ไลฟ์สไตล์

ยันต์หนุมานมหาปราบ หลวงพ่อนัส อโนมปัญโญ วัดอ่าวใหญ่

ยันต์หนุมานมหาปราบ หลวงพ่อนัส อโนมปัญโญ วัดอ่าวใหญ่

02 พ.ค. 2559

ชั่วโมงเซียน : ยันต์หนุมานมหาปราบ หลวงพ่อนัส อโนมปัญโญ วัดอ่าวใหญ่ : โดย... อ.โสภณ

 
       หนุมานนั้นมีอยู่ในวัฒนธรรมตะวันออกหลายประเทศ การสื่อรูปร่างหนุมานก็ต่างกันไปตามศิลปวัฒนธรรมของแต่ละชาติ แต่ในความเป็นหนุมานของไทยนั้นต้องถือว่าเป็นศิลปะที่ทรงคุณค่า โบราณถือว่าเป็นที่สุดแห่งเทพหนุมาน นับเป็นยอดแห่ง “พญาวานร” มีตบะมหาอำนาจเป็นยอดแห่งขุนพล สุดยอดทหารเอกที่ทรงฤทธิ์ครบวงจร
 
       หนุมานของพระเกจิอาจารย์รุ่นเก่าต้องยกให้หนุมานหลวงพ่อสุ่น จันทโชติ วัดศาลากุน เกาะเกร็ด จ.นนทบุรี ส่วนหลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา จะแกะด้วยไม้รัก และรากปลาไหลเผือก ฝีมือไม่จัดเท่าใดนัก ที่สำคัญคือ ท่านเรียกว่า “ลิง” และลิงของหลวงพ่อดิ่งส่วนมากแกะเป็นรูปลิงจับหลักหรือไม่ก็ลิงถืออาวุธ รูปแบบมีแตกต่างกันไป ท่านจะปลุกเสกเอง แล้วลงอักขระด้วย ในขณะที่หลวงพ่อเชย วัดบางกระสอบ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ จะแกะเป็นรูปองค์คตนั่งอยู่บนขนดหางด้วยตาลปัตร
 
       ยันต์รูปหนุมานที่เราคุ้นเคยกันนั้นมีทั้งหมด ๙ ตัว โดยมีคติความเชื่อดังนี้
 
       หนุมานตัวที่ ๑ ชื่อ สุวรรณะ มีคติความเชื่อว่า สักแล้วอายุยืน ไปไหนมีคนเมตตาช่วยเหลือ
 
       หนุมานตัวที่ ๒ ชื่อ มนิโย มีคติความเชื่อว่าสักแล้วจะพูดจาเรียบร้อย ตรงไปตรงมา
 
       หนุมานตัวที่ ๓ ชื่อ สังคะเมวะจะ มีคติความเชื่อว่าสักแล้วจะมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์คุ้มครอง
 
       หนุมานตัวที่ ๔ ชื่อ สุริยะ มีคติความเชื่อว่าสักแล้วเป็นลูกพระอาทิตย์
 
       หนุมานตัวที่ ๕ ชื่อ มุขคะเมวะจะ มีคติความเชื่อว่าสักแล้ว อุเบกขา (จะวางตัวเป็นกลาง)
 
       หนุมานตัวที่ ๖ ชื่อ อาธิกะมูรัง มีคติความเชื่อว่าสักแล้วเป็นลูกเทวดา เทวดารักษาล้อมรอบตัวเรา
 
       หนุมานตัวที่ ๗ ชื่อ มันตรา มีคติความเชื่อว่าสักแล้วมีเพื่อนมากรักพวกพ้วง
 
       หนุมานตัวที่ ๘ ชื่อ อุอุอะอะ สวามหามันตัง มีคติความเชื่อว่าสักแล้วไม่กลัวใครใหญ่ที่สุด
 
       หนุมานที่ ๙ ซึ่งถือว่าเป็นตัวพิเศษ (ย่อจากตัวที่ ๙) ชื่อ สวาหะ แม่หนุมานขี่ราชสิงห์เชิญธง มีคติความเชื่อว่าบุญฤทธิ์มากมาย
 
       หนุมานเป็นลิงที่มีฤทธิ์มาก สามารถสำแดงเดชต่างๆ ได้หลายประการ เช่น การขยายร่างกายให้ใหญ่โต การยืดหางให้ยาว เป็นต้น นอกจากนี้หนุมานยังได้ชื่อว่าเป็นอมตะ คือไม่มีวันตาย เนื่องจากเป็นบุตรของพระพาย (ลม) กับนางสวาหะ ด้วยเหตุนี้เมื่อหนุมานมีอันตรายถึงตายแล้วเพียงแค่มีลมพัดมา หนุมานก็จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ ด้วยอำนาจของพระพายผู้เป็นบิดา
 
