ไลฟ์สไตล์

ตุ๊กตาลูกเทพกุมารทองแปลงร่างยุคดิจิทัล

ตุ๊กตาลูกเทพกุมารทองแปลงร่างยุคดิจิทัล

28 ม.ค. 2559

ตุ๊กตาลูกเทพกุมารทองแปลงร่างยุคดิจิทัล : เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู

             ใครเลยจะไปคิดว่า ตุ๊กตาพลาสติกธรรมดาๆ ที่หาซื้อได้จากร้านขายของเด็กเล่นทั่วๆ ไป ทั้งตุ๊กตาที่มาหน้าตาเป็นฝรั่ง แขก ญี่ปุ่น เกาหลี รวมทั้งหน้าตาแบบไทยๆ เมื่อถูกนำมาปลุกเสก และเพิ่มความขลังด้วยการอัญเชิญดวงเทพลงมาสถิต “จากตุ๊กตาพลาสติกธรรมดาๆ กลายเป็นตุ๊กตาลูกเทพ”

             ปรากฏการณ์คนแห่เลี้ยง “ตุ๊กตาลูกเทพ" ได้รับความนิยมมากมายในเหล่าคนดังแวดวงบันเทิง และผู้คนที่มีความเชื่อในเรื่องนี้ เพราะมีความเชื่อว่า “ตุ๊กตาลูกเทพนี้จะช่วยเสริมในเรื่องโชคลาภ โดยถือว่าเป็นความเชื่อเฉพาะบุคคล” แม้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า “งมงาย” ก็ตาม

             “ผมยอมรับว่า ทำตุ๊กตาลูกเทพตามกระแสเรียกร้องของผู้มาเช่าบูชา โดยเฉพาะชาวจีน มาเลเซีย ฮ่องกง รวมทั้งคนไทย ซื้อตุ๊กตาตามแบบที่ตัวเองชอบมาให้ปลุกเสก”

             นี่เป็นคำยืนยันของ “อ.คม ไตรเวทย์” ฆราวาสผู้เรืองวิทยาอาคมแห่งเมืองสุพรรณบุรี ผู้ซึ่งทำตุ๊กตาลูกเทพมาหลายปีแล้ว ซึ่งมีขนาดตั้งแต่ 8 นิ้ว ไปจนถึงเท่าเด็ก 7 ขวบ

             ตุ๊กตาลูกเทพ ที่สำนักมีทุกรูปแบบ ทั้งที่มีหน้าตาออกเป็นชาวจีน แขก ฝรั่ง ญี่ปุ่น เกาหลี รวมทั้งหน้าตาแบบไทยๆ ที่มีขนาดแตกต่างกัน จากนั้น อ.คม ก็เพิ่มคุณค่าด้วยการอัญเชิญดวงเทพลงมาสถิต ที่ให้คุณเช่นเดียวกับกุมารทอง เพราะเชื่อว่าเป็นตุ๊กตานำโชค นำลาภมาให้ ว่ากันว่าจำนวนการจัดสร้างน่าจะเกินหลัก 1 หมื่นตน

             สำหรับเหตุผลที่ตุ๊กตาลูกเทพได้รับความนิยมมากกว่ากุมารทองนั้น อ.คม บอกว่า เนื่องจากกุมารทองเราต้องบูชาที่บ้าน ร้านค้า แต่คนเรามีกิเลสมากอยากพกพาไปด้วยเพื่อความมั่นใจ ตุ๊กตาลูกเทพจึงกลายเป็นทั้งแฟชั่น และเครื่องรางของขลังในเวลาเดียวกัน ทั้งนี้ต้องยอมรับว่า การจัดสร้างเครื่องรางของขลังในยุคปัจจุบันจะสร้างแบบในอดีตไม่ได้ต้องให้เป็นเครื่องประดับด้วย จึงต้องมีการออกแบบให้โดนใจ โดยมีโจทย์ว่า “ต้องเป็นเครื่องรางและเครื่องประดับ ที่ใส่ได้ทุกเวลา”

             อ.คม ยังบอกด้วยว่า ปัจจุบันนี้การใช้วัตถุมงคลส่วนใหญ่เป็นไปตามความเชื่อที่เป็นไปตามกระแสช่วงหนึ่งเท่านั้น ถ้าเป็นคนโบราณยึดถือสิ่งไหนก็จะยึดไปตลอดชีวิต เช่นเดียวกับช่วงยุคจตุคามรามเทพเฟื่องฟู ใครๆ ก็ห้อยไว้นอกคอไว้อวดโชว์กัน ถือว่าเป็นยุคที่สั่นสะเทือนวงการมากที่สุด ถือว่าเป็นยุคที่แขวนจตุคามฯ เป็นแฟชั่น

