ไลฟ์สไตล์

ห่วงชายไทยกินหนอนไหมปลุกเซ็กส์เร่งมช.ขอทุนวิจัย

ห่วงชายไทยกินหนอนไหมปลุกเซ็กส์เร่งมช.ขอทุนวิจัย

06 มิ.ย. 2559

นักวิจัยคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ห่วงชายไทยกินหนอนไหมเพื่อปลุกเซ็กส์ ย้ำยังอยู่ในขั้นตอนวิจัยยังไม่มีผลระบุชัดเจน เตรียมหาทุนต่อยอดวิจัย

             6มิ.ย.2559 รศ.ดร.ปรัชญา คงทวีเลิศ อาจารย์ประจำภาควิชาชีวเคมี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า หลังจากที่มีข่าวพบชายไทยแห่บริโภคหนอนไหม เพื่อปลุกเซ็กส์ จากความเชื่อที่ว่ากินหนอนไหม 25 ตัว เท่ากับกินไวอากร้า 1 เม็ด จากงานวิจัยที่นำหนอนไหมไทย 2 สายพันธุ์ คือเหลืองสุรินทร์ และนางน้อยศรีสะเกษ-1 ที่ให้สารเหมือนไวอากร้านั้นพบว่ามีอยู่จริง แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่า สารนั้นมาจากไหน โดยได้ตั้งข้อสันนิษฐานไว้ 3 ทางด้วยกันคือ 1.จากใบหม่อนซึ่งเป็นอาหารของหนอนไหม 2. จากตัวหนอน และ 3. จากใบหม่อนที่ต้องผ่านตัวหนอน

             ขณะนี้ ผลงานวิจัยเรื่องผลของสารสกัดจากดักแด้ไหมไทยต่อการกระตุ้นการขยายตัวของหลอดเลือด เทียบเท่าไวอากร้า อยู่ในการศึกษาระดับทดลองเท่านั้น ถึงแม้ผลการทดลองจะพบว่า หนอนไหมมีฤทธิ์ในการกระตุ้นให้เกิดไนตริกออกไซด์ ได้จริง แต่ไม่ได้หมายความว่า จะมีสารจากธรรมชาติในตัวหนอนไหมมีฤทธิ์คล้ายกับ ซิลเดนาฟิล หรือไวอากร้า แต่ทางทีมวิจัย ยังไม่ทราบโครงสร้างของหนอนไหมเป็นสารชนิดใด

             นอกจากนี้ยังไม่มีการทดลองในสัตว์ที่มีชีวิต ในอนาคตต้องเร่งหาทุนวิจัยต่อไป ว่าสารสำคัญเหล่านี้มีโครงสร้างทางเคมีอย่างไร เพราะสิ่งที่ทีมวิจัยต้องการคือสมุนไพร 100 เปอร์เซ็นต์ จากสารธรรมชาติจะปลอดภัยกับผู้บริโภคมากที่สุด อย่างไรก็ดีควรที่จะรอให้มีการสกัดออกมาในรูปแบบแคปซูลอย่างชัดเจนจะดีกว่า หากมีการทดลองในสัตว์ แล้วเห็นผลได้ชัดเจนเทียบเท่ากับไวอากร้า อนาคตผลิตเป็นแคปซูลออกมาจำหน่ายอย่างแน่นอน

             สำหรับผู้ที่ซื้อหนอนไหมมาบริโภคเป็นจำนวนมาก โดยเข้าใจว่าจะสามารถช่วยปลุกเซ็กส์ได้นั้น ทางทีมงานวิจัยยังไม่ได้ออกมายืนยันเรื่องดังกล่าวนี้อย่างชัดเจน จึงอยากให้รอผลงานวิจัยให้ชัดเจนก่อน ประกอบกับการรับประทานหนอนไหมที่ยังไม่ได้ผ่านกระบวนการสกัดตามที่ทีมงานวิจัยได้ดำเนินการ อาจไม่ได้ผลเท่ากับตัวแคปซูลที่ทีมงานทำการวิจัยออกมา ดังนั้นการรับประทานหนอนไหมจึงอยากให้เป็นแค่การรับประทานเป็นอาหารโดยไม่ต้องหวังผลเป็นอย่างอื่น

.........................

(หมายเหตุ : ขอบคุณภาพจาก www.kknic.ac.th)