       คาถาหนุมาน ก่อนภาวนาให้ตั้งนะโม ๓ จบ แล้วจึงภาวนาว่า “โอม หะนุมานัง พะพลับพลานัง พุทธัง อำโน พุทโธ กินนัง จะปาคะรัง จึงมาบังกายา ธัมมัง กินโน ธัมโม อำนัง จะปาคะรัง จึงมาบังกายา สังฆัง อำโน สังโฆ กินนัง จะปาคะรัง จึงมาบังกายา สัพเพชะนา พะหูชะนา เตชะสุเนมะ ภูจะนาวิเวฯ”
 
       สำหรับรูปหนุมานและยันต์ที่ปรากฏบนเหรียญ “เหรียญมหาปราบหลวงพ่อนัส” ถือเป็นอีกเหรียญหนึ่งที่ลงยันต์ซึ่งขึ้นชื่อว่า “มีพุทธคุณดีทุกด้าน” หรือที่เรียกว่า “มีพุทธคุณครอบจักรวาล” นั่นเอง
 
 
หลวงพ่อนัส อโนมปัญโญ วัดอ่าวใหญ่
 
       วัดอ่าวใหญ่ ต.อ่าวใหญ่ อ.เมือง จ.ตราด เป็นวัดที่มีชื่อเสียงของจังหวัด เป็นที่จำพรรษาของพระครูพิพัฒน์อโนมคุณ หรือหลวงพ่อนัส อโนมปญฺโญ พระเกจิชื่อดังแห่งภาคตะวันออก โดยในแต่ละวันมีผู้คนจากทุกสารทิศเดินทางมานมัสการขอพรเป็นจำนวนมาก
 
       หลวงพ่อนัส เกิดเมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๘๒  ตอนเยาว์วัยเด็กชายวีนัส เป็นเด็กฉลาดซุกซนแก่นแก้วชอบแอบจำคาถาอาคมจากผู้เฒ่าผู้แก่และชอบไปคลุกคลีกับคนที่มีวิชาอาคมทั้งหลายแต่ที่ได้ร่ำเรียนถ่ายทอดจริงจังก็มี ก๋งนวล แดงตะนุ ซึ่งเป็นญาติกันท่านได้เห็นแววแห่งความเข้มขลังเลยถ่ายทอดวิชามาหลายอย่างจนหมดที่ท่านมี ไม่ว่าจะเป็นวิชาด้านคงกระพันชาตรีเสกแป้งเสกสีผึ้งเมตตา บูชาไฟไล่ผีและอีกมากมายจนหมด
 
       หลังจากร่ำเรียนจนช่ำชองแล้วด้วยความแก่นแก้วก็ชอบลองไปทั่วสมัยนั้นมีคนถูกผีเข้าบ่อยใครเอาไม่อยู่แต่เด็กชายวีนัสสยบจนราบคาบหมดจึงมีชื่อเสียงมาตั้งแต่เยาว์ แต่พออายุได้ ๑๗-๑๘ ปีก็มารู้จักกับอาจารย์อีกคนชื่อ “หมอลอย จันทบุรี” เป็นหมอยารักษาโรคแบบโบราณ พอเห็นหลวงพ่อนัสตอนนั้นเป็นวัยรุ่นก็รู้สึกถูกชะตาขึ้นมาอีกให้คนเรียกมาทำความรู้จักแล้วก็ถ่ายทอดวิชาที่มีอยู่ให้จนหมดอีกคน หลังจากนั้นก็กลายเป็นหมอยาอีกด้วย
 
       เมื่ออายุครบ ๒๐ ปี หลวงพ่อนัสอุปสมบท ณ วัดอ่าวใหญ่ อ.เมือง จ.ตราด ในวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๐๒ โดยมีพระครูพุทธิสารวิบูล วัดลำดวน เป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระครูพุทธิคุณคชทีป วัดอ่าวใหญ่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายยาว่า อโนมปัญโญ หมายถึง ผู้มีปัญญาหาเปรียบมิได้
 
       หลังจากอุปสมบท หลวงพ่อนัส ได้ศึกษากับพระครูชม เทียนชัย ซึ่งมีความเชี่ยวชาญทางด้านเมตตา คงกระพัน และเป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ทั้งนี้พระครูชมได้รับการถ่ายทอดวิชามาจากหลวงพ่ออิ่ม อ.เกาะช้าง จ.ตราด ท่านก๋งชมได้เดินทางไปๆ มาๆ ระหว่างวัดอ่าวใหญ่กับวัดสลักคอก เกาะช้าง อยู่เป็นประจำ ถ่ายทอดวิชาต่างๆ ให้แก่หลวงพ่อนัส กับอาจารย์ไพ แดงตะนุ สมัยบวชอยู่กับหลวงพ่อนัส สุดท้ายวัยชราท่านก๋งได้ประจำพรรษาอยู่วัดอ่าวใหญ่จนกระทั่งมรณภาพ
 
       เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๓ ไปเรียนกรรมฐานฝึกจิตฝึกสมาธิและวิชาเจิมจนสำเร็จได้รับมอบวิชาและครอบครูจากหลวงพ่อสวน วัดบางกระดาน อ.แหลมงอบ จ.ตราด ซึ่งท่านเป็นเกจิอาจารย์ชื่อดังในยุคสมัยนั้น ได้ถ่ายทอดวิชาเรื่องการเจิมต่างๆ ให้หลวงพ่อนัส จากนั้นประมาณ พ.ศ.๒๕๑๓-๒๕๑๕ ได้เดินทางไปศึกษาวิชากับหลวงพ่อแดง วัดวังสรรพรส ต.บ่อ อ.ขลุง จ.จันทบุรี โดยเดินทางเท้าไปกลับระหว่างวัดวังสรรพรสกับวัดอ่าวใหญ่ แล้วจึงศึกษาวิชาปลุกเสกเสือและพระขุนแผน แต่ที่เด่นที่สุดเห็นจะเป็นวิชาย่นระยะทาง
 
       หลวงพ่อคงท่านเห็นถึงความมุมานะตั้งใจที่จะไปร่ำเรียนอย่างจริงจังกับท่านจึงให้วิชาย่นทางมาและที่บอกว่าเด่นมากเพราะลูกศิษย์หลวงพ่อนัสเกือบทุกรุ่นจะเห็นหลวงพ่อแสดงปาฏิหาริย์โดยไม่รู้ตัวแทบทุกรุ่นทุกพรรษา เช่น เวลาเดินเข้าไปสวนเงาะของวัดหลวงพ่อจะบอกให้ศิษย์ล่วงหน้าไปก่อนทุกครั้งส่วนหลวงพ่อยังนั่งฉันหมากอยู่บนกุฏิแต่เมื่อไปถึงสวนก็เจอหลวงพ่อทำโน่นนี่นั่นอยู่ในสวนแล้วเป็นประจำ
 
       หลังจากนั้นได้ศึกษาวิชากับหลวงพ่อหมึก วัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา ซึ่งท่านเป็นเกจิชื่อดังในสมัยนั้น หลวงพ่อหมึกมาจำวัดที่วัดอ่าวใหญ่เป็นประจำ หลวงพ่อนัสจึงฝากตัวเป็นศิษย์โดยศึกษาวิชาอาคมขลังต่างๆ จากหลวงพ่อหมึก สมัยนั้นหลวงพ่อหมึกจะดังมากเรื่องลูกอมเพราะทหารเขมรเอาไปใช้แล้วเหนียวยิงไม่ออก
 
 
สร้างวิหารวัดเนินตากแดด
 
       เมื่อ พ.ศ.๒๕๓๕ หลวงพ่อนัส จัดสร้างเหรียญรุ่นแรกขึ้นเนื่องในงานที่ระลึกงานผูกพัทธสีมา วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๕ ณ วัดอ่าวใหญ่ จ.ตราด โดยมีหลวงพ่อนัส และหลวงปู่บัว ถามโก วัดศรีบุรพาราม (วัดเกาะตะเคียน) จ.ตราด ร่วมเมตตาอธิษฐานจิตปลุกเสกด้วย
 
       อย่างไรก็ตามด้วยเหตุที่หลวงพ่อนัสเป็นศิษย์ที่ได้รับการถ่ายทอดวิชาจากหลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส พระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดรูปหนึ่งของภาคตะวันออก และเป็นพระเกจิอาจารย์ร่วมสมัย หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ แม้ท่านอาจจะอายุน้อยกว่า แต่เรื่องอาคมนั้นท่านไม่เป็นรองใครเลยทีเดียว ท่านได้รับนิมนต์ไปร่วมพิธีพุทธาภิเษกในพิธีใหญ่ๆ พร้อมๆ กับพระเกจิอาจารย์ร่วมสมัยอยู่หลายครั้ง เมื่อคราวปลุกเสกครั้งยิ่งใหญ่ที่ท้องสนามหลวง พ.ศ.๒๕๐๐ ท่านก็ได้ร่วมในพิธีครั้งนั้นด้วย
 
       ทั้งนี้เพื่อร่วมสร้างวิหารวัดเนินตากแดด อ.บ่อไร่ จ.ตราด ซึ่งมี พระครูกิตติญาณวิจักษ์ เป็นเจ้าอาวาส หลวงพ่อนัดอนุญาตให้จัดสร้างเหรียญ “เหรียญมหาปราบหลวงพ่อนัส” ได้ประกอบพิธีปลุกเสกอธิษฐานจิต วันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๙  ทุกองค์มีโค้ดและหมายเลขกำกับ ผู้มีจิตศรัทธาร่วมบุญได้ที่ประชาสัมพันธ์วัด โทร. ๐๘-๑๓๗๒-๘๒๙๓