             “อะไรที่ไม่ใช่พุทธ ไม่ใช่แก่นแท้ของพระพุทธศาสนา อยู่ได้ไม่ยั่งยืน ปัจจุบันนี้ต้องยอมรับว่า สื่อมีส่วนในการสร้างกระแสความเชื่อได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะบนโลกออนไลน์ วัตถุมงคลใดๆ ก็ตาม เมื่อใครคนหนึ่งใช้แล้วมีโชคลาภทำให้ชีวิตดีขึ้น เมื่อเป็นข่าวก็กลายเป็นกระแสนิยม อย่างเมื่อเร็วๆ นี้นักฟุตบอลโชว์เครื่องรางผ่านสื่อมวลชนกลายเป็นกระแสความนิยมในวันรุ่งขึ้น แต่ที่ใช้แล้วไม่ได้ผลก็ไม่เป็นข่าว เช่นเดียวกับคนเล่นหวย แม้จะถูกหวยกินนับสิบๆ งวดก็ไม่มีใครรู้ไม่มีใครสนใจ แต่งวดที่ถูกหวยเพียงงวดเดียวจะกลายเป็นข่าว” อ.คม กล่าวแนะนำ

             พร้อมกันนี้ อ.คม ได้เล่าถึงที่มาของการสร้างเครื่องรางที่เป็นรูปลักษณ์เหมือนคนว่า แรกเริ่มเดิมทีการสร้าง “กุมารทอง” มาจากวิญญาณของเด็กที่ตายในท้องแม่ หรือที่เรียกว่าตายทั้งกลม ผู้มีวิชาอาคมจะไปนำพาวิญญาณเด็กนั้นมาเลี้ยงไว้เป็นลูก จากหลักฐานที่พบในเอกสารโบราณระบุถึงการทำกุมารทองสรุปว่า ต้องหาศพที่ตายทั้งกลมแล้วประกอบพิธีกรรมผ่าเอาศพทารกในท้องมาย่างไฟให้แห้งสนิทก่อนรุ่งอรุณ แล้วจึงลงรักปิดทองให้ทั่ว ด้วยเหตุนี้จึงเรียกว่ากุมารทอง

             อย่างไรก็ตามด้วยสังคมและวัฒนธรรมพัฒนาไปมากขึ้นทำให้ไม่สามารถสร้างกุมารทองจากศพทารกจริงๆ ได้ จึงมีการดัดแปลงกรรมวิธีการสร้างกุมารทองขึ้น โดยใช้ดินเจ็ดป่าช้าบ้าง ไม้รักซ้อนหรือไม้มะยมบ้าง ไปจนถึงโลหะ มาสร้างเป็นรูปกุมาร แล้วปลุกเสกตั้งจิต ตั้งธาตุทั้ง 4 และเรียกอาการ 32 ให้บังเกิดเป็นจิตวิญญาณของเด็กขึ้นมา

             กุมารทองปัจจุบันนิยมสร้างเป็นรูปเด็ก ลักษณะเป็นเด็กไว้จุก นุ่งโจงกระเบนอย่างโบราณ กลายเป็นเครื่องรางของขลัง เชื่อกันว่าเสมือนมีวิญญาณเด็กอยู่ในรูปกุมารนั้น ผู้บูชาต้องเลี้ยงดูเหมือนลูกของตน ต้องให้ข้าวน้ำเซ่นสรวงและต้องเรียกให้กินข้าวด้วย

             ทั้งนี้มีคติความเชื่อว่า หากปฏิบัติดูแลดีกุมารทองก็จะช่วยค้ำคูณ อาทิ ช่วยคุ้มครองป้องกันเจ้าของและครอบครัวจากสิ่งไม่ดีทั้งหลายช่วยให้ทำมาค้าขึ้น ไปจนถึงเตือนภัยล่วงหน้าอีกด้วย และจะคอยติดตามเฝ้าระวังบ้านเรือนจากโจรผู้ร้ายและศัตรูไม่ให้มากล้ำกราย ปัจจุบันผู้บูชานิยมไหว้ด้วยน้ำแดง

             อ.คม ยังอธิบายด้วยว่า วัสดุที่นำมาทำเป็นกุมารทองส่วนใหญ่เป็นเนื้อเรซิ่น มีเป็นบางรุ่นที่ใช้ดินอาถรรพณ์จากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ที่ดีดูมีความขลัง ซึ่งไม่สามารถปั้นให้สวยงามได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นเนื้ออะไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือกุมารเนื้อเรซิ่น มีประสบการณ์ทุกด้านเป็นที่เลื่องลือในหมู่ลูกศิษย์ ซึ่งเป็นเรื่องแปลกกุมารทองเนื้อโลหะจะไม่ค่อยมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์ ตามความเข้าใจวิญญาณที่สถิตอยู่ในองค์กุมารไม่ต้องการอยู่เกินควร ต้องย่อยสลายไปตามกาลเวลาที่หุ่นนั้นๆ ชำรุด เป็นการเข้ามาช่วยแบบชั่วคราว

             ในขณะที่ นายวันชัย พงศ์สมเพชร เจ้าของอัลบั้มกะเทยโอท็อป และผู้อำนวยการสถานีวิทยุชุมชนคนบางใหญ่ นนทบุรี เอฟเอ็ม 105.25 เมกะเฮิรตซ์ หรือที่รู้จักกันในนาม “โจโจ้อีส กะเทยโอท็อป” หนึ่งในเซียนพระที่สะสมและให้เช่าบูชากุมารทอง บอกว่า ตุ๊กตาลูกเทพก็ไม่ต่างจากกุมารทอง โดยเฉพาะกุมารทอง หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม จ.นครปฐม เมื่อครั้งที่หลวงพ่อเต๋มีลูกศิษย์ซื้อตุ๊กตาเด็กไว้ผมจุกที่สร้างจากเนื้อเรซิ่นไปให้ท่านปลุกเสก ซึ่งทุกวันนี้มีการหาซื้อกันในราคาหลักหมื่นบาท

             โจโจ้ อีส บอกด้วยว่า สิ่งหนึ่งที่น่ากังวลใจสำหรับผู้สะสมและเล่นตุ๊กตาลูกเทพคือ จะไม่สามารถขายต่อได้ในราคาที่เช่าบูชามา ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ได้ซื้อตุ๊กตาลูกเทพมาไว้ที่ร้าน 2 ตัว ในราคาทั้งหมด 2,000 บาท แต่ผู้ขายบอกว่า เช่าบูชามาในราคา 3 หมื่นบาท แล้วบอกว่า เป็นของเก่า ผ่านการปลุกเสกมา แต่ตนซื้อเพื่อที่จะบอกลูกค้าว่า ตุ๊กตาลูกเทพ เมื่อต้องการขายต่อ จะขายได้ในลักษณะของเก่า ของเหลือทิ้งเท่านั้น แตกต่างจากกุมารทอง แม้จะเป็นเนื้อเรซิ่น เนื้อปูนปลาสเตอร์ ที่ปลุกเสกและสร้างโดยพระเกจิอาจารย์ เมื่อเวลาผ่านไปกลับสูงขึ้น อย่างกรณีของกุมารทองหลวงพ่อเต๋ คงทอง ทั้งๆ ที่เป็นตุ๊กตาเด็กที่ซื้อจากร้านสังฆภัณฑ์ตัวละไม่กี่ร้อยบาทมาปลุกเสก ปัจจุบันนี้มีการเช่าบูชาตัวละหลายหมื่นบาท จึงฝากผู้ที่เล่นตุ๊กตาลูกเทพว่า เมื่อต้องการขายออกไป จะให้ได้ราคาเหมือนกุมารทองนั้น เป็นไปไม่ได้

             
วิวัฒนาการของวัตถุมงคลยุดิจิทัล

             อ.ราม วัชรประดิษฐ์ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดี สุดยอดแฟนพันธุ์แท้พระเครื่องคนแรกของประเทศไทยประจำปี 2001 และเจ้าของเว็บไซต์ www.aj-ram.com บอกว่า ตุ๊กตาลูกเทพเป็นวิวัฒนาการอย่างหนึ่งของการจัดสร้างเครื่องรางที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ในยุคดิจิทัล ซึ่งอาจเป็นไปได้สูงว่ามีในบางคนที่สะสมหุ่นยนต์ไปให้พระเกจิอาจารย์ หรือ ฆราวาสผู้เรื่องเวทย์ปลุกเสก เพราะไม่ว่าหุ่นยนต์ หรือตุ๊กตา ต่างก็มีรูปลักษณะเหมือนคน

             จากการขุดค้นทางโบราณคดีจะพบตุ๊กตาดินเผาทำเป็นรูปชาย-หญิงเปลือย นั่งหรือยืนกอดกันเข้าลักษณะเครื่องรางทางเหนือที่เรียกว่า “อิ้น” มีข้อสันนิษฐานในแวดวงวิชาการว่า “อิ้น” มีลักษณะเป็นรูปผู้ชาย ผู้หญิง ยืนหรือนั่งโอบกอดกัน ซึ่งผู้สร้างตั้งใจสร้างเพื่อเอาไปใช้ในด้านนี้โดยเฉพาะ

             “อิ้น” น่าจะเป็นเครื่องรางรุ่นแรกๆ ที่นอกจากแสดงถึงความรักระหว่างชายหญิงที่ชัดเจนแล้ว ยังเป็นเครื่องมือที่ใช้สอนให้สังคมรู้จักแสดงความรักที่มีขอบเขตตามมาตรฐานของสังคมนั้นๆ รวมทั้งเป็นเครื่องมือสอนเพศศึกษาในยุคโบราณด้วย

