คนจริงกลัวที่ไหน 'กรณ์' กับเส้นทางสายใหม่
คอลัมน์ 'คนในข่าว' จากหนังสือพิมพ์คมชัดลึก คนจริงกลัวที่ไหน 'กรณ์' กับเส้นทางสายใหม่
***************************
“ข่าวลือจากไหน ต้นตอจากใคร” เพลงนี้ กรณ์ จาติกวณิช น่าจะกำลังครวญอย่างชื่นมื่น ที่บอกว่าชื่นมื่นเห็นจะเพราะการมีตัวตนในวงข่าวสาร ย่อมแปลว่าเรตติ้งยังได้อยู่
อย่างไรก็ดีแม้ว่าช่วงหลังภาพของเขาในการเมืองจะดูดร็อปลงไปเยอะ หลังจากพ่ายแพ้ในสนามสำคัญที่สุดของตนเองอย่างศึกเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
แต่เอาเข้าจริงๆ คนระดับกรณ์ ไม่เคยหยุดเคลื่อนไหว ยิ่งข่าวล่ามาแรงล่าสุดท่วงทำนองว่าเขาอาจแยกวงไปตั้งพรรคใหม่ มันอาจเป็นอะไรที่เร้าใจยิ่งสำหรับแฟนคลับที่รักและเข้าใจ
หรืออาจไม่มีอะไรเลยก็แค่ข่าวลืออีกครั้ง...ก็คงต้องลองติดตามกันดู
ทางลือทางลม
อย่างที่บอกว่าช่วงหลังเราคนไทยไม่ค่อยได้เห็นบทบาทอดีตรัฐมนตรีคลังในยุครัฐบาลเดอะมาร์คในแง่มุมหนักๆ เท่าไหร่ อย่างน้อยก็ในพื้นที่ข่าวสารกระดานใหญ่รายวัน
หากแต่ที่จริงแล้วกรณ์ก็มีข้อเสนอแนะ ข้อคิดเห็นทางเศรษกิจ การเงิน การคลัง ออกมาเรื่อยๆ เงียบๆ
ส่วนในพื้นที่ข่าวสารกระดานใหญ่ของกรณ์กลับเป็นมุมของข่าวลือโน่นนี่นั่น โดยเฉพาะที่พูดกันมากคือกรณ์คง “ไม่ไปต่อ” กับพรรคดั้งเดิมที่เขาแจ้งเกิดและเติบโต
กรณ์และ อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.ปชป. ทีมเดียวกัน "ไปไหนไปกัน"
อย่างช่วงกันยายนปีที่แล้วกรณ์เจอข่าวร่วมกับ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ตั้งพรรคใหม่ แล้วส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นว่าผู้ราชการกรุงเทพมหานคร
วันนั้นเจ้าตัวออกมาชี้แจงว่าตนเป็น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และตราบใดที่ยังอยู่ในสถานะนี้จะทำหน้าที่ในสภาอย่างเต็มที่และยังไม่มีการตั้งพรรคการเมืองใหม่กับใคร
หลังจากนั้นเราก็ได้เห็นข่าวชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ประกาศพร้อมลงชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. ในนามอิสระ ภายใต้แนวคิด “สร้างกรุงเทพฯ ที่ดีกว่าเดิม” หรือ Better Bangkok
ก็เหมือนเป็นการยืนยันตามที่ฝ่ายกรณ์ระบุว่าไม่มีความรวมมือ ไม่มีตั้งพรรคใหม่ และไม่มีอะไรในกอไผ่ทั้งสิ้น!
