ไลฟ์สไตล์

Asus Zenfone 2 Laser น้องใหม่ใช้แสงช่วย

Asus Zenfone 2 Laser น้องใหม่ใช้แสงช่วย

13 ธ.ค. 2558

ไอทีรีวิว : Asus Zenfone 2 Laser น้องใหม่ใช้แสงช่วย

 
                      เอซุสหมั่นส่งสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดเรื่อยๆ และแต่ละตัวที่เปิดออกมาก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างออกไปจากรุ่นเดิม เพื่อสร้างจุดขายให้แก่สินค้าแต่ละตัวให้ชัดเจนยิ่งขึ้น และยิ่งเห็นได้ชัดในสมาร์ทโฟนตระกูล เซนโฟน 2 (Zenfone 2) ที่มีการเปิดตัวรุ่นแรกออกมาเมื่อกลางปีนี้ ก่อนที่จะส่งเซนโฟน 2 เลเซอร์ออกมาในช่วงปลายปี หวังดึงยอดขายช่วงปลายปีให้ดียิ่งขึ้น
 
                      ความแตกต่างระหว่างเซนโฟน 2 รุ่นปกติ กับรุ่นเซนโฟน 2 เลเซอร์อยู่ที่ชิพประมวลผลกลาง (ซีพียู) และเทคโนโลยีเลเซอร์โฟกัส ที่เพิ่มขึ้นมาในรุ่นใหม่ ที่เอซุสย้ำนักหนาว่าจะช่วยให้การถ่ายภาพทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพราะระบบใหม่นี้ที่ใช้แสงเลเซอร์เป็นตัวนำการจับโฟกัส จะทำให้กล้องตัดสินใจถ่ายภาพในเวลา 0.2 วินาที
 
                      ระบบแสงเลเซอร์ที่ใส่เข้ามาในเซนโฟน 2 เลเซอร์นั้น มีเฉพาะกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ทั้งยังมีไฟแฟลช 2 สี (Real Tone) มาใช้เพิ่มความสว่างที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น นอกนั้นก็มีระบบ PixelMaster 2.0 รวมถึงชุดเลนส์ Largan 5 ชิ้น รูรับแสงขนาด f/2.0 ให้ภาพสว่าง มีมิติชัดลึก แบบเดียวกับเซนโฟน 2 รุ่นปกติมาให้ใช้งาน
 
                      ขณะที่กล้องหน้ายังคงความละเอียดที่ 5 ล้านพิกเซล และมีมุมรับภาพกว้างถึง 85 องศา ทำให้การถ่ายภาพเซลฟี่เป็นเรื่องง่าย และได้ภาพมุมกว้างพอที่จะทำกรุ๊ปฟี่ หรือการถ่ายภาพหมู่ได้ไม่ยาก
 
                      โหมดการถ่ายภาพของกล้องมีให้เลือกถึง 16 โหมด ได้แก่ Low Light Mode สำหรับถ่ายภาพในที่แสงน้อย ให้ภาพมีความสว่างขึ้นกว่าปกติถึง 400% หรือจะเป็นโหมด Super HDR ที่ช่วยให้สามารถเก็บรายละเอียดภาพได้ครบถ้วน แม้จะถ่ายย้อนแสง นอกจากนี้ยังมีโหมดถ่ายภาพสำหรับมืออาชีพอย่างโหมด Manual ที่ผู้ใช้งานสามารถปรับตั้งค่าก่อนถ่ายภาพได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นค่าความไวแสง (ISO) ค่าความเร็วชัตเตอร์ ค่าสมดุลแสงขาว
 
                      สำหรับดีไซน์ตัวเครื่องของ ASUS Zenfone 2 Laser ยังคงเอกลักษณ์ความเป็น Zen ไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นขนาดจอแสดงผลที่กว้างกว่า 70% ของหน้าจอ ทำให้มองเห็นภาพชัดเจนในขณะที่ตัวเครื่องไม่ใหญ่จนเกินไป ประกอบกับการเลือกใช้กระจกหน้าจอ Gorilla® Glass 4 ทำให้การใช้งานเป็นไปได้อย่างมั่นใจ เพราะหากมีการตกกระแทกพื้น กระจกชนิดนี้จะไม่แตกง่ายๆ
 
                      บอดี้ของเซนโฟน 2 เลเซอร์ “เหมือน" กับเซนโฟน 2 รุ่นปกติอย่างไม่ผิดเพี้ยน หน้าจอกว้าง 5.5 นิ้ว ในรุ่น ZE550KL และอีก 2 รุ่นย่อย ได้แก่ ZE500KL และ ZE500KG มีขนาดหน้าจอ 5 นิ้ว หน้าจอของทั้ง 3 รุ่นมีความละเอียดระดับ HD
 
                      ทางด้านประสิทธิภาพ Zenfone 2 Laser มาพร้อมกับความลงตัวระหว่างประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงานที่ยอดเยี่ยม ด้วยชิพประมวลผล Qualcomm® Snapdragon™ 410 ร่วมกับแรมขนาด 2 GB มาพร้อมรอม 16 GB และ Android Lollipop 64 บิต ทำให้การทำงานไหลลื่น ตอบสนองได้ทุกรูปแบบการใช้งาน
 
                      นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบเสียง SonicMaster 2.0 ทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่น AudioWizard 2.0 ที่ใช้สำหรับปรับแต่งเสียงได้อย่างอิสระมากยิ่งขึ้น ตามรูปแบบเสียงที่โปรดปราน
 
                      ผู้เขียนได้รับ เซนโฟน 2 เลเซอร์ รุ่น ZE550 KL มาทำรีวิวในครั้งนี้ สัมผัสแรกที่ได้จับก็รู้สึกเหมือนกับจับถือเซนโฟน 2 รุ่นปกติ  แต่ที่แตกต่างอยู่ที่ช่องกลมๆ ทางด้านหลังตัวเครื่องบริเวณใกล้กับเลนส์ถ่ายภาพ ที่เป็นจุดกำเนิดและรับแสงเลเซอร์ที่ใช้ในการจับโฟกัสของตัวกล้อง 
 
                      เมื่อทดลองใช้กล้องที่เอซุสคุยนักคุยหนาว่าจับภาพได้ไวเพียง 0.2 วินาที ก็ไม่ทำให้รู้สึกว่ามีความแตกต่างไปจากเซนโฟน 2 รุ่นปกติมากนัก เพียงจับสังเกตได้นิดหน่อยว่าเร็วขึ้นบ้าง แต่ไม่ได้เร็วจนผิดหูผิดตา ภาพที่ออกมาก็ยังค่อนข้างน่าผิดหวังเมื่อเทียบกับคุณภาพของภาพจากกล้องสมาร์ทโฟนตัวอื่นของค่ายคู่แข่ง ภาพที่ถ่ายด้วยเซนโฟน 2 เลเซอร์ ยังคงมีสีเหลืองปรากฏเด่นชัด แม้จะจางลงกว่าเซนโฟน 2 ปกติ ก็ยังถือว่าไม่เป็นธรรมชาติอยู่ดี ขณะที่ค่ายคู่แข่งทำกล้องออกมาได้ดีกว่าเรื่อยๆ นี่ถือเป็นการบ้านที่เอซุสต้องรีบกลับไปแก้ไข 
 
                      การทำงานของตัวเครื่องที่มีหน่วยประมวลผลกลางเปลี่ยนจากตระกูล  Intel Atom 64-bit Quad-core Z3580 2.3 GHz กับแรม 4GB LPDDR3 พร้อมระบบปฏิบัติการ Android 5.0 Lollipop ในรุ่นท็อปของเซนโฟน 2 รุ่นปกติ ที่เคยได้รับมาทดสอบ เป็น Qualcomm Snapdragon 410 64-bit 1.2 GHz กับ แรม 2 GB รอม 16 GB ใส่ Micro SD เพิ่มได้อีก 128 GB บนระบบปฏิบัติการ Android 5.0.2 ทำให้เห็นถึงความแตกต่างในด้านความเร็วในการทำงานอย่างชัดเจน เพราะซีพียูที่เอซุสเลือกใช้ในเซนโฟน 2 เลเซอร์นั้น ทำงานช้ากว่ากันอย่างเห็นได้ชัด
 
                      แต่ข้อดีของการใช้ซีพียูค่าย Qualcomm คือ การรองรับเครือข่าย 4G ที่ดีขึ้น ในเซนโฟน 2 เลเซอร์ สามารถใช้งานเครือข่าย 4G LTE ได้ทั้ง 2 ซิม การรับ-ส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายมือถือทำได้ดี นิ่ง กว่าซีพียูของอินเทล
 
                      ประกอบกับการที่เป็นซีพียูรุ่นน้องเล็กแบบ Quad Core ทำให้เพิ่มอัตราการประหยัดไฟมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผู้เขียนเปิดเครื่องใช้งานตามปกติได้นานกว่า 2 วัน ก่อนที่แบตเตอรี่จะขึ้นขีดแดงเตือนให้ต้องชาร์จไฟอีกครั้ง ผิดกับสมาร์ทโฟนที่ใช้ Octa Core พลังแรงๆ หลายรุ่นที่ต้องมีภาระพกพาเพาเวอร์แบงก์ในกระเป๋าไปด้วยเสมอๆ เพื่อเติมพลังไฟให้แก่แบตเตอรี่ที่อ่อนแรงลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการใช้งานข้อมูลบนเครือข่ายมือถือเป็นประจำ
 
                      แต่เมื่อมองในภาพรวมอย่างใจเป็นธรรมแล้ว เอซุสทำสมาร์ทโฟนในระดับราคาไม่เกิน 6,000 รุ่นนี้ออกมาได้ดี คุ้มค่าต่อราคาจริงๆ ครับ