             นอกจากนี้ยังมีเครื่องรางที่มีรูปลักษณะเหมือนคนที่คนไทยรู้จักกันดี คือ “หุ่นพยนต์” ซึ่งในวงการไสยศาสตร์เป็นที่ยอมรับกันดีเรื่องมีภูตผีเป็นผู้รับใช้ติดตามจะสายไหนก็มักจะมีข้ารับใช้เสมอ ทั้งสายเทพ สายพราย สายภูติ สายผี สายเวทย์

             หุ่นพยนต์มีหลายรูปแบบแตกต่างกันออกไป เริ่มตั้งแต่สัตว์เล็กไปจนถึงสัตว์ และอมนุษย์ก็ตาม ขึ้นอยู่กับพลังกระแสจิตของคณาจารย์ท่านนั้น พระเกจิอาจารย์ชื่อดังสายเขาอ้อเคยกล่าวไว้ว่า หุ่น คือ รูปตุ๊กตา รูปแบบที่จำลองจากของจริงแบบต่างๆ รูปปั้นหรือรูปแกะสลักที่ทำไว้เป็นแบบพยนต์ คือสิ่งที่ผู้ทรงวิทยาคมปลุกเสกให้มีชีวิตขึ้น “หุ่นพยนต์” แปลรวมๆ ได้ความว่า ตุ๊กตารูปแบบต่างๆ ที่จำลองมาจากของจริงได้รับการปลุกเสกจากพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคมให้มีชีวิตจิตวิญญาณขึ้น

             เมื่อมีผู้คนคิดปองร้ายหรือมีเจตนาที่ไม่ดี ถ้าเป็นสถานที่ต่างๆ หุ่นพยนต์จะแสดงฤทธิ์ดูแลรักษาเฝ้าทรัพย์สินในพื้นที่นั้นๆ แสดงฤทธิ์คอยปกป้องเมื่อมีผู้คิดร้าย หรือถ้าหากเป็นสถานที่ต่างๆ ขับไล่สิ่งอัปมงคลอำนาจชั่วร้ายและภูติ ผี ปีศาจ กันคุณไสย ลมเพลมพัด กันและแก้ของไม่ดี บูชาไว้ติดตัวได้ทั้งหญิงและชาย บูชาไว้ในรถ สำนักงานร้านค้าเฝ้าเรือกสวนไร่นา กันขโมย ปกป้องกันภัยให้แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง

             แต่ที่เป็นที่รู้จักและถูกสร้างมากที่สุดต้องยกให้ “แม่นางกวัก” ซึ่งเป็นเทพที่มีชื่อเสียงมาก ด้านช่วยกวักโชคกวักลาภ กวักเงินกวักทอง แม้แต่เรื่องความรักความใคร่ แม่นางกวักท่านยังช่วยกวักให้รักนั้นสมหวังได้

             แม่นางกวักเป็นเทพที่มีเรื่องเล่าขานถึงท่านกันมานมนานตั้งแต่โบร่ำโบราณ และมีการปั้นหล่อเป็นรูปลักษณ์นั้น เท่าที่พบเจอว่ามีอายุเก่าที่สุด อยู่ในสมัยอยุธยาประมาณนั้น และส่วนมากพบเป็นขนาดบูชา มีทั้งที่สร้างจากเนื้อโลหะ เนื้อดินเผา และแกะจากเนื้อไม้ เป็นต้น

             สมัยรัตนโกสินทร์ยุคต้น มีการสร้างรูปแม่นางกวักไว้จำนวนมากเช่นกัน ซึ่งได้สร้างจากเนื้อโลหะ เนื้อดินเผา และแกะจากเนื้อไม้เช่นเดียวกันกับในสมัยอยุธยา ส่วนมากจะพบเป็นขนาดบูชา ในสมัยรัตนโกสินทร์ยุคต้นนี้ แม่นางกวักที่เป็นขนาดบูชาจะนิยมสร้างเน้นศิลปะความงดงาม มีการลงรักปิดทอง จะเน้นลวดลายชุดอาภรณ์สวมใส่

             “มนุษย์แต่ละยุคจะสร้างเครื่องรางขึ้นมาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวและที่พึ่งทางใจ ตุ๊กตาลูกเทพก็เป็นเครื่องรางอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ เมื่อเวลาผ่านไปกระแสความนิยมก็จะลดลง ปรากฏการณ์นี้จะเป็นเช่นเดียวกับกระแสความนิยมจตุคามรามเทพเมื่อหลายปีก่อน ในที่สุดแล้วก็จะไม่ได้รับความนิยม” อ.ราม กล่าวทิ้งท้าย