ไลฟ์สไตล์

โทษถึงขั้นปลดออกครูชายล่วงละเมิดทางเพศเด็ก

โทษถึงขั้นปลดออกครูชายล่วงละเมิดทางเพศเด็ก

10 มิ.ย. 2559

สพม.1 สั่งให้ ครูชาย ร.ร.สวนกุหลาบฯ ช่วยราชการชั่วคราว ชี้เจ้าตัวสารภาพเป็นเจ้าของทวิตเตอร์จริง ระบุโทษถึงขั้นผิดวินัยอย่างร้ายแรง โทษถึงขั้นปลดออกจากราชการ

      จากกรณีที่เฟซบุ๊กเพจ “นักเกรียน สวนกุหลาบ” ได้โพสต์ข้อความปักหมุดระบุว่าได้รับการติดต่อจากบุคคลภายนอกโรงเรียนท่านหนึ่งแจ้งให้เข้าไปดูพฤติกรรมของไอดีทวิตเตอร์คนหนึ่ง ใช้ชื่อว่า k @uhbbjhj (ลิงค์ http://mobile.twitter.com/uhbbjhbj) ข้อมูลเบื้องต้นที่ได้รับแจ้งมาคือผู้ใช้ไอดีทวิตเตอร์นี้เป็นครูในโรงเรียน...พฤติกรรมในทวิตเตอร์คือมีเพศสัมพันธ์กับเด็กผู้ชายในหลายๆโรงเรียน แล้วถ่ายคลิปขณะมีเพศสัมพันธ์มาโพสลงทวิตเตอร์ หลายๆคลิปเห็นหน้าเด็กชัดเจน และพบมีการทวีตและรีทวีตคลิปคลิปเกย์มีเพศสัมพันธ์กับเด็กล้วนๆ และเป็นคลิปที่ทวิตเตอร์นี้โพสต์เองมีจำนวนมากกว่ายี่สิบคลิป ล้วนแต่เป็นการมีเพศสัมพันธ์กับเด็กนักเรียนทั้งนั้น โดยทางเพจได้เรียกร้องให้ผู้บริหารดำเนินการสอบสวนและสั่งลงโทษโดยเร็ว โดยทันทีที่มีการโพสต์ข้อความดังกล่าว ในโซเชียลมีเดียมีการแชร์และแสดงความเห็นอย่างมาก และเรียกร้องให้โรงเรียน ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุด

      เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.59 ที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) นายการุณ สกุลประดิษฐ์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวว่า หลังจากทราบเรื่อง มอบให้ศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียน (ฉก.ชน.) สพฐ.และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) 1 กรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อมูล พบว่าเรื่องที่ดังกล่าวมีมูลจริงและผู้ชายที่ปรากฏในภาพเป็น ครูของโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยจริง

      ทั้งนี้ ช่วงเช้าที่ผ่านได้รับรายงานจาก นายวิฑูรย์ วงศ์อิน ผู้อำนวยการโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยว่า โรงเรียนเรียกครูชายคนดังกล่าว มาสอบถาม ซึ่งครูชายคนดังกล่าวรับสารภาพว่า ใช้บริการเด็กจริงแต่เป็นเด็กของโรงเรียนอื่น ไม่ใช่นักเรียนโรงเรียนสวนกุหลาบฯ โดยขณะนี้ ร.ต.อานนท์ สุขภาคกิจ ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) 1 กรุงเทพมหานคร ได้สั่งให้ครูชายคนดังกล่าวมาช่วยราชการที่ สพม.1 และตั้งกรรมการสืบข้อเท็จจริง หากผลการสืบฯสรุปว่ามีความผิดจริง ก็ต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงต่อไป ซึ่งกรณีนี้โทษถึงขั้นปลดออกจากราชการ

      “เบื้องต้นแม้ครูคนดังกล่าวจะรับสารภาพ แต่เรื่องนี้ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการตามขั้นตอนก่อน ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน และเป็นความผิดที่ถึงขั้นลงโทษทางวินัยอย่างร้ายแรง ซึ่งผมยืนยันว่าจะไม่มีการช่วยเหลือกันอย่างเด็ดขาด เพราะเรื่องนี้ถือเป็นการกระทำที่สร้างความเสื่อมเสียให้กับวงการครูอย่างมาก ซึ่งคนเป็นครูต้องเป็นแบบอย่างที่ดี มีคุณธรรมและจริยธรรม ดังนั้นจะทำคดีนี้ให้เป็นกรณีตัวอย่างเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นอีก ส่วนเรื่องความเสียหายทางคดีอาญาที่เด็กได้รับผลกระทบจากการกระทำของครูคนดังกล่าวนั้น หากพ่อ แม่ผู้ปกครองต้องการที่จะเอาผิดก็ขอให้ไปแจ้งความดำเนินคดี เพราะเป็นเด็กและเยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปี” เลขาธิการ กพฐ.กล่าว

      นายการุณ กล่าวต่อว่า นอกจากการลงโทษทางวินัยอย่างร้ายแรงแล้ว สพฐ.จะเสนอต่อคณะกรรมการคุรุสภาให้พิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพด้วย เพราะเป็นเรื่องที่ผิดจรรยาบรรณครู อย่างไรก็ตาม ในส่วนเรื่องการสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ปกครองและนักเรียนนั้น คนที่จะทำหน้าที่ได้ดีที่สุดก็คือ ผู้อำนวยการโรงเรียน ที่ต้องสังเกตพฤติกรรมครูในปกครองของตนเองด้วย ต้องให้อยู่ในระเบียบอย่างเคร่งครัด

      ด้าน นายอำนวย จันทร์หอม รองผู้อำนวยการโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย กล่าวว่า ขณะนี้ครูคนชายคนดังกล่าวไปช่วยราชการที่ สพม.1 แล้ว ซึ่งในช่วงเช้าหลังเข้าแถวเคารพธงชาติหน้าเสาธง ตนได้ชี้แจงกับนักเรียนและครูถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่าเป็นเช่นไร โรงเรียนดำเนินการอะไรไปบ้าง และบอกว่าถ้าใครมีข้อมูลก็สามารถมาบอกได้ ซึ่งบรรยากาศของโรงเรียนในวันนี้ก็มีการเรียนการสอนก็เป็นไปอย่างปกติ

      “ครูชายคนนี้มาบรรจุที่โรงเรียนสวนกุหลาบฯ ประมาณ 2 ปี 4 เดือน พฤติกรรมโดยทั่วไปก็เป็นคนที่เรียบร้อย จัดการเรียนการสอนได้อย่างดี และไม่เคยกระทำอะไรที่สร้างความเสียหายกับทางราชการ ซึ่งจากนี้กระบวนการต่าง ๆ ก็เป็นไปตามขั้นตอน อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวมองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเครื่องเตือน เพื่อนครูด้วยกันได้ว่าการเป็นครูต้องมีคุณธรรม จริยธรรม และมีสติตลอดเวลา และต้องประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีของนักเรียน และเชื่อว่าเหตุการณ์นี้ไม่กระต่อชื่อเสียงของโรงเรียน เพราะเป็นเรื่องส่วนบุคคล”นายอำนวย กล่าว

      ขณะที่ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ได้รับรายงานจาก เลขาธิการ กพฐ.แล้ว ซึ่งได้กำชับให้เร่งดำเนินการสอบสวน หากผิดจริงก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน ส่วนการเพิกถอนใบอนุญาตฯ ให้เป็นไปตามระเบียบของคุรุสภา