แต่หลายคนก็อดคิดไม่ได้ว่ากรณ์ผู้ซึ่งตอนประกาศตัวขอเป็นหัวหน้าพรรคสีฟ้านั้น มีการคาดการณ์เอาไว้ว่าจะได้รับการสนับสนุนจากอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ด้วยความที่ใกล้ชิดเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่ชักชวนเข้าสู่เส้นทางการเมือง
เมื่ออกหักจากเก้าอี้ จะด้วยเกมการเมืองในพรรคหรืออะไรก็ตาม นี่จึงไม่ใช่แค่ความผิดหวัง แต่เรื่องราวยังหมายถึงที่อยู่ที่ยืนของกรณ์อีกด้วย
ถามว่ากรณ์ผู้ซึ่งพูดเองว่า “การที่พรรคประชาธิปัตย์ได้รับเลือกตั้งส.ส.ไม่ถึงร้อยคน จึงอยากจะเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลง” แต่ที่สุดเมื่อประชาธิปัตย์ได้หัวหน้าพรรคคนใหม่ที่ไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนแปลง คนแบบกรณ์จะทำยังไง ก็น่าคิด
ย้ายพรรคลงผู้ว่าฯ
ที่สุดข่าวลืองวดใหม่มาอีก เมื่อมีคนออกมาบอกว่ากรณ์นี่แหละคือหนึ่งในตัวเลือกที่ถ้าลงผู้ว่าฯ กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ ต้องมีลุ้น
คนที่พูดเสียงดังที่สุดคือ เทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ คนสนิทของเดอะมาร์ค ที่ไลฟ์สด เป็นคลิปที่ระบุว่าแม้ชัชชาติจะถือเป็นตัวเต็ง แต่ถ้าถามว่าพรรคจะส่งใครสู้เพื่อให้เทียบเคียงได้บ้างนั้น ก็มีแต่ กรณ์ จาติกวณิช นี่แหละที่มีคุณสมบัติเหมาะสมหลายประการ
วันนั้นเทพไทร่ายยาวมาหลายประการ เช่น ระบุว่าสิ่งที่เหนือกว่าชัชชาติ คือกรณ์สัมผัสประชาชนในฐานะเคยเป็นส.ส.กทม. มาเเล้ว และยังไต่เต้าจาก ส.ส. จนได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ขณะที่ชัชชาติไต่เต้าเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจากการไปเชิญมา
เทพไทยร่ายมายาว (ภายหลังคลิปดังกล่าวหายไป) แต่คนไทยไม่เห็นว่าคนที่ถูกอวยจะว่ากระไร นอกจากข่าวลือแรงอีกระลอกช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมาว่า กรณ์จะย้ายพรรคไปซบพรรคพลังประชารัฐ!
เรื่องนี้ทำเอาเจ้าตัวต้องออกมายืนยันว่า “ข่าวลือก็คือข่าวลือ” จากนั้นก็แสดงความคิดเห็นว่าข่าวที่ออกมาอาจเพราะ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ จึงมีการขยายผลมาที่ตนเองมากกว่า
พร้อมยืนยันว่าถ้าจะทำอะไร ก็จะมีการหารือพรรคพวกในพรรคประชาธิปัตย์ก่อนอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม พรรคไม่มีใครมาคุยเรื่องการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.กับตน
นี่จึงเป็นอีกข่าวลือที่ทำให้กรณ์ต้องกล่าววรรคทองที่ใช้ประจำอีกครั้งว่า “ผมยังทำหน้าที่ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์อยู่”
เก็บเกี่ยววงนอก
แน่ล่ะที่หน้าที่ส.ส.ของกรณ์ในพรรคคือการประชุมสภา แต่หน้าที่นักการเมือง คงไม่ได้มีแค่นั้น
เอาเข้าจริงๆ ภาพของกรณ์ไม่ได้คลุกคลีดราม่าสาดน้ำลายทางการเมืองมาพักใหญ่แล้ว แต่หากใครตามเฟซบุ๊ก ถ้าไม่นับการอวยพรปีใหม่ว่าขอให้ “คิดบวก” เราจะพบความเคลื่อนไหวของเจ้าตัวในเชิงสังคม ชุมชน และธุรกิจการเงินมาเรื่อยๆ เรียงๆ
ในเชิงสังคมและชุมชน ครั้งหนึ่งกรณ์ผันตัวไปเป็น “ชาวนาเฉพาะกิจ” ในโครงการเกษตรเข้มแข็ง ลงดำนาเกี่ยวข้าวด้วยตัวเองที่ จ.มหาสารคาม และที่ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก
และคงนึกกันออกที่กรณ์ทำข้าวแบรนด์ “อิ่ม” ที่เขาเข้าไปมีส่วนช่วยในการผลิตจนถึงหาช่องทางจัดจำหน่าย ทำให้ข้าวจากนาไปสู่จานข้าวของผู้บริโภค
วันนี้ “ข้าวอิ่ม” เดินทางมาถึงปีที่ 6 แล้ว กรณ์ออกมาประชาสัมพันธ์ข้าวทางเฟซบุ๊กของตนเองด้วยรอยยิ้ม คุยว่าปีนี้มีความเป็น “นาอินทรีย์” เต็มตัว เพราะได้รับรองจากกรมการข้าวเรียบร้อย
ข้าวอิ่ม ในถุงผ้า
ผลงานนี้ทำให้ชาวนามีความกินดีอยู่ดีขึ้นมาก มีรายได้จากการขาย “ข้าวอินทรีย์พรีเมียม” ที่ตันละ 25,000 บาท ทำให้ปลดหนี้ได้เกือบครบทุกราย แถมยังได้ระบบนิเวศที่สมบูรณ์ ไม่มีสารพิษร้ายมาทำลายสุขภาพ แฮชแท็กสั่งซื้อโดยตรงที่เบอร์ 06-1017-7092 หรืออินบ็อกซ์ เพจเกษตรเข้มแข็ง http://facebook.com/kasetkhemkhaeng
นอกจากนี้ด้วยความที่ข้าวอิ่มมีแพ็กเกจเป็นผ้า โดยมีทั้งข้าวอิ่มบรรจุถุงผ้า 1 กก. ราคา และข้าวอิ่มบรรจุกระเป๋าผ้า 4 กก.
