
ไม่จ่าย 20 บาทไม่ให้ออกจากตลาดสด
เปิดซองส่องไทย : ไม่จ่าย 20 บาทไม่ให้ออกจากตลาดสด
ผมเดินทางไปซื้อของที่ตลาดสดเทศบาลภูเก็ต 1 ในช่วงเวลาประมาณเที่ยงๆ และจอดรถยนต์ไว้หน้าตลาดสดเทศบาลประมาณ 5 นาที ตอนกลับจะนำรถออกจากตลาดสด มีเจ้าหน้าที่เข้ามาเรียกเก็บค่าจอดรถของผม โดยบอกว่าคิดค่าจอดคันละ 20 บาท คนที่เข้ามาเก็บค่าจอดรถของผมแต่งเครื่องแบบชุดสีกากีแขนยาว เหมือนชุดข้าราชการ
และเจ้าหน้าที่คนนี้ก็บอกว่าถ้าไม่จ่าย 20 บาท ก็จะไม่ยอมให้ผมนำรถออกมาจากที่จอดรถ ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงต้องมาเก็บค่าที่จอดรถด้วย ทั้งๆ ที่ผมเป็นคนมาซื้อของที่ตลาดสดของเทศบาล ซึ่งก็ไม่เคยเห็นที่ไหนเขาเรียกเก็บเงินกัน และก็ไม่มีการออกใบเสร็จค่าจอดรถให้แต่อย่างใด
ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของเทศบาลหรือไม่ หรือเป็นเจ้าหน้าที่ของตลาดสดแห่งนี้ จึงไปลองสอบถามกับคนในพื้นที่และหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตเพื่อคลายความสงสัยจากการเรียกเก็บเงินนี้เพิ่มเติม แต่ก็ได้รับข้อมูลเพียงว่าเมื่อก่อนยังไม่มีการเรียกเก็บค่าจอดรถ ต่อมาก็มีการเรียกเก็บจากทางเทศบาล ซึ่งจริงๆ แล้วก็ไม่ใช่จำนวนเงินที่มากมายนัก แต่ถ้าวันๆ หนึ่งเก็บหลายๆ รายก็เป็นจำนวนเงินที่เยอะเหมือนกัน และก็ไม่ทราบว่าเงินที่เก็บไปนี้เข้าไปอยู่ในกระเป๋าของใคร ซึ่งในบางวันก็จะมีกลุ่มวัยรุ่นแต่งชุดธรรมดา คือชุดอยู่บ้าน มาเรียกเก็บค่าจอดรถนี้ด้วย จึงเกิดความสงสัยว่าทำไมเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวจึงเรียกเก็บเงินจากชาวบ้านที่เข้ามาจอดรถได้ และอยากให้ลุงแจ่มช่วยสอบถามไปยังนายกเทศบาลภูเก็ตให้หน่อยว่าเงิน 20 บาทนั้นแพงไปหรือเปล่า
พีระวัตร
ตอบ
นายกวี ตันสุคตานนท์ รองนายกเทศมนตรี เทศบาลนครภูเก็ต ชี้แจงว่า ตามที่ผู้ร้องเรียนเรื่องการจัดเก็บค่าจอดรถหน้าเทศบาลภูเก็ต นั้น ขอชี้แจงเป็นข้อๆ ดังนี้
1.กรณีที่ผู้ร้องไปซื้อของตลาดสดเทศบาลภูเก็ต 1 ในช่วงเวลาประมาณเที่ยงจอดรถยนต์หน้าตลาดสดเทศบาลประมาณ 5 นาที เจ้าหน้าที่เก็บค่าจอดรถคันละ 20 บาท โดยไม่ออกใบเสร็จรับเงิน จากการตรวจสอบภาพถ่ายบริเวณดังกล่าวเป็นถนนติลกอุทิศ 2 ซึ่งใกล้เคียงกับตลาดสาธารณะ 2 (ตลาดเกษตร) บุคคลในภาพเป็นพนักงานจ้างทั่วไป ตำแหน่งเจ้าหน้าที่จัดเก็บค่าธรรมเนียมจอดยานยนต์ ของสำนักการคลัง หัวหน้างานและผู้บังคับบัญชาได้เรียกเจ้าตัวมาสอบถามในเบื้องต้นแล้ว เจ้าตัวยังปฏิเสธเรื่องการรับเงิน 20 บาท โดยไม่ออกใบเสร็จรับเงิน ในเรื่องนี้เทศบาลจะดำเนินการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงเพื่อพิจารณาโทษทางวินัย เนื่องจากตามเทศบัญญัติการจัดเก็บค่าธรรมเนียมจอดยานยนต์ เทศบาลนครภูเก็ต พ.ศ.2527 และแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2 พ.ศ.2552 กำหนดอัตราการจัดเก็บค่าธรรมเนียมจอดยานยนต์ไว้ ดังนี้
