เวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรั่ม คาดปัญหานี้อยู่นานอีก 200 ปี
จากรายงานของสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) ระบุว่า ช่องว่างระหว่างเพศด้านโอกาสทางเศรษฐกิจทั่วโลกนั้น ยังคงมีขอบเขตที่ต้องใช้ระยะเวลายาวนานเพื่อการแก้ไข โดยการกำจัดช่องว่างระหว่างเพศนั้นถูกคาดการณ์ว่าต้องใช้เวลาถึง 202 ปี นอกจากนี้ ยังพบว่า จากจำนวนผู้ประกอบอาชีพด้าน AI ทั่วโลก มีเพียง 2% ที่เป็นผู้หญิง การพัฒนาเทคโนโลยี AI ที่ขาดความสามารถที่หลากหลาย ทำให้ถูกจำกัดความสามารถในการบุกเบิกนวัตกรรมที่ครอบคลุม และมีโอกาสในการนำเสนอชุดข้อมูลที่มีการละเลยเรื่องความลำเอียงทางเพศอีกด้วย
นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ หากปราศจากมุมมองของผู้หญิงที่มีความรู้ความสามารถในสาขา STEM อาจทำให้ขาดปัจจัยที่ก่อให้เกิดโซลูชั่นเชิงสร้างสรรค์ โดยมีคาดการณ์ที่ระบุว่า หากจำนวนผู้หญิงที่ประกอบอาชีพในสาชา STEM มีไม่เพียงพอ จะทำให้เกิดตำแหน่งว่างงานหลายหมื่นตำแหน่งในอนาคต รวมทั้งพลาดโอกาสในการพัฒนานวัตกรรมอีกหลากหลายรูปแบบ
“การที่กระทรวงดีอี เข้ามาร่วมสนับสนุนโครงการนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง ต่อการจุดประกายความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และอีกหลายๆ ภาคส่วนให้เห็นความสำคัญของความหลากหลาย (Diversity) และการพัฒนาการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีในอนาคตที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง (Inclusive) นอกจากกิจกรรมนี้ เรายังมีความร่วมมือกันในโครงการอื่นๆ เช่น โครงการ Coding Thailand ให้ความรู้ด้านการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์แก่เยาวชน และโครงการ Re-Skill พัฒนาศักยภาพของบุคลากรที่มีอยู่ให้กลายเป็นนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลด้าน AI และ Data เพื่อให้หลุดพ้นจากผลกระทบของ Technology Disruption” นายธนวัฒน์กล่าว
พร้อมทั้งให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า เหตุผลที่เด็กผู้หญิงส่วนใหญ่ ไม่ให้ความสนใจกับการศึกษาในสาขา STEM มีหลายข้อ ได้แก่ ขาดบุคคลที่เป็นต้นแบบ การสร้างความรู้ที่บิดเบือนเกี่ยวกับอาชีพในสาขานี้ทำให้เข้าสู่สายอาชีพนี้จำนวนลดลง การชักจูงให้กลุ่มเด็กหญิงหันมาสนใจสาขานี้มากขึ้น ต้องใช้วิธีการที่ครอบคลุม และช่วยให้มองเห็นโอกาสของอนาคตในการทำงาน ซึ่งไมโครซอฟท์ ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนในเรื่องนี้ ซึ่งกิจกรรม #MakeWhatsNext-DigiGirlz 2019 Thailand จะเป็นส่วนหนึ่งในความคิดริเริ่มที่ช่วยให้ประเทศไทยในการจัดการปัญหาเกี่ยวกับช่องว่างระหว่างชายหญิงได้
3 หัวใจหลักสร้างแรงบันดาลใจผู้หญิงสายไอที
นางสาวสุภารัตน์ จูระมงคล ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมเพื่อชุมชน บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้จัดโครงการที่มุ่งสร้างแรงบันดาลใจในสาขาที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี และเสริมสร้างศักยภาพเด็กผู้หญิงในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง #MakeWhatsNext-DigiGirlz 2019 Thailandมีความพิเศษกว่าเดิม โดยเปิดโอกาสให้เด็กผู้หญิงทั่วประเทศแข่งโค้ดดิ้งสำหรับอุปกรณ์แผงวงจร micro:bit เป็นครั้งแรกเพื่อการพัฒนาเขียนโปรแกรมเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT ซึ่งทักษะที่ได้จะต่อยอดสู่การใช้ประโยชน์จากเซ็นเซอร์ได้หลากหลายด้าน
“#MakeWhatsNext-DigiGirlz เป็นแคมเปญที่สนับสนุนให้เด็กผู้หญิงก้าวเข้าสู่สายงานด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ ซึ่งจากข้อมูลเชิงลึกทำให้เราเห็นถึงปัจจัยที่ยังเป็นอุปสรรค เช่น การขาด Role Model, การเรียนการสอนในโรงเรียนไม่ดึงดูดความสนใจ, ขาดการส่งเสริมสนับสนุนสภาพแวดล้อม ที่สร้างบรรยากาศให้เด็กๆ เกิดความตื่นเต้นในการเรียนรู้ เป็นต้น”
ดังนั้น ไมโครซอฟท์ได้ตีโจทย์ปัญหาข้างต้น และนำมาสู่การออกแบบการจัดกิจกรรมที่ประกอบด้วย 3 หัวใจหลัก เพื่อกระตุ้นแรงบันดาลใจ ความคิดสร้างสรรค์ และให้เด็กผู้หญิงมองเห็นโอกาสในสายอาชีพด้านนี้ ได้แก่ Excitement อบรมทักษะการเขียนโปรแกรม (โค้ดดิ้ง) ให้นำไปต่อยอดสร้างผลงานเข้าแข่งขัน, Encouragement ออกแบบสภาพแวดล้อมในการเรียนรู้ที่เอื้อต่อการสร้างแรงบันดาลใจ และ Growth Mindset ขยายกรอบแนวคิดให้เห็นว่าการเรียนรู้ในสาขา STEM น่าสนุกและเพลิดเพลิน
โครงการปีนี้มีนักเรียนหญิง ระดับชั้น ม.3-6 สมัครเข้าร่วมโครงการรวม 145 คน จากโรงเรียนทั่วประเทศ 20 แห่งหลังผ่านการอบรมจะคัดเลือกผู้เข้าแข่งขันเหลือ 9 ทีม เพื่อนำเสนอแนวคิดโครงงาน พร้อมรับคำแนะนำจากโค้ช และรับชุด micro:bit ไปใช้ในการประดิษฐ์ผลงาน จากนั้นวันที่ 10 พฤษภาคม ทุกทีมนำเสนอผลงานประดิษฐ์ เพื่อให้คณะกรรมการประกาศผลการแข่งขัน