ล่าสุดกรณ์เพิ่งแจ้งยอดว่ากลุ่มแม่บ้านหนองหิน มหาสารคาม มีรายได้จากการทอและเย็บแพ็กเกจข้าวอิ่มกว่า 7 แสนบาทต่อปี จากการนำผ้าขาวม้าธรรมดาๆ ที่กองอยู่หลังบ้านมาทำเป็นแพ็กเกจสวยงาม
นี่คืองานที่กรณ์ถักทอไว้กับชาวบ้าน รากหญ้าของสังคมไทย
ล้างภาพเดิม?
นอกจากงานลุยนา ตากแดด กรณ์ยังคงเคลื่อนไหวในงานอินเตอร์ ติดแอร์ หลังจากช่วงปี 2559 ชื่อของกรณ์มาโผล่เป็นประธานชมรมฟินเทคแห่งประเทศไทย ที่เป็นหน่วยงานช่วยประชาสัมพันธ์ให้เกิดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมฟินเทค และใช้กลไกของ FinTech สนับสนุนตลาดการเงินของไทย
ไม่นานมานี้เขาและสมาคมฟินเทคไทยเพิ่งจัดงานที่ E-Estonia Briefing Center ของรัฐบาลเอสโตเนีย ที่เมืองทาลลินน์ ประเทศเอสโตเนีย
กรณ์กับฟินเทค
กรณ์บอกว่าประเทศนี้เป็นประเทศที่มีการพัฒนาในการบริหารจัดการในทุกมิติด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ากว่าทุกประเทศในโลก เป็นประเทศเดียวในโลกที่มีการเลือกตั้งด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเขาทำได้เพราะระบบ e-identification เขาเสถียรมาก
กลับมาแล้วกรณ์ก็ไปโผล่ร่วมกับกลุ่ม เทค สตาร์ทอัพ ที่เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบุกเบิกและผู้นำในวงการสตาร์ทอัพของไทย
วันนั้นกรณ์พูดว่ากฎหมายบ้านเราเปิดให้คนอายุ 35 เป็นรัฐมนตรีได้ ซึ่งเราควรมีคนรุ่นนี้อยู่ในตำแหน่ง แต่อยากให้มาจากกลุ่มนักปฏิบัติกลุ่มแบบนี้ ไม่ใช่ต้องเป็นลูกนายทุนหรือทายาทนักการเมือง
นอกนั้นกรณ์ยังไปสอนหนังสือตามมหาวิทยาลัย เช่น ที่ธรรมศาสตร์ รังสิต และอีกหลายที่
กรณ์กับกลุ่มเทค สตาร์ทอัพ
ความเคลื่อนไหวของกรณ์ที่นอกพรรคหลายคนมองว่ากรณ์เป็น “ตัวของตัวเอง” แบบที่แฟนคลับรอดูมาตลอด
ขณะที่หลายคนกลับมองว่าน่าจะมีความเป็น “หัวหน้ามาร์ค” แต่ก็แอบมีแนวคิดคล้ายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อยู่เนียนๆ โดยเฉพาะในเรื่องเศรษฐกิจและสตาร์ทอัพ
แต่ถามว่าวันนี้หากกรณ์จะตั้งพรรคใหม่ หลายคนมองไปถึงคอนเซ็ปต์ของพรรคว่าไม่น่าจะออกแนวอุดมการณ์จ๋า สถาบันจี๋เหมือนที่เคยอยู่เคยเป็นมา แต่น่าจะออกแนวลุยๆ ติดดิน แต่ไม่ทิ้งเทคโนโลยีมากกว่า
ติดก็แต่ว่าวันนี้กรณ์ “ยังเป็น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์” ผู้ซึ่งต้องคอยแจงข่าวลือแปลกๆ ว่าไม่จริ๊งไม่จริง ทั้งที่ไม่ใช่ว่าจะเป็นจริงไม่ได้ อย่างเรื่องการแท็กทีมคนในพรรคออกมาตั้งพรรคใหม่ของตัวเองก็เช่นกัน
ถ้าจะทำก็อย่าลืมแฮชแท็ก #คนจริงกลัวที่ไหน ด้วยแล้วกัน
*******************************