รถจักรยานยนต์ ชั่วโมงแรก 1 บาท ชั่วโมงต่อไป 2 บาท
รถสามล้อพ่วง ชั่วโมงแรก 3 บาท ชั่วโมงต่อไป 5 บาท
รถยนต์ขนาดไม่เกิน 4 ล้อ ชั่วโมงแรก 5 บาท ชั่วโมงต่อไป 10 บาท
รถยนต์ขนาด 6 ล้อ ชั่วโมงแรก 20 บาท ชั่วโมงต่อไป 30 บาท
เศษของชั่วโมงให้คิดเป็น 1 ชั่วโมง
และบังคับใช้ในถนนสายต่างๆ ในเขตเทศบาลนครภูเก็ต จำนวน 20 สาย ประกอบด้วย ถนนเยาวราช ถนนบางกอก ถนนระนอง ถนนภูเก็ต ถนนรัษฎา ถนนพังงา ซอยประดิษฐ์ ถนนตะกั่วป่า ถนนมนตรี ถนนสุทัศน์ ถนนถลาง ถนนกระบี่ ถนนเทพกระษัตรี ถนนดีบุก ซอยสุรินทร์ ถนนอ๋องซิมผ่าย ถนนติลกอุทิศ 1 ถนนติลกอุทิศ 2 ถนนถาวรว่องวงศ์ ถนนชนะเจริญ
โดยกำหนดระยะเวลาในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่จัดเก็บค่าธรรมเนียมจอดยานยนต์เป็น 2 รอบ คือ รอบเช้าปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่เวลา 07.00-12.30 น. รอบบ่ายปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่เวลา 12.30-18.00 น.
2.กรณีบางวันมีกลุ่มวัยรุ่นแต่งชุดธรรมดามาเก็บเงินค่าจอดรถด้วยนี้ เรื่องนี้เกิดขึ้นบริเวณตลาดสาธารณะ 2 เช่นกัน บริเวณถนนอ๋องซิมผ่าย ถนนติลกอุทิศ 1 หรือบริเวณห้างโรบินสันภูเก็ต จะมีบุคคลไร้อาชีพเข้ามาปฏิบัติการโบกรถเข้าออกให้ผู้ใช้บริการของห้างโรบินสัน และเรียกเก็บเงินผู้ที่ใช้บริการจอดรถบริเวณดังกล่าว เจ้าของรถต้องจ่ายเงินเนื่องจากเกรงกลัวจะมีการขูดขีดรถให้เสียหาย ทางนายกเทศมนตรีเป็นกังวลและห่วงใยในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน จึงประชุมผู้บริหาร โดยสั่งการให้กำหนดแนวทางป้องกันและรักษาประโยชน์ของประชาชน เช่น การกำชับเจ้าหน้าที่เทศกิจเข้าไปสังเกตการณ์ และให้รถสายตรวจเทศกิจเข้าไปป้องปราม และเมื่อประสบเหตุให้ดำเนินการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าดำเนินการให้ทันท่วงที
3.จากการตรวจสอบพื้นที่บริเวณตลาดสาธารณะ 1 ถนนระนอง ไม่มีเหตุการณ์ตามที่ผู้ร้องกล่าวถึง
ทุกๆ กรณีที่เกิดเหตุการณ์ที่มีผลกระทบกับประชาชนทั่วไป ทางนายกเทศมนตรีนครภูเก็ตได้ให้ความสำคัญมาก โดยเฉพาะในเรื่องของความไม่สุจริต แม้เงินเล็กน้อย เนื่องจากนครภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีอัตลักษณ์ความเป็นตัวตนคนภูเก็ตค่อนข้างสูง ทั้งในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต อัธยาศัยไมตรีต่อผู้มาเยือน ด้วยนโยบายสร้างนครภูเก็ตเป็นนครแห่งการสร้างสรรค์และน่าอยู่อย่างยั่งยืน เทศบาลจึงขอขอบคุณคอลัมน์ลุงแจ่มที่ช่วยดูแลปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในนครภูเก็ต