
ฝ้า กระ จุดด่างดำ รักษาได้ด้วยสมุนไพรไทย
ดูแลสุขภาพ : ฝ้า กระ จุดด่างดำ รักษาได้ด้วยสมุนไพรไทย
ฝ้า กระ จุดด่างดำบนใบหน้า มีสาเหตุหลักมาจากรังสีอัลตราไวโอเลตหรือรังสียูวีในแสงแดด ซึ่งนับเป็นปัญหาที่กวนใจทั้งสาวๆ และหนุ่มๆ เป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะมีเทคโนโลยีทางการรักษาต่างๆ ที่สามารถนำมาใช้แก้ปัญหาได้เป็นอย่างดี แต่หากเราสามารถป้องกันและแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ด้วยตัวเอง ก็ย่อมดีกว่าอย่างแน่นอน
ฝ้า (Melasma) มาจากคำว่า melas ในภาษากรีก ซึ่งแปลว่า สีดำ เป็นภาวะที่ผิวหนังมีเม็ดสีหรือ เมลานินมากขึ้น เนื่องจากเซลล์สร้างเม็ดสีเพิ่มจำนวนและทำงานมากขึ้น หากมีขอบเขตชัดเจน แสดงว่าฝ้าเกิดในชั้นผิวหนังตื้นๆ มักมีสีน้ำตาลอ่อนหรือเข้ม ตอบสนองต่อการรักษาได้ดี แต่ถ้าขอบเขตไม่ชัดเจน เบลอๆ แสดงว่าฝ้าเกิดในชั้นผิวหนังที่ลึกลงไป ซึ่งชนิดนี้จะรักษายาก เนื่องจากเม็ดสีเมลานินอยู่ในระดับที่ลึกมาก
วิธีการที่ดีที่สุดในการรักษาฝ้า คือ การดูแลผิวและร่างกายอย่างเป็นองค์รวมเป็น โดยปฏิบัติตามแนวทางต่อไปนี้
1.พุ่งเป้าหมายไปที่เม็ดสีเมลานินโดยยับยั้งการผลิตหรือการทำงานของเม็ดสีเมลานิน และเพิ่มการทำลายเม็ดสีเมลานิน
2.ฟื้นฟูดูแลผิวหน้าอย่าให้กลับมาเป็นซ้ำ โดยรักษาความชุ่มชื้นของผิวหน้าด้วยการดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอ พอกหน้าด้วยแตงกวาหรือมะเขือเทศเป็นประจำ ใช้ครีมบำรุง ใช้สมุนไพรในการดูแลผิวหน้าที่เหมาะสม
3.หลีกเลี่ยงหรือป้องกันแสงแดดที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดฝ้า เช่น ทาครีมกันแดด ใช้ร่มกันแสงยูวี
4.รับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผักใบเขียว มะขามป้อม สมอไทย อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินอี วิตามินเอ ไลโคปีน เป็นต้น
5.ดูแลการขับถ่ายให้เป็นปกติ
6.ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อให้เลือดลมดี
7.ดื่มยาต้มถ่ายน้ำเหลืองและบำรุงเลือด เช่น เถาวัลย์เปรียง ฝาง เป็นต้น
8.ดูแลอารมณ์จิตใจให้สงบ ผ่อนคลาย ไม่เครียด
๐ ส่วนสมุนไพรที่ใช้ในการรักษาฝ้า ได้แก่
ผักเบี้ยใหญ่ นำมาตำให้ละเอียด พอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออก ทำเป็นประจำ และแนะนำให้รับประทานผักเบี้ยใหญ่เป็นอาหารด้วย เพราะเป็นผักที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ลดการระคายเคือง ชะลอการแก่ของเซลล์ ช่วยสร้างคอลลาเจน ต้านริ้วรอย ป้องกันการทำลายของรังสี UVB ต่อผิวหนัง ยับยั้งการสร้างเม็ดสี ทำให้ผิวกระจ่างใส
เมล็ดบานเย็น ให้แกะเนื้อหุ้มเมล็ดออกมาใช้ขยี้ทาหน้า มีการค้นพบว่าสารในกลุ่มกรดไลโนเลอิก (Linoleic acid) เป็นทางเลือกใหม่ของการรักษาฝ้า สารนี้พบมากในเมล็ดบานเย็นและผักเบี้ยใหญ่ มีประสิทธิภาพดีและมีผลข้างเคียงน้อยมาก นอกจากมีฤทธิ์ยับยั้งการผลิตเม็ดสีเมลานินแล้ว ยังสามารถทำลายเม็ดสีเหล่านี้อีกด้วย ช่วยผลัดเซลล์ผิวให้เป็นปกติ ทำให้ฝ้าจางลง
มะขามเปียก ซึ่งมีกรด AHA จากธรรมชาติ ทำให้ฝ้าจาง ลดการสร้างเม็ดสี ช่วยให้ผลัดเซลล์ผิว ผิวเนียนสวย โดยมีวิธีใช้ คือ ให้นำเนื้อมะขามเปียกมาขยี้ผสมกับน้ำเล็กน้อยให้เข้ากัน แล้วนำมาพอกทาทั่วบริเวณใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด หรือนำเนื้อมะขามเปียกมาขยี้กับน้ำผึ้งเล็กน้อยให้เข้ากัน แล้วนำมาพอกผิวหน้าหรือทาตามส่วนต่างๆ ที่ต้องการให้ทั่ว (ควรล้างหน้าให้สะอาดก่อนทาทุกครั้ง)
มะขามป้อม มีสาร Emblicanin ช่วยต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มความยืดหยุ่นและลดริ้วรอย ในสมัยก่อนมีการใช้มะขามป้อมในการรักษาฝ้า โดยการนำผลมาฝนกับน้ำซาวข้าว แล้วนำส่วนที่นอนก้นมาทาหน้าทิ้งไว้ก่อนนอน แล้วล้างออกในตอนเช้าเป็นประจำ
ใบฝรั่ง มีเคอร์ซิตินลดการสร้างเม็ดสี ต้านอนุมูลอิสระ โดยวิธีใช้ คือ ให้นำใบฝรั่งมาขยี้กับน้ำให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำมาพอกทาผิวหน้าบ่อยๆ สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง (ควรล้างหน้าให้สะอาดก่อนทาทุกครั้ง)
หัวกลอย ให้นำมาฝนให้ข้น แล้วผสมกับน้ำเล็กน้อย จากนั้นบีบน้ำมะนาวประมาณ 2-3 หยด คนให้เข้ากัน ทาให้ทั่วใบหน้า หรือเฉพาะบริเวณที่ต้องการ ทิ้งไว้ประมาณ 15-30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ช่วยรักษาสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ ขจัดสิวเสี้ยน ทำให้ผิวหน้าขาวกระจ่างใส เต่งตึง
ใบมะหวด วิธีการใช้ คือ ล้างหน้าให้สะอาด นำใบมะหวดมาขยี้กับน้ำให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำมาพอกทาผิวหน้าบ่อยๆ สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง
ดู่ทุ่ง ให้นำหัวฝนกับน้ำหรือน้ำมะนาว ทาบริเวณใบหน้าบ่อยๆ
ตาลเดี่ยว ให้นำหัวมาฝนกับน้ำ ทาหน้า
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร
โทร. 0-3721-1289
-----------------