ประโยชน์ของคอลลาเจน กาวชีวิต เพื่อผิวพรรณ
เติมคอลลาเจนให้กับชั้นผิว ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและยืดหยุ่นของคอลลาเจนที่ชั้นผิวหนัง, ทำให้ผิวพรรณกระชับใส มีความเรียบเนียน ต่อต้านการเกิดริ้วรอยก่อนวัย, เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบไหลเวียนโลหิต, ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินทำให้ผิวกระจ่างใสเมื่อทานต่อเนื่อง, ป้องกันการสูญเสียน้ำที่ชั้นผิว ทำให้ผิวชุ่มชื่นขึ้น นอกจากประโยชน์ด้านบำรุงและชะลอการเสื่อมตัวของผิวหนังยังมีประโยชน์ในเรื่องการบรรเทาอาการปวดจากโรคข้อกระดูก รักษาข้อเข้าเสื่อมได้อีกด้วย เพราะทำหน้าที่คล้ายกับตาข่ายที่คอยยึดให้แคลเซียมเกาะตัวเป็นกระดูกได้ดี, ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกระดูกป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุน มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม ช่วยบรรเทาอาการปวด ข้อต่อ ข้อเข่า
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยอีกชิ้น คอลลาเจน ช่วยบำรุงผมสวยได้อย่างไร? คอลลาเจนจะเข้าไปกระตุ้นให้ร่างกายผลิตโปรตีนไฟเบอร์มากขึ้น ซึ่งโปรตีนไฟเบอร์เหล่านี้คือส่วนประกอบของโครงสร้างเส้นผมนั่นเอง ช่วยทำให้เส้นผมของเราหนาขึ้น แข็งแรงสุขภาพดีไม่ขาดร่วงง่าย เส้นผมยังดกดำ เงางาม นุ่มลื่น มีน้ำหนัก
โครงสร้างและชนิด คอลลาเจน?
คอลลาเจน รากศัพท์มาจากภาษากรีก มีความหมายว่า “กาว” เป็น โปรตีนธรรมชาติในร่างกายชนิดหนึ่ง ในกลุ่มโปรตีนเส้นใย (Fibrous Protein) เป็นโครงสร้างหลักของ เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ลักษระเหนียวแต่ยืดไม่ได้ มีแรงต้าน แรงดึงสูงมาก มีปริมาณ 1 ใน 3 ของโปรตีนทั้งหมดที่มีอยู่ในร่างกาย มีหน้าที่? สร้างความแข็งแรงและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว ผนังของหลอดเลือด, ช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ยึดเหนี่ยวส่วนต่างๆ
ในร่างกาย, เป็นส่วนประกอบสำคัญของเยื่อกระจกตา เลนส์ตา เอ็น เนื้อเยื่อ และกระดูก จึงได้รับการขนานนามว่า “กาวแห่งชีวิต” เพราะทำหน้าที่เชื่อมเซลล์ในร่างกายเข้าด้วยกัน ช่วยป้องกันอวัยวะภายในร่างกายและเชื่อมอวัยวะต่างๆ ให้อยู่ด้วยกัน
ชนิดของคอลลาเจน แบ่งเป็น Type I พบที่ผิวหนัง เอ็น และกระดูก มีปริมาณมากที่สุด (ประมาณ 90% ของคอลลาเจนทั้งหมดในร่างกาย) Type II พบในกระดูกอ่อน วุ้นในตา Type III พบในผิวหนังที่เริ่มมีการสร้างใหม่ เช่น ผิวหนังที่เป็นแผลหลอดเลือด และอวัยวะภายใน Type V อยู่ในรูปโครงร่างตาข่าย เกิดขึ้นจากกระบวนการสร้างพอลิเมอร์ ทำให้เกิดเป็นชั้นปกคลุมผิวด้านนอกหรือบุผิวที่เป็นโพรง พบที่รากผม รก ผิวเซลล์
ประโยชน์ของคอลลาเจน ผิวหนัง สร้างความแข็งแรงและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว, ช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อใหม่, หลอดเลือด สร้างความยืดหยุ่นให้ผนังของหลอดเลือด, ตา ส่วนประกอบสำคัญที่อยู่ในเยื่อกระจกตาและเลนส์ตา เอ็น เนื้อเยื่อ และกระดูก ลดอาการของโรคข้อต่ออักเสบต่างๆ รวมถึงสามารถช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคข้อเสื่อมต่างๆ ปัจจุบันเราใกล้ชิดกับคอลลาเจนมาก เพียงแต่บางท่านอาจไม่สังเกตุ เพราะมีการใช้คอลลาเจนใน อุตสาหกรรมอาหาร ห่อไส้กรอก แทนลำไส้ของสัตว์, เยลลี่หรือขนมหวาน การแพทย์ แคปซุลบรรจุยา สารเคลือบเม็ดยา ผลิตวัสดุสังเคราะห์ที่ใช้ในการศัลยกรรม ดร.เครือวัลย์ ผู้เชี่ยวชาญกล่าวทิ้งท้าย
สาเหตุที่ต้องเติม “คอลลาเจน”
ร่างกายจะมีการผลิตคอลลาเจนน้อยลงตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น ในช่วงอายุ 20 ปีต้นๆ ผิวหนังของคนเราจะประกอบด้วยคอลลาเจนประมาณ 75% ตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไป ร่างกายจะลดการสร้างคอลลาเจนลง 1.5% เมื่ออายุ 40 ปี กระบวนการสร้างคอลลาเจนจะช้าลง 30% การเชื่อมต่อของเนื้อเยื่อในส่วนต่างๆ ของร่างกายอ่อนแอลง ผิวหนังเหี่ยวย่น มีริ้วรอย ขาดความยืดหยุ่น และบริเวณข้อต่อเริ่มไม่แข็งแรง ซึ่ง ปัจจัยที่ทำให้คอลลาเจนเสื่อมเร็วขึ้น รังสียูวีจากแสงแดด, การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน สารปนเปื้อนในอาหาร บุหรี่, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์, อนุมูลอิสระ ปัจจัยอื่นๆ เช่น โรคทางระบบภูมิคุ้มกัน
เราสามารถลดการสูญเสียคอลลาเจนได้
เริ่มจากตัวเองก่อน คือ การเลือกรับประทานอาหาร หลีกเลี่ยงอาหารที่ส่งผลให้ระดับอนุมูลอิสระในร่างกายเพิ่มสูง ได้แก่ อาหารที่มีน้ำตาลสูง อาหารปิ้งย่างและอาหารสำเร็จรูป, รับประทานอาหารที่อุดมด้วย Co-Enzyme Q เช่น ปลาแมคเคอเรล และวิตามินอี เช่น อัลมอนด์ ซึ่งมีคุณสมบัติยับยั้งความเสียหายและการสูญเสียคอลลาเจนที่เกิดจากอนุมูลอิสระ, เพิ่มการได้รับวิตามินซี จะช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ลดการเผชิญสารอนุมูลอิสระ, หลีกเลี่ยงมลพิษทางสิ่งแวดล้อม เช่น ฝุ่น ควัน สารเคมี ยาฆ่าแมลง และความเครียด ไม่สูบบุหรี่และเสี่ยงการสูดดมควันจากผู้อื่น ควันบุหรี่มีสารหลายชนิดที่ส่งผลให้คอลลาเจนถูกทำลาย, ป้องกันผิวจากแสงแดด และควรเลือกใช้ครีมกันแดดหรือเครื่องสำอางที่มี SPF, รังสียูวีในแสงแดดทำให้ปริมาณคอลลาเจนในผิวหนังลดลงโดยเพิ่มเอนไซม์ที่ทำลายคอลลาเจน
ทั้งนี้ ควรเลือกแบรนด์ที่เชื่อถือได้ มาจากแหล่งผลิตซึ่งเป็นโรงงานที่ได้มาตรฐานผ่าน GMP