เอ็มจี HS ท้าชนชูราคาเด่น!
หวังจะเป็นผู้นำตลาด เอสยูวี จากความต้องการของคนไทยที่มากขึ้น
หลังจากที่ครั้งก่อนทางเอ็มจี ได้เชิญ คมชัดลึก ไปลองขับก่อนเปิดตัวเมื่อต้นเดือนแล้วอุบราคากับสเปกไม่ให้เรารู้ ล่าสุด เอ็มจี ก็ได้เวลาเปิดตัว MG HS รถยนต์ SUV รุ่นล่าสุดที่มาพร้อมแนวคิด "ELEGANCE" ที่เรียกกระแสชื่นชม ที่ให้ใช้รถยนต์ในราคาที่ถูกใจพี่น้องชาวไทยคุ้มทุกอ๊อปชั่น ยิ่ง ช่วง 1,000 คันแรก รุ่นเริ่มต้นลดราคาเหลือ 8.85 แสนบาทกับรถขนาด ซี เซกเมนต์!!!
เอ็มจี ได้เริ่มทำตลาดรถยนต์ในกลุ่มนี้ครั้งแรก เมื่อ 3 ปีก่อน โดยส่ง MG GS เข้ามาทำตลาด และต่อเนื่องด้วย MG ZS ปัจจุบันได้รับความนิยมมากเห็นได้ตามถนนในบ้านเรา ทั้งในกลุ่ม B-SUV และ C-SUV ในประเทศไทย โดยเฉพาะ MG ZS ที่ถือเป็นความสำเร็จในการสร้าง Segment ใหม่ ส่วน "NEW MG HS" จะเข้ามาแทนที่รุ่น GS และมาพร้อมฟีเจอร์การใช้งานที่จัดเต็ม ะบบความปลอดภัยถึง 25 ระบบพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบ 162 แรงม้า ที่เลือกใช้น้ำมันตั้งแต่ E85 ขึ้นไปได้อีกด้วย!
"NEW MG HS" มีมาให้เลือกถึง 3 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น C รุ่น D และรุ่นสูงสุด คือ รุ่น X พร้อมสีตัวถังทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีแดง Scarlet Red สีขาว Arctic White สีดำ Black Knight และ สีเงิน Silver Metallic พร้อมระบบ i-SMART
ภายนอก NEW MG HS การออกแบบดีไซน์ที่หรูหราแถมความสปอร์ตได้อย่างลงตัว เส้นสายตัวถังแบบ British Shoulder Line ที่เน้นความโค้งมนของตัวรถ มีเอกลักษณ์ตรงกระจังหน้าเฉพาะของ MG มาพร้อมแนวคิด 'Stella Magnetic Field อีกหนึ่งจุดเด่นของ MG HS ก็คือชุดไฟหน้าแบบ LED Projector พร้อมไฟส่องสว่าง สำหรับการขับขี่เวลากลางวัน Daytime Running Lights พร้อมไฟเลื้ยวที่แสดงผลแบบไล่ระดับแบบ Sequential ตามสไตล์รถยุโรปราคาสูงกว่าสามเท่า และไฟท้ายแบบ Space Light Field เพิ่มความหรูหรามากยิ่งขึ้น พร้อมล้ออัลลอยด์ขนาด 18 นิ้ว ในรุ่น D และ X และล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้ว ในรุ่น C
ภายในห้องโดยสาร ออกแบบโค้งมนโอบรับ วัสดุภายในแบบ Soft Touch ครอบคลุมทั้งบริเวณคอนโซลหน้า และแผงประตูทั้งด้านหน้าและด้านหลัง อีกจุดที่ว่าสุดกว่ารถทุกแบรนด์ในราคาเดียวกันคือการให้ เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้า และยังมากับทรง Bucket Seat แบบสปอร์ตสีดำสลับแดง เฉพาะรุ่น X ที่จะมาในรถราคาระดับท็อปคลาสเท่านั้นอีกด้วย
ในขณะที่เบาะหลังปรับได้ 60:40 พร้อมพนักพิงปรับองศาได้และที่วางแขนขนาดใหญ่ อีกจุดเด่นที่ต้องเล่าคือ ให้ไฟในห้องโดยสารแบบ Interactive Ambient Light ที่สามารถปรับโทนแสงภายในห้องโดยสารได้มากถึง 64 เฉดสี ขาดไม่ได้กับหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) ขนาดใหญ่ 1.1 ตารางเมตร หน้าจอแสดงผลมาตรวัดให้แบบ Interactive Multi – Function Display ขนาดใหญ่ 7 นิ้ว ที่แสดงข้อมูลทั้งเรื่องการขับขี่ ระบบความปลอดภัย ระบบความบันเทิง และระบบนำทาง
