ไลฟ์สไตล์

'ระบบสอบ GED'ย่นเวลาเรียนต่อที่ผู้ปกครองต้องเรียนรู้!!!

'ระบบสอบ GED'ย่นเวลาเรียนต่อที่ผู้ปกครองต้องเรียนรู้!!!

12 พ.ค. 2558

'ระบบสอบ GED'ย่นเวลาเรียนต่อ ที่ผู้ปกครองต้องเรียนรู้!!! : ร.ร.สาธิตแห่งมหาวิทยาลัยรังสิต [email protected] รายงาน

             ปัจจุบันมีทางเลือกเกี่ยวกับการเรียนหลากหลายในไทย ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสที่ดีในการศึกษาต่อให้เด็กไทย การสอบ GED เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่เรียกได้ว่าเด็กไทยจำนวนไม่น้อยที่มีความสนใจ เนื่องจากอาจมองว่าจะช่วยย่นระยะเวลา และสามารถยื่นผลสอบเพื่อเข้าเรียนในระดับอุดมศึกษาในสถาบันทั้งไทยและต่างชาติที่ตนต้องการได้ โดยไม่ต้องใช้เวลาเรียนในระดับมัธยมปลาย 3 ปีตามหลักสูตรปกติ

             การสอบ GED (General Educational Development) คือการสอบเทียบเท่าระดับวุฒิมัธยมศึกษาตอนปลายในประเทศไทย ตามหลักสูตรการศึกษาของสหรัฐอเมริกาและแคนาดา เพื่อให้ผู้ที่ไม่ได้จบ ม.ปลาย หรือ High School สายสามัญ เพื่อนำวุฒิเทียบเท่า ม.ปลายนี้ ไปสมัครเรียนต่อในสถาบันการศึกษาชั้นนำในต่างประเทศและในประเทศไทยได้ อาทิ วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นต้น โดยนักเรียนผู้เข้ารับการสอบต้องมีอายุ 16 ปีขึ้นไป แต่จะได้รับประกาศนียบัตรเพื่อนำไปเทียบผลสอบได้ต่อเมื่อมีอายุครบ 17 ปีบริบูรณ์

             ว่ากันว่า การสอบ GED ใช้วิธี สอบแบบปรนัย โดยทำข้อสอบในคอมพิวเตอร์ที่ศูนย์สอบและต้องผ่านทั้ง 5 พาร์ท ดังนี้ Language Arts, Reading (การอ่าน), Language Arts, Writing (การเขียน), Mathematics (คณิตศาสตร์), Science (วิทยาศาสตร์) และ Social Studies (สังคมศาสตร์) การสอบแต่ละพาร์ทจะมีค่าใช้จ่ายและสามารถ สอบซ้ำในพาร์ทเดิมได้ไม่เกิน 3 ครั้งต่อปี เมื่อสอบผ่านจะได้วุฒิการศึกษาโดยผ่านการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการ และสามารถนำวุฒินี้ไปสมัครเรียนต่อ ในสถาบันการศึกษาที่ยอมรับผลสอบระบบ GED เท่านั้น

             แม้ผู้ที่สามารถสอบระบบ GED ผ่านแล้ว จะได้เปรียบตรงที่สามารถ "ย่นเวลา" ในการศึกษาต่อให้ได้วุฒิเร็วขึ้น มีโอกาสก้าวกระโดดแบบ Pass ชั้นโดยไม่ต้องเสียเวลาเรียนมัธยมปลาย 3 ปีตามหลักสูตร และเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าหากเทียบกับค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้จริง เมื่อเรียนในระยะเวลาเต็มตามหลักสูตรโรงเรียนนานาชาติบางแห่ง

             แต่ ระบบ GED เป็น ข้อสอบ Multiple choices ที่ค่อนข้างง่าย จึงเป็น "จุดอ่อน" ที่ทำให้นักเรียนที่สอบ GED ส่วนใหญ่อาจมีความรู้ในเนื้อหาวิชาต่างๆ ไม่แน่นนักและผลสอบจะเป็นการสอบเทียบวุฒิในระดับมัธยมปลาย ผู้สอบจะได้แค่วุฒิบัตรเท่านั้น จะไม่มีทรานสคริปต์ของแต่ละวิชา, เกรดเฉลี่ย และจีพีเอ ที่สามารถยื่นเข้าหลักสูตรปกติได้ เหมือน High School Diploma ไม่สามารถนำ GED ไปยื่นเพื่อเข้าศึกษาต่อในบางมหาวิทยาลัยได้

             ที่สำคัญผู้สอบ GED จะต้องสอบให้ผ่านทั้ง 5 วิชา ที่กำหนด จึงสามารถนำไปยื่นกับกระทรวงศึกษาธิการได้ แล้วต้องใช้เวลาในการรอขั้นตอนการแปลงวุฒิ ซึ่งในระหว่างรออาจทำให้พลาดโอกาสดีๆ ไปและผู้ที่รับบทบาทหนักที่สุด ก็คือตัวนักเรียนเอง ที่จะต้อง "มีวินัย" อย่างหนัก ในการเตรียมตัวต่อแต่ละวิชานั้นๆ เนื่องจากต้องเรียนรู้ด้วยตนเอง หากขาดวินัยในการค้นคว้าหาความรู้ก็จะพลาดโอกาสในการสอบผ่านและสมัครเข้าศึกษาต่อได้

             หากมองลึกลงไปในเชิงคุณภาพแล้ว การเรียนในระดับอุดมศึกษา ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในแต่ละรายวิชา มีความจำเป็นอย่างมาก เพราะการเรียนในมหาวิทยาลัยข้อสอบส่วนใหญ่เป็นการเขียน บางรายอาจมีการแสดงความคิดเห็นเชิงอภิปรายโดยอ้างอิงถึงหลักการพื้นฐาน ยิ่งไปกว่านั้น หากในสถาบันการศึกษานั้นไม่มีการเปิดหลักสูตรเรียนปรับพื้นฐาน ผู้เรียนอาจต้องค้นคว้าเอง และเกิดภาระหนักในเรื่องการทำคะแนนในระหว่างเรียน

             ผลพวงดังกล่าว อาจนำไปสู่ปัญหาการปรับตัวของผู้เรียน จากสังคม "กลุ่มเด็ก" สู่การก้าวกระโดดไปยังสังคม "กลุ่มปัญญาชน" อีกทั้งข้อแตกต่างด้านวัย อาจทำให้ผู้เรียนเกิดภาวะเครียดทั้งในด้านการเรียน และการเข้าเพื่อนกลุ่มใหม่ในสังคมที่กว้างขึ้น ถือเป็นจุดที่น่าเป็นห่วง หากเด็กนั้นยัง "ขาดภาวะ" และ "ภูมิคุ้มกันทางด้านการตัดสินใจและแก้ไขปัญหา" ซึ่งจุดนี้เชื่อว่าตัว "ผู้ปกครอง" คือผู้ที่รู้จักตัวตนของลูกหลานตัวเองมากที่สุด

             เหนืออื่นใด "ผู้ปกครอง" นับว่ามีส่วนสำคัญในการกำหนดทางเลือกทางการศึกษาของเด็ก หากเปรียบอนาคตของลูกเหมือนกับการยิงกระสุน 1 นัด ซึ่งอาจมีโอกาสแค่ครั้งเดียว วันนี้ลูกของคุณพร้อมแล้วหรือยัง คุณพ่อคุณแม่อาจต้องเป็นผู้ช่วยตัดสินใจ