200-300 บาท ยิ่งถ้ามีการผสมพันธุ์เพื่อให้เกิดปลาสวยงามพันธุ์ใหม่ๆ ราคาก็ยิ่งแพง ธุรกิจปลาสวยงามไม่เหมือนพืชเกษตรทั่วไป คนเลี้ยงเป็นคนกำหนดราคาขาย ไม่ใช่ผู้ซื้อ" สิรินุชเผยระหว่างนำเยี่ยมชมฟาร์ม

 

                             ใช้เวลากว่าค่อนวันจากนั้นได้เดินทางต่อไปยัง "มณฑา ฟาร์ม" เป็นฟาร์มเลี้ยงปลาทองของ มณฑา สร้อยแสง ตั้งอยู่เลขที่ 167/2 หมู่ 4 หมู่บ้านข้างคลอง ต.ปากแรต อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นฟาร์มเลี้ยงปลาทองเพื่อการส่งออก ฟาร์มแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2535 ปัจจุบันมีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 4 ไร่เศษ แบ่งเป็นพื้นที่น้ำ 2 ไร่สำหรับใช้เป็นบ่อพักน้ำ บ่อเลี้ยงรวม 31 บ่อ ประกอบด้วยบ่อซีเมนต์ 23 บ่อและบ่อดิน 8 บ่อ นอกจากนี้ยังมีบ่อบำบัดน้ำเสียจำนวน 1 บ่อและคูน้ำทิ้งในบริเวณฟาร์ม อีกทั้งยังเจียดพื้นที่ไว้ประมาณ 1 ไร่เศษสำหรับการเก็บวัสดุอุปกรณ์ อาหาร ถนน คันบ่อและอื่นๆ 

 

                             ปัจจุบันมณฑา ฟาร์ม มีการเพาะสายพันธุ์ปลาทองทั้งหมด 7-8 สายพันธุ์ เช่น ฮอลลันดา, ตันใจ, ตันใจ, รักเร่ดำ, ริวกิ้นและสิงห์ ส่วนด้านการตลาดนั้น มณฑา ฟาร์ม ส่งออกปลาทองไปยังหลากหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นออสเตรเลีย สิงคโปร์และกลุ่มประเทศต่างๆ ในยุโรป หลังตระเวนเดินดูตามจุดต่างๆ แล้วจากนั้นก็วกกลับมา "ฟาร์มคุณแชมป์ ปลากระเบน" ตั้งอยู่เลขที่ 375/1 ถ.พุทธมณฑลสาย 2 ซ.7 แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กรุงเทพฯ ของสองพี่น้องตระกูล "ฉัตรวัฒนลักษณ์" คุณพัชรพลและสุรเสกข์ ฉัตรวัฒนลักษณ์

 

                             ฟาร์มแห่งนี้เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2548 โดยมีพื้นที่ทั้งหมด 200 ตารางวา มีการแบ่งพื้นที่อย่างชัดเจน ทั้งโซนอนุบาลลูกปลากระเบนและบ่อเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ โดยภายในฟาร์มมีการควบคุมอุณหภูมิน้ำให้เหมาะสมแก่การเลี้ยงปลายกระเบน เนื่องจากปลากระเบนเป็นสัตว์ในเขตร้อนชื้น โดยพันธุ์ปลากระเบนที่ทางฟาร์มเพาะพันธุ์ขาย ได้แก่ Black Diamond, Polkadot, Peal Stingrays เป็นต้น สำหรับด้านการตลาดนั้น ปัจจุบันฟาร์มคุณแชมป์ได้ส่งออกปลากระเบนชนิดต่างๆ ไปยังหลายประเทศ โดยมีตลาดใหญ่ได้แก่ จีน เวียดนาม สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลีและไต้หวัน

 

                             นี่เป็นฟาร์มปลาสวยงามบางส่วนที่จะนำมาจัดแสดงในงานปลาสวยงามนานาชาติ (TIOFE 2515) ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ โดยกรมประมงจัดขึ้นในเดือนมิถุนายนนี้ นอกจากเป็นเวทีให้เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงปลาสวยงามไทยได้มีโอกาสโชว์ความสามารถในการพัฒนาสายพันธุ์ปลาใหม่ๆ แล้วยังเปิดโอกาสได้พบปะผู้ประกอบการส่งออกปลาสวยงามไทยและคู่ค้าจากประเทศต่างๆ ทั่วโลกอีกด้วย

 

 

 

 

 

-----------------------

 

(ท่องโลกเกษตร : ตะลอนฟาร์มปลานครปฐม-ราชบุรี ดูวิธีเพาะเลี้ยง 'ปลาสวยงาม' ทำเงิน : โดย...สุรัตน์ อัตตะ)