ปณิธาน 3 ประการท่านพุทธทาส
สร้างสุขภายในใจไร้ความขัดแย้ง โดย - มนสิกุล โอวาทเภสัชช์
111 ปีชาตกาลท่านพุทธทาสภิกขุ มาบรรจบในวันที่ 27 พฤษภาคม 2560 นี้แล้ว ปณิธาน 3 ประการที่ท่านอาจารย์พุทธทาสได้ฝากไว้คือ 1.ให้พุทธศาสนิกชน หรือศาสนิกแห่งศาสนาใดก็ตาม เข้าถึงความหมายอันลึกซึ้งที่สุดแห่งศาสนาของตน 2.ทำความเข้าใจอันดีระหว่างศาสนา และข้อ 3.ดึงเพื่อนมนุษย์ให้ออกมาเสียจากวัตถุนิยม มีการสานต่อกันอย่างไรบ้าง และควรนำให้เกิดมีต่อไปอย่างไร
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต จ.ชัยภูมิ อธิบายให้เห็นความสำคัญของปณิธาน 3 ประการของท่านอาจารย์พุทธทาสว่า มีความสำคัญมาก ถ้าเราไม่เข้าใจอย่างลึกซึ้งในศาสนาที่เรานับถือ เราก็ตกเป็นทาสของบริโภคนิยม และคิดว่า ความสุขจะได้มาซึ่งการเสพวัตถุ ก็ทำให้เกิดการแก่งแย่งกัน
ท่านกล่าวว่า ตอนนี้สังคมไทยและสังคมโลก กำลังถูกครอบงำด้วยวัฒนธรรมสองอย่างคือ 1.วัฒนธรรมแห่งความโกรธเกลียด และ 2.วัฒนธรรมแห่งความละโมบ
“ความโกรธเกลียด ทำให้สามารถจะฆ่ากันได้ เป็นกันทั่วโลก ประเทศไทยก็ถูกครอบงำด้วยวัฒนธรรมเช่นนี้เหมือนกัน และวัฒนธรรมของความละโมบ มาในรูปของบริโภคนิยม ถ้าคนเราเข้าถึงหัวใจของศาสนาที่ตนเองนับถือ เช่น ถ้าเป็นชาวพุทธเราก็จะเห็นทุกคนเป็นเพื่อน เราก็จะไม่ยึดมั่นถือมั่นเรียกว่า ทิฏฐุปาทาน หรือความยึดมั่นถือมั่นในทิฏฐิ คือ ยึดมั่นในความเห็น ความเชื่อ ความคิด หรือในทฤษฎีของตัวของตน เราจะมีความเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน แล้วก็หัวเราะเยาะตัวเองได้"
“หัวเราะเยาะอัตตาที่มันมาล่อให้เราโกรธเกลียดกัน แล้วก็รู้ทันความโลภ ปฏิบัติจนเกิดความสุขภายใน การที่จะไปหลงใหลในบริโภคนิยมก็ทำอะไรเราไม่ได้ เพราะใจเราเป็นอิสระ ใจเรามีความสุข คนเดี๋ยวนี้เป็นทาสวัตถุ ไม่มีความสุขภายใน ข้างในจิตใจว่างเปล่า แล้วก็เติมอะไรให้เต็มข้างใน ทำให้ไม่มีความสุข เพราะจริงๆ แล้วการไม่มีความสุข คือไม่มีความสงบภายใน
“ถ้าเราเข้าถึงหัวใจของศาสนาของตน เราจะโกรธเกลียดกันน้อยลง แล้วก็เข้าใจเพื่อนต่างศาสนามากขึ้น"
