ไลฟ์สไตล์

สองยาม (II)

สองยาม (II)

21 ธ.ค. 2552

หลังช่วงเวลาที่ตะวันลับขอบฟ้าคือเสน่ห์ลึกลับที่น่าค้นหาใต้ฟ้าสีดำ …

 เมื่อพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า ผีดิบอ้วนตัวเมียก็ต้องผลุบหน้าอยู่ในผ้าห่ม ซ่อนความกลัว ความเหงา และความอ่อนล้าไว้ใต้ผ้าเพื่อรอเวลาผ่อนคลายเมื่อพระอาทิตย์เคลื่อนสูงขึ้นไป … นางยังนอนหลับไหลปล่อยให้ความคิดที่หล่นหายและจิตใต้สำนึกทำงานร่วมกันในความฝันระหว่างช่วงเวลาที่เปลือกตาปิดสนิท …

 แสงแดด ผู้คน ถนน และรถติด … การแก่งแย่งและความเห็นแก่ตัวแสดงพลังข่มรัศมีของความดีและความเอื้ออาทรแทรกผ่านไอร้อนที่ซุกซ่อนอยู่ในความเร่งรีบเมื่อพระอาทิตย์แผดแสงกล้าอยู่กลางหัว

 ฮึ! ใครจะสน สัญชาตญาณแห่งการเอาตัวรอดปะทุอยู่ข้างในกลายเป็นพลังขับเคลื่อนให้ผู้คนเอาเปรียบ และเหยียบย่ำกันอย่างไร้ความปรานีแบบใครดีใครอยู่ วิธีเดียวที่จะทำให้เราไม่ต้องเผชิญหน้ากับมันอย่างจังๆ ก็คือ …อย่าตื่น!

 การหลับ ความฝัน และเวลากลางคืน คือประตูลับที่มีไว้ให้ใครต่อใครซ่อนตัว

 “นุชนาฎ … พี่จะทำยังไงดีถ้าเขามาชอบพี่ พี่คงอึดอัดเพราะความรักที่มากมายของเขา เขาคงไม่ปล่อยให้พี่เป็นอิสระอีกต่อไป …"

 ฉันเพ้อเหมือนกำลังท่องบทละครเวทีที่ยุงลายต้องบินฟุ้ง …  และน้ำเน่าจริงๆ
 
 ง่ายมากพี่ … แค่ตื่น! … ตื่นได้แล้วพี่ … เรื่องแบบนั้นมันไม่เกิดขึ้นกับพี่หรอก”

 “นุช” เป็นทั้งผู้ช่วย นักกฎหมาย และหน่วยดับฝัน กระชากฉันขึ้นจากภวังค์ก่อนที่จะบ้าไปกันใหญ่ คนที่ตื่นอยู่คงไม่มีใครทำแบบนี้ได้ และคนที่ฝันทั้งที่ยังตื่นอยู่ ข้าวตู เรียