เด่งได๋อ่ะ "หนู เซราะกราว" ผู้บ่าวนินจา?
ผลเลือกตั้งศึก 2 ขั้ว 2 พรรคใหญ่ ส่อเค้าจะเกิด "เดดล็อก" พรรคขนาดกลางเบ่งได้ 50 เสียง กลายเป็นตัวแปรสำคัญ "อนุทิน" อยากลั่นคำภาษาเขมร "เด่งได๋อ่ะ"
***********
นักวิเคราะห์บอก “ม้าทองคำ” มารับแล้ว “อนุทิน ชาญวีรกุล” เมื่อตัวเลข 51 ที่นั่งของพรรคภูมิใจไทยที่ได้มา ทำให้เขาถูกจับตามองว่าจะเป็น “ตัวแปร” ที่จะชี้ชะตาการเมืองไทยว่าขั้วไหนกันแน่ที่จะได้จัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ แต่หลายคนพูดตรงกันว่าคนอย่าง “เสี่ยหนู” ระดับเขาต้องเก้าอี้นายกฯ เท่านั้น
ถามว่าอนุทินไปทางไหน นาทีนี้แม้แต่เจ้าตัวอาจยังไม่เชื่อความคิดตัวเอง เขาถึงลั่นวาจาออกมาว่า “พรรคภูมิใจไทย จะไม่แสดงความเห็นทางการเมืองจนกว่า กกต.จะประกาศผลอย่างเป็นทางการ”
แต่ที่แน่ๆ จุดแข็งที่อนุทินมีนั่นแหละอาจเป็นตัวตัดสิน
หนูขึ้นแท่น
ถ้าดูจากตัวเลขซึ่งสองฝ่ายมีอยู่ตอนนี้ (ไม่นับรวม ส.ว. 250 เสียง) มันหมิ่นเหม่คาบเกี่ยวสูสี นั่นจึงแปลว่าถ้าเสี่ยหนูเลือกทางไหน ทางนั้นมีเฮ ได้จัดตั้งรัฐบาลแน่นอน
แต่เอาเข้าจริงๆ เรื่องราวมันไม่ง่ายขนาดนั้น เวลาหลังจากนี้จนถึงวันที่ 9 พฤษภาคม จึงสำคัญอย่างยิ่งที่คนไทยจะต้องจับตามอง ต่อให้ไม่เห็นกับตา แต่เชื่อแน่ว่าการพูดคุยจะต้องเกิดขึ้นมุมใดมุมหนึ่งในประเทศนี้
กระนั้นก็ดี สิ่งที่น่าจะสำคัญไม่แพ้กัน คือช่วงเวลาระหว่างนี้เองที่เสี่ยหนูจะได้แสดงตัวตนและฉายภาพของคนที่มีจุดแข็งเหนือกว่าแคนดิเดตนายกฯ ทั้งหลาย
ทางหนึ่ง การออกตัวว่าไม่พูดเยอะ และยังไม่เลือกใคร ก็นับว่าได้เครดิตความน่าเชื่อถือและคะแนนจิตพิสัยไประดับหนึ่งแล้ว
แต่อีกทางหนึ่งยังหมายถึงการที่เสี่ยหนูจะไม่ทำร้ายใคร เพราะทุกคนล้วนเป็นเหมือนมิตรสหาย ที่ปีใหม่สงกรานต์ก็ส่งความปรารถนาดีกันได้ทุกเมื่อ
ทั้งหมดมันคือเส้นทางสายปึ้กที่ไม่ใช่ใครจะเลียนแบบกันได้ง่ายๆ เหมือนกัน
เส้นทางสายปึ้ก
หากมองย้อนกลับไปยังเส้นทางการเมือง โหวตเตอร์หน้าใหม่อาจไม่รู้ว่า เสี่ยหนูเติบโตมาจาก “พรรคไทยรักไทย”
แต่หากมองย้อนดีๆ จะพบว่าคนชื่อ “หนู” ไปได้ทุกที่ที่มีรู อย่างที่เขาเขียนหนังสือถึงตัวเองชื่อ “มีรู...มีหนู” จริงๆ
เพราะแค่เกิดมา เสี่ยหนูก็มีมรดกสายสัมพันธ์พรรคการเมืองหลากหลายผ่านทางบิดา “ชวรัตน์ ชาญวีรกูล” แล้ว เพราะนอกจากเป็นเจ้าสัวใหญ่บริษัทก่อสร้างยักษ์ รับงานเมกะโปรเจกท์ของภาครัฐมาท่วม ก็ยังเคยนั่งเก้าอี้ รมว.หลายกระทรวง และยังเป็นแบ็กอัพให้พรรคการเมืองหลายพรรคมานาน
แม้แต่เสี่ยหนูเองจากที่แน่นอยู่แล้วในภาคธุรกิจ พอเข้าสู่การเมืองก็รับตำแหน่งมาแล้วมากมาย เป็นทั้ง รมช.กระทรวงกระทรวงสาธารณสุขในรัฐบาลไทยรักไทย (ปี 2547 และ 2548) และรมช.กระทรวงพาณิชย์ (ปี 2547)
ต่อมาแม้รูจะถูกปิดไปหนึ่งเพราะถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี ติดบ้านเลขที่ 111 เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย
เขาก็ตามบิดาที่ไปอยู่พรรคภูมิใจไทยอยู่ก่อนแล้วตั้งแต่ปี 2552 ซึ่งในช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์ 2551-2554 ชวรัตน์ก็ยังเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยในโควตาภูมิใจไทยอีกด้วย
ที่สุดเมื่อเสี่ยหนูตามมา ตอนหลุดบ่วงตัดสิทธิ์การเมืองในปี 2555 เขาก็ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเลยในปีเดียวกัน
เสี่ยหนูผ่านการเลือกตั้งทั้งปี 2557 ที่เป็นโมฆะ และมาครั้งนี้ในการเลือกตั้งปี 2562 เขากำลังขึ้นแท่นคนที่มีลุ้นจะนั่งนายกรัฐมนตรีไทย
ทั้งหมดนี้นับดูว่าเสี่ยหนูมีสายสัมพันธ์กับการเมืองฝ่ายไหนบ้าง บอกเลยว่าครบ!
นายกฯ ขั้วกลางๆ?
ไม่เพียงในบริบทของการออกลีลาทางเมือง แต่ในช่วงรอยต่อจนวันนี้ ย่างก้าวของคนชื่อหนูกับ “ฝ่ายทหาร” ก็ต้องบอกว่า ไม่เป็นปฏิปักษ์ใดๆ ซึ่งกันและกัน
พูดง่ายๆ ว่า “คุยรู้เรื่องกับ คสช.” และตัวเขาเองยังเคยระบุในประเด็นนี้ว่า “การค้านในสิ่งที่คสช.ทำ มันสักแต่จะให้เกิดความยุ่งยาก มีเหตุให้โรดแม็พถูกขยายออกไป เพราะฉะนั้นทำดีต้องสนับสนุน ไม่สนับสนุนก็ไม่ได้ เพราะผ่านมา 2 ปีแล้ว อย่าให้ไปอีก 5 ปีเลย” (โพสต์ทูเดย์ 1 พ.ค.2559)
ถ้าถามถึงสายสัมพันธ์กับฝ่ายสีเขียว บรรดา “บิ๊กป.” ทั้ง 3 แห่งบูรพาพยัคฆ์ ก็รู้กันทั่วบางว่าปี 2552 “บิ๊กป้อม” เป็นผู้จัดการรัฐบาลอภิสิทธิ์ ร่วมกับเนวิน ชิดชอบ และสุเทพ เทือกสุบรรณ
หรือกับภาพติดตาช่วงที่ ‘บิ๊กตู่’ ควงทีมงานชุดใหญ่ลงพื้นที่ ‘เนวินซิตี้’ ทั้งเสี่ยหนูและลุงเนวินก็มาต้อนรับชื่นมื่น บิ๊กตู่โบกมือหยอยๆ ท่ามกลางชาวบุรีรัมย์เรือนหมื่น ในกระแส ‘พลังดูด’
ก่อนนี้นักวิเคราะห์การเมืองเคยพูดว่าที่สุดแล้วเสี่ยหนูจะมาเป็นตัวแปรในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นตามระบบใหม่
ขณะนั้นทุกครั้งที่โดนถามเชิงสมมุติว่าจะอยู่ข้างไหน-เป็นนอมินีใคร เสี่ยหนูก็ปฏิเสธมาตลอด ถึงขนาดเคยเอ่ยปากว่า ‘ขี่เสือว่ายาก ขี่หนูยากกว่า’
มาตอนนี้เขายังคงฟอร์มเดิมที่เพิ่มเติมคือ “นี่เรื่องจริง” เสี่ยหนูจึงต้องระวังเป็นพิเศษ จนต้องมีเครียดๆ และมึนๆ กันบ้าง (ฮา)
ดังนั้นกว่าจะถึง 9 พฤษภาคม ถ้าเสี่ยหนูไม่หนุนข้างใดข้างหนึ่งให้รู้แล้วรู้รอดไป พร้อมรับกระทรวงเกรดเอมาเป็นรางวัล แต่กลับอยากลองกลุ้นนายกฯ เองสักครั้ง
ก็ถ้าบิวท์ดีๆ กับฝ่ายไม่เอาทหาร และฝ่ายไม่เอาค่ายแดง ว่านายกฯ ไทยคนต่อไปต้องประนีประนอม “เชื่อมติดทุกฝ่าย” มีศักดิ์ศรีที่มาจากการเลือกตั้งแบบ “แฟร์เกม” คนไทยทุกฝ่ายยอมรับได้โดยไม่ต้องออกมาเดินถนน
อะไรๆ มันชี้ไปทางเสี่ยหนูหมดแบบนี้...ก็มีลุ้นเหมือนกัน!
////////
ขอบคุณภาพจากเฟซบุค พรรคภูมิใจไทย