
“อุ๊งอิ๊ง”วัยแรง! ลูกไม้ใต้ต้น“ชินวัตร”
“อุ๊งอิ๊ง”วัยแรง! ลูกไม้ใต้ต้น“ชินวัตร”
ถึงแม้ “ลบโพสต์” กรณีวอยซ์ทีวีถูก กสท.สั่งปิด 7 วัน ไปภายในไม่กี่ชั่วโมงแล้วก็ตาม แต่ดูเหมือนคนโพสต์ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ได้สมประสงค์ตามที่อยากสื่อไปเรียบร้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางฝ่ายที่ถูกโพสต์เหน็บ อย่าง พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ออกมาตอบคำถามประเด็นดังกล่าวอีกต่างหาก
แต่ “ประเด็นร้อน” จากการโพสต์ผ่านโซเชียลของอุ๊งอิ๊งไม่ใช่ครั้งแรก ทว่าเกิดขึ้นมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ไม่รู้ว่าโพสต์ไปตามอารมณ์หรือวางสคริปท์ไว้อย่างดีแบบหวังผลกันแน่
“อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ลูกสาวคนเล็กของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร กับคุณหญิงพจมาน อายุห่างจากพี่ชายคนโต พานทองแท้ 7 ปี และพี่สาว “เอม” พินทองทา 4 ปี มีดีกรีความเก่ง-แกร่งพอตัว เรียนจบจากโรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ และโรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย จากนั้นได้ศึกษาต่อที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ และปริญญาโทด้านอินเตอร์เนชั่นแนล โฮเทลแมเนจเมนต์ จากยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ เซอร์เรย์ ประเทศอังกฤษ ก่อนเข้าทำงานที่ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น ในตำแหน่งกรรมการบริษัท
ชีวิตอุ๊งอิ๊งอยู่บนความเปลี่ยนแปลงมาตลอดนับแต่ครอบครัวเดินเข้าสู่การเมือง อายุ 15 ปี เป็นลูกสาวนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 เมื่อผู้เป็นพ่อชนะการเลือกตั้ง แต่แล้วเพียง 5 ปี ชีวิตก็พบกับความพลิกผันครั้งใหญ่ เมื่อเกิดเหตุการณ์รัฐประหารในปี 2549 ทำให้สถานภาพทางสังคมเปลี่ยนไปและต้องรับความกดดันจากทุกด้านด้วยวัยเพียง 20 ปี แต่ต่อมาก็กลายเป็นหลานสาวนายกรัฐมนตรีคนที่ 28-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
อุ๊งอิ๊งฉลองวันเกิดครบ 30 ปี เต็มเมื่อเดือนสิงหาคม 2559 ที่ผ่านมา ในทางสังคมอุ๊งอิ๊งกลายเป็นผู้ใหญ่เพียงข้ามคืน แต่เมื่ออยู่กับพ่อกับแม่ (โดยเฉพาะกับพ่อ) เธอจะกลายเป็นเด็กขี้อ้อนตัวน้อยของพ่อไปทันที ดังภาพที่เธอได้นำมาโพสต์ผ่านโซเชียลบ่อยครั้ง ยืนยันถึงความรักความผูกพันในครอบครัวที่เหนียวแน่น โดยที่ระยะทางไกลไม่ได้เป็นอุปสรรคใดๆ กว่า 10 ปีที่ผ่านมา ทำให้ประเทศไทยได้ติดตามภาพชีวิตของครอบครัว “ชินวัตร” อย่างต่อเนื่อง