“ในข้อที่ 3 คือ นำเราออกจากวัตถุนิยม ทั้งสามข้อนี้ไปด้วยกัน ถ้าเราเข้าถึงหัวใจของพระพุทธศาสนา ด้วยจิตใจ เราจะหัวเราะเยาะกิเลสได้ หัวเราะเยาะวัตถุนิยมได้ แล้วเราจะเห็นเพื่อนต่างศาสนาเป็นมิตร และการที่เราเข้าใจซึ่งกันและกันถือว่าเป็นความร่วมมือกันเพื่อดึงคนออกจากวัตถุนิยม
“เพราะทุกศาสนา ศัตรูร่วมกันคือกิเลส คือวัตถุนิยม ภัยของพระพุทธศาสนา ไม่ใช่ศาสนาอื่น และภัยของมุสลิมก็ไม่ใช่ศาสนาอื่น แต่ภัยของทุกศาสนาคือ บริโภคนิยม วัตถุนิยม ซึ่งก็คือ กิเลส นั่นเอง เราเข้าใจผิดในการไปสู้กับศาสนาอื่น แต่กลับให้บริโภคนิยม วัตถุนิยมเข้ามาครอบงำจิตใจเรา กลืนกินจิตใจเรา จึงเกิดปัญหาพระมีเรื่องอื้อฉาว เรื่องเงินทอง เรื่องผู้หญิง ฯลฯ ก็เพราะเรามัวแต่ไปมองว่า ภัยอยู่ข้างนอก แต่ลืมไปว่า วัตถุนิยมที่ครอบงำจิตใจ ตอนนี้มันรุนแรงมาก
“ตอนนี้จึงต้องมีภูมิคุ้มกัน คือ การมีปัญญา การมีสติ ที่จะคุ้มครองจิตใจเราจนเกิดความสุขสงบภายในใจ ถ้าเรามีความสงบสุขภายในใจแล้ว บริโภคนิยมจะทำอะไรใจเราไม่ได้ เพราะบริโภคนิยมบอกว่า ถ้าเราเสพมาก เราจะมีความสุขมาก แต่ความจริงคือ ถ้าเราเสพมาก เราจะมีความทุกข์มาก มีความกังวลมาก แต่ถ้าเรามีความสงบสุขภายในใจ เราจะเป็นอิสระจากวัตถุนิยม”
เหตุการณ์ระเบิดที่ผ่านมา จะนำปัญญาจากท่านพุทธทาส และหนทางแห่งพระพุทธองค์มาพิจารณาและหาทางออกอย่างไร
พระอาจารย์ไพศาลตอบว่า ระเบิดที่น่ากลัวที่สุดคือ ระเบิดในใจ ท่านติช นัท ฮันห์ พระเถระนิกายเซน ชาวเวียดนามบอกว่า คนทุกคนคือระเบิดที่ยังไม่ถอดสลัก นั่นคือ อะไร
“คือ ความโกรธ ความกลัว ความโลภก็ทำให้เราฆ่ากันได้ ความแตกต่างทางอุดมการณ์ ก็ทำให้ฆ่ากันได้ ถ้าเราถอดสลักภายในด้วยธรรมะ ด้วยสติ ด้วยปัญญา เราแต่ละคนก็จะไม่ใช่ระเบิดที่ยังไม่ได้ถอดสลักอีกต่อไป แต่จะกลับเป็นน้ำเย็นที่จะไปช่วยดับความรุ่มร้อนในจิตใจของคนได้ เปลี่ยนตัวเรา จากระเบิด ให้กลายเป็น...ไม่ใช่แค่ดอกไม้ แต่เป็นลำธารใสเย็น ที่จะทำให้ไฟแห่งความโกรธเกลียดชังมอดดับลง หรือระเบิดนั้นด้านลง”
นั่นคือ เหตุผลของปณิธาน 3 ประการของท่านอาจารย์พุทธทาส ที่นำมาปฏิบัติได้จริงในวันที่จิตใจคนรุ่มร้อนไปด้วยไฟทั้งสามกอง คือ ไฟราคะ ไฟโทสะ และไฟโมหะ
การอาริยบูชาท่านพุทธทาสที่ดีที่สุดก็คือ การกลับมาทบทวนตนเองว่าเราได้เข้าถึงศาสนาที่เรานับถือแล้วหรือยัง !