ไม่ประมาทไม่ตาย
ในการก่อการวิวาทเช่นนั้น ก็ย่อมมีการจองเวร ผูกพยาบาทกัน ต่อสู้กันต่อๆ ไป จนได้รับบาดเจ็บและล้มตายกันไปด้วยกันทั้ง ๒ ฝ่าย นี้เรียกว่า ตายคือสิ้นชีวิต
และด้วยใจเศร้าหมองด้วยอำนาจของกิเลส คือ โทสะ โมหะ หลงมัวเมา ไม่รู้บาปบุญคุณโทษ กอปรด้วยเพลิงพยาบาท อาฆาต คุมแค้นกันอยู่
เมื่อต้องตายลงด้วยอำนาจของกิเลส ตัณหา อุปาทานนั้น ย่อมเป็นชนกกรรม นำไปเกิดในทุคติภูมิ ได้แก่ ภูมิของเปรตบ้าง สัตว์นรกบ้าง อสุรกายบ้าง และ/หรือ สัตว์เดรัจฉานบ้าง ตามกรรม ต้องเวียนว่ายตายๆ เกิดๆ อยู่ในกองทุกข์ด้วยอำนาจของกิเลส และกรรมชั่วต่อๆ ไปอย่างนี้ไม่มีที่สิ้นสุด นี้เรียกว่า “ต้องตายคือการเวียนว่ายตายเกิดด้วยอำนาจของกิเลส ตัณหา อุปาทาน”
พระพุทธองค์จึงตรัสว่า “ผู้ประมาทแล้ว ก็เหมือนคนที่ตายแล้ว” คือตายจากคุณความดี ๑ ตายคือฉิบหาย เสียอนาคต เพราะกรรมชั่วและกิเลส ๑ ตายคือสิ้นชีวิต ๑ และตาย เพราะต้องเวียนว่ายตายๆ เกิดๆ อยู่ในกองทุกข์ต่อๆ ไปไม่มีสิ้นสุด ๑
ส่วนผู้ “ไม่ประมาท” ก็เหมือนคนที่ขับรถ ขับเรือ ที่มีความระมัดระวัง มีสายตาที่มองดูเหตุการณ์ทั้งระยะใกล้ ระยะไกล ว่าจะมีหรือกำลังมีเหตุการณ์อะไรในกาลภายหน้า ทั้งระยะสั้น ระยะยาว ก็มีสติสัมปชัญญะ คือระลึกได้ว่าทางไหนปลอดภัย ทางไหนไม่ปลอดภัย จึงรู้สึกตัว ระวังตัว เตรียมตัวแต่เนิ่นๆ ว่าเราจะขับรถไปทางไหนจึงจะปลอดภัย หลีกเลี่ยงหนทางที่เสี่ยงภัย ที่อาจจะเกิดอุบัติเหตุ หรือความเสียหายได้ ฉันใด การดำเนินชีวิต ก็ฉันนั้น ผู้ไม่ประมาทย่อมดำเนินชีวิตด้วยสติสัมปชัญญะ ด้วยปัญญาอันเห็นชอบ คือ รู้ผิด-ชอบชั่ว-ดี รู้ทรงเจริญ-ทางเสื่อม ตามที่เป็นจริง ทั้งก่อนและขณะคิด พูด ทำ ย่อมเลือกทางดำเนินชีวิต ในการคิด พูด ทำ แต่เฉพาะที่เป็นคุณความดี หลีกหนีความชั่ว ย่อมพาตัวไปสู่ทางเจริญรุ่งเรืองและสันติสุขในชีวิต
และถ้าใฝ่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ยิ่งๆ ขึ้นไป ทางศีล สมาธิ ปัญญา ถึงอธิศีล อธิจิต อธิปัญญา อันมีนัยอยู่ในอริยมรรคมีองค์ ๘ ก็จะยิ่งทำตนไปในทางพ้นทุกข์ ถึงซึ่งบรมสุข คือ มรรค ผล นิพพาน อันเป็นอมตธรรม คือธรรมที่ไม่ตาย ไม่ต้องมีความเกิด คือไม่ต้องเวียนว่ายตายๆเกิดๆ และแก่ เจ็บ ตาย เป็นทุกข์อีก กลับมีบรมสุขที่เที่ยง และยั่งยืนตลอดไป พระพุทธองค์จึงตรัสว่า “ความไม่ประมาท เป็นทางที่ไม่ตาย”
ผู้ไม่ประมาทในธรรม คือสนใจ ใฝ่ใจในการศึกษาอบรม ปฏิบัติธรรม ย่อมเป็นผู้ไม่ตาย คือย่อมไม่ตายจากคุณความดี ย่อมเป็นผู้ทรงศีลทรงธรรม และย่อมไม่ตายจากผลของกรรมดี คือย่อมได้รับผลดีจากกรรมดียิ่งๆ ขึ้นไป จนถึงอมตธรรม คือมรรค ผล นิพพาน ซึ่งเป็นธรรมที่ไม่ตายจริงๆ ด้วยประการฉะนี้
พระราชญาณวิสิฐ (หลวงป๋า)