ในด้านธุรกิจ นอกจากจับมือกับ “เอม” พินทองทา พี่สาว เปิดร้านทำเล็บสุดไฮโซ ที่สยามพารากอน ชื่อ “The sisters nails” แล้ว ยังเป็นผู้บริหารรุ่นใหม่คนสำคัญในการสานต่อธุรกิจของตระกูล “ชินวัตร” ในฐานะผู้ถือหุ้นอันดับ 1 บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น และกรรมการมูลนิธิไทยคม อีกด้วย
เส้นทางนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์แม้ยาก แต่เนื่องจากได้เรียนรู้งานจาก “อาปู” (ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) โดยตรง จึงทำให้เข้าใจมากขึ้น ยิ่งมีนิสัยชีพจรลงเท้าเดินทางไปเปิดหูเปิดตาในหลายประเทศ จึงนำประสบการณ์แปลกใหม่มาพัฒนาโครงการศูนย์การค้าให้ก้าวหน้าต่อไป โดยเฉพาะ “คอมมิวนิตี้มอลล์” ที่เป็นอีกธุรกิจในฝัน
มากกว่านั้นคือมีที่ปรึกษาดีอย่างอดีตนายกฯ ทักษิณ ที่คอยเคียงข้างลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนคนนี้มาตลอด
"...อย่าไปกลัว ถ้าไม่รู้อะไรก็ให้ถาม วันนี้เราโง่ วันหน้าเราก็ฉลาดได้ แต่ต้องขยันถาม ขยันเรียนรู้เพิ่มเติมตลอดเวลา ความสำเร็จจะต้องเป็นของเราสักวันหนึ่ง...” อุ๊งอิ๊งเผยถึง “คาถาที่พ่อให้ไว้” แม้กระทั่งทุกวันนี้ ถ้าหากติดๆ ขัดๆ อะไร ในห้องประชุมก็ยังเปิด “วิดีโอคอนเฟอเรนซ์” ประชุมข้ามประเทศกันบ่อยครั้ง
ไม่เพียงเป็นทายาทสานต่องานในตระกูล “ชินวัตร” เท่านั้น แต่อุ๊งอิ๊ง ยังเป็นเหมือน “กระบอกเสียง” และหน่วย “ประชาสัมพันธ์” ให้แก่ครอบครัวอีกด้วย โดยสื่อสารเรื่องราวและความคิดต่างๆ อย่างต่อเนื่อง นอกเหนือไปจากที่อดีตนายกฯ ได้โพสต์ด้วยตนเอง จากเดิมที่เป็นพี่ชายพี่สาว “โอ๊ค” พานทองแท้ และ “เอม” พินทองทา ที่ระยะหลังนี้ลดดีกรีความแรงลงส่งต่อให้น้องสาวคนเล็กแทน
อุ๊งอิ๊งเป็นลูกสาวที่น่ารัก เป็นน้องสาวที่น่าเอ็นดูของพี่สาวพี่ชาย และเป็นคุณอาที่ใจดีของหลานเอมิ, นานิ และวาคิณ แต่เป็น “แม่เสือ” สำหรับคนอีกกลุ่มหนึ่ง
สมัยที่ กปปส.ชุมนุมกัน อุ๊งอิ๊งก็โพสต์ภาพน้องหมาใส่แว่นเป่านกหวีดพร้อมข้อความสั้นๆ หรือ 3 ปีที่แล้วก็มีโพสต์รูปการ์ตูน “ควายแดง” พร้อมตาชั่งตุลาการที่เอียงไปข้างหนึ่ง ซึ่งแต่ละโพสต์นั้นได้รับความสนใจกันอย่างล้มหลาม
จึงไม่น่าแปลกใจที่ครั้งหนึ่งจะมีดราม่าบนฟ้ากันเลยทีเดียว นั่นคือพนักงานบนเครื่องสายการบินหนึ่งโพสต์ผ่านโซเชียลถึงความรู้สึกต่อคนตระกูลชินวัตรด้วยความหมั่นไส้และเกลียดชัง เมื่อครั้งที่อุ๊งอิ๊งโดยสารไปพบพ่อที่ฮ่องกง จนกลายเป็นดราม่าไปหลายวัน ก่อนที่อุ๊งอิ๊งจะโพสต์ภายหลังถึงแม้มีคำว่า “ขอโทษ” แต่ก็มากด้วยความหมายที่แต่ละฝ่ายต่างตีความไปต่างๆ นานา
แต่อุ๊งอิ๊งยังคงอาศัยโซเชียลเป็นช่องทางในการสื่อสารเรื่อยมา โดยเฉพาะปีที่แล้ว 2559 ที่มีกระแสข่าวเกี่ยวกับตระกูลชินวัตรอย่างต่อเนื่อง เรื่องหนึ่งคือ คุณอาของเธอถูก คสช.เรียกร้องความเสียหาย 3.5 หมื่นล้านบาท กระทั่งเธอโพสต์ภาพทำงานและใช้คำว่า “ปล้น” ส่วนอีกเรื่องคือ กระแสข่าวพ่อเสียชีวิต ทำให้เธอต้องโพสต์สยบข่าวลือทันทีว่ายังมีชีวิตอยู่และทำอะไรอยู่
มากกว่านั้นคือ ในห้วงแห่งความแสดงความจงรักภักดี 14 ตุลาคม 2559 อุ๊งอิ๊งยังได้โพสต์ถึงความจงรักภักดีของครอบครัวชินวัตรที่มีต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 อีกด้วย
“พ่อเคยซื้อ necktie ถวายในหลวง วันที่เข้าเฝ้าท่าน ท่านได้ใส่ ncektie เส้นนั้นมาเจอพ่อ พ่อเอากลับมาเล่าให้ที่บ้านฟังว่าดีใจจนเกือบกลั้นน้ำตาไม่ไหว ครอบครัวเรารักท่านมาทั้งชีวิต คนที่บอกเราไม่จงรักภักดีเพราะมันรู้ว่าในหลวงคือหัวใจของคนไทยเลยแต่งเรื่องนี้มาว่าเรา รู้บ้างมั้ยว่า เรารักท่านแค่ไหน...” ภายหลังยังได้ตอบกรณีดราม่าเรื่องการแต่งชุดดำไว้ทุกข์ “...เปิดใจให้กว้าง อย่ามัวแต่ไปจับผิดคนอื่น”
อย่างไรก็ดี ต่อจากนั้น ทางอุ๊งอิ๊งยังได้ร่วมทำความดีเพื่อในหลวง แจกอาหารและสิ่งของให้ประชาชนที่มาถวายสักการะพระบรมศพอีกด้วย
หากไม่นับกระแสการเมืองแล้ว ไอจีและเฟซบุ๊กของอุ๊งอิ๊งถือว่าอบอวลด้วยบรรยากาศความรักความอบอุ่นในครอบครัวเป็นอย่างมาก ทุกช่วงเทศกาลพ่อลูกผูกพันเดินทางไปพบหน้ากันตลอด ทำให้คนที่ติดตามได้เห็นอีกมุมหนึ่งของอดีตนายกฯ ในบทบาทของ “คุณตา” ผู้ใจดี ที่เวลานี้ “เอม” พินทองทา มีหลานน่ารักให้ถึง 3 คนแล้ว
แต่ “ความในใจ” ลึกๆ เป็นอย่างไร โลกโซเชียลทั้งใบ ไม่อาจปิดมิด
ที่สุดเหตุการณ์ 31 มีนาคม จึงเกิดขึ้น และน่าจะเกิดขึ้นต่อไป!!
“ชีวิตอุ๊งอิ๊งอยู่บนความเปลี่ยนแปลงมาตลอดนับแต่ครอบครัวเดินเข้าสู่การเมือง อายุ 15 ปี เป็นลูกสาวนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 แต่แล้วเพียง 5 ปีต่อมา ชีวิตก็พบกับความพลิกผันครั้งใหญ่ เมื่อเกิดรัฐประหารในปี 2549 ทำให้สถานภาพทางสังคมเปลี่ยนไปและต้องรับความกดดันจากทุกด้านด้วยวัยเพียง 20 ปี แต่ต่อมาก็กลายเป็นหลานสาวนายกรัฐมนตรีคนที่ 28-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”