ตรงกลางคอนโซลหน้าให้หน้าจอขนาด ขนาดใหญ่ถึง 10 นิ้ว แบบ Smart Touchscreen พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone และช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง พร้อมกุญแจระบบ Smart Key และปุ่ม Push Start นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งฝากระโปรงท้ายระบบไฟฟ้า Electric Liftgate ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน
อีกจุดที่ต้องไขข้อข้องใจ NEW MG HS ให้เบนซิน 1.5 เทอร์โบ รหัสเครื่อง 15E4E ที่เหมือนอยู่ใน GS แต่เรายังไม่ทราบว่ามีการปรับปรุงอะไรเพิ่มขึ้นหรือไม่ ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ TST Twin Clutch Sportronic Transmission แบบ 7 สปีด แรงม้า 162 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 250 นิวตัน-เมตร ในรอบที่ต่ำเพียง 1,700 รอบต่อนาที โดยสามารถทำความเร็ว 0 ถึง 100 ได้ในเวลาไม่ถึง 10 วินาที พร้อมรองรับน้ำมัน E85
เฉพาะรุ่น X มาพร้อมปุ่มปรับโหมดการขับขี่ได้ถึง 4 โหมด คือ Normal ขับขี่แบบทั่วไป โหมด Eco เพื่อประหยัดน้ำมัน โหมด Sport เพื่อเพิ่มความสนุกในการขับขี่ และโหมด Custom ที่สามารถเลือกรูปแบบการขับขี่ได้ตามต้องการ และที่เร้าใจให้ผู้ขับขี่คือ ปุ่ม Super Sport บนพวงมาลัย ที่กดปุ๊บช่วยเร่งพลังการขับขี่ให้สนุกและเร้าใจยิ่งขึ้น
สุดท้าย NEW MG HS ให้ช่วงล่างตามแบบ Euro Tuning Suspension ช่วงล่างด้านหน้าแบบ MacPherson Strut ช่วงล่างด้านหลังแบบ Multi-link ที่พร้อมยึดเกาะถนนทุกสภาพการขับขี่และระบบเบรคให้มาเป็นดิสเบรคสี่ล้อ สามารถหยุดฝูงม้าขนาด 162 ตัว
เล่ามายึดยาวมาเข้าเรื่องสำคัญ นั่นคือราคาที่ทุกคนอยากจะรู้ โดยราคาตั้ง MG HS ทั้ง 3 รุ่นย่อย
รุ่น C 9.19 แสนบาท
รุ่น D 1.019 ล้านบาท
รุ่น X 1.119 ล้านบาท
แค่นี้ก็ว่าเรียกเสียงฮือฮาได้ ยังจัดโปรโมชั่น ให้อีกในช่วงเปิดตัวมีส่วนลดให้ 34,000 บาท ใน 1,000 คันแรก เท่ากับว่ารุ่น C ราคาลดเหลือเพียง 8.85 แสนบาท ส่วนรุ่นกลาง D 9.85 แสนบาท และรุ่นท็อป X 1.085 ล้านบาท ด้วยราคารถยนต์ MG HS แบบนี้กับอุปกรณืที่ให้มา ถือว่าเป็นรถที่คุ้มค่าคุ้มราคา ผมยังไม่เคยเห็นการทำตลาดในลักษณะนี้มาก่อน ที่ผู้บริโภคจะได้รถยนต์ที่คุ้มกับราคาที่จ่ายไป ไม่มีกั๊กอ๊อฟชั่น แน่นอน รถคันนี้ประกอบในบ้านเราอีกด้วย แต่เรื่องของคนที่กังวลถึงศูนย์บิการ เรื่องอะไหล่ คงต้องติดตามกันต่อไปว่าระยะยาวจะสร้างความมั่นใจได้มากขึ้นไหม เพราะในขนาดนี้เอ็มจีเองมีโชว์รูมถึง 110 แห่งทั่วประเทศ
เรื่อง: ธวัชชัย พิชิตรณชัย
E-mail : [email protected]