(คลิป) แก้หนี้“ครู”จากพ่อแม่ส่งลูกเรียนต้องทำไง
ครู“กนกพิชญ์ พันธุ์เขตกิต”เป็นหนี้เพราะรับผิดชอบต่อจากพ่อแม่ที่ส่งลูกเรียนหนังสือ วันนี้ได้รับการแก้หนี้วิกฤต ชีวิตมีความสุขพอเพียงสอนหนังสือนักเรียนได่้เต็มที่
“ปี2542-2556 เป็นช่วงที่ลำบากที่สุด จากปัญหาในชีวิตครอบครัวเกิดภาระหนี้ที่กู้ไปลงทุน และมีหนี้ที่รับผิดชอบต่อจากพ่อแม่ที่เกิดจากการส่งเสียลูกเรียนหนังสือ เราเป็นพี่สาวคนโตที่มีหน้าที่การงานมั่นคงที่สุดในบ้านก็ต้องเป็นหลักแก่ครอบครัว ที่ผ่านมาก็พยายามดิ้นรน ทำเกษตรกรรมร่วมกับน้อง เพื่อจะเป็นรายได้เสริมมีเงินใช้หนี้ ทุกเดือนมีหนี้ต้องจ่ายกว่า 40,000 บาท ขณะที่เงินเดือน 30,000 บาทต้นๆ ยังมีรายจ่ายอื่นๆ ชีวิตติดลบเดือนละกว่า 20,000 บาททุกเดือน แต่จากนี้ไม่มีอีกแล้ว”
คำบอกเล่าของ ครูนก - กนกพิชญ์ พันธุ์เขตกิต ครูโรงเรียนผาเมืองวิทยาคม จ.เพชรบูรณ์ ผู้ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมโครงการจัดสวัสดิการเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินและพัฒนาคุณภาพชีวิต ของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาและผู้ปฏิบัติงานด้านการศึกษา ซึ่งเป็นสมาชิกโครงการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) และฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษากรณีคู่สมรส (ช.พ.ส.) รายแรกของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ในพื้นที่สำนักงานสกสค.เพชรบูรณ์ ระหว่างเปิดบ้านและพาชมพื้นที่ทำเกษตร 22 ไร่ แก่คณะผู้บริหาร สกสค.นำโดย นายโกศล ปราคำ ที่ปรึกษาเลขาธิการ สกสค.
ครูนก บอกว่า มีหนี้ทั้งหมด 6.5 ล้านบาทซึ่งเป็นหนี้ในระบบทั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ครู สหกรณ์ออมทรัพย์สามัญศึกษาเพชรบูรณ์ หนี้ธนาคารออมสินจากโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตครู โดยเมื่อราวกลางเดือนสิงหาคม ได้ลงนามในสัญญารวมหนี้ทั้งหมดมาไว้ที่สหกรณ์ออมทรัพย์สามัญศึกษาเพียงแห่งเดียว กำหนดผ่อนชำระ 16 ปีตกเดือนละประมาณ 31,250 บาท ปัจจุบันอายุ 45 ปีพออายุ 61 ปี หนี้สินที่มีก็สามารถชำระได้ทั้งหมด
หักเงินจ่ายหนี้แต่ละเดือนจะมีเงินเหลือ 10,000 บาท และมีรายได้เสริมจากการทำเกษตรแบบผสมผสานตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสทเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ปลูกผัก ผลไม้ เลี้ยงปลา ตรงนี้เป็นกงสีของครอบครัวทำร่วมกับน้องสาว ได้เงินมาอีกราว 7,000-10,000 บาทต่อเดือน รวมมีเงินเดือนละประมาณ 20,000 บาท แค่นี้พอเพียงแล้วกับครอบครัว ส่วนหนึ่งก็จะหักไว้เก็บออมเพื่ออนาคต
“มีเงินเหลือเท่านี้สำหรับพี่ก็พอแล้ว เพราะไม่ได้ฟุ้งเฟ้ออะไร เดินทางไปโรงเรียนก็ใช้รถมอเตอร์ไซค์ค่าน้ำมันก็ไม่ได้มาก อาหารการกินพืชผักก็ไม่ต้องซื้อ แบ่งจากที่ปลูกขายมากิน ข้าวก็ปลูกเอง ยกเว้นเนื้อหมู ช่วยประหยัดได้มาก สำคัญที่สุดคือรู้สึกสบายใจ ขวัญกำลังใจดีมาก ไม่มีภาวะเครียด สอนหนังสือเด็กๆเต็มที่ แต่ก่อนยอมรับว่าเรายิ้มแต่ใจเราทุกข์มาก ก็รู้สึกแย่ว่าจะดูแลเด็กๆได้ไม่เต็มที่ แต่เวลานี้พอไม่มีเรื่องทุกข์ ก็ทุ่มเทให้กับการสอน โดยเฉพาะยังนำประสบการณ์ชีวิตของตนเองมาถ่ายทอดเป็นตัวอย่างให้แก่เด็กๆ ให้เขารู้จักการออม ความประหยัด และยังปลูกฝังลูกทั้ง 2 คนด้วย”ครูนก กล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ครูนก ย้ำนักแน่นด้วยว่า หลังจากผ่านวิกฤตการเป็นหนี้อย่างหนัก และผู้ใหญ่เห็นความตั้งใจในการแก้ปัญหาและให้โอกาสจนได้รับคัดเลือกให้เข้าโครงการฯ จากนี้ก็จะไม่มีการกู้เงิน หรือมีภาระหนี้เพิ่มอีกแล้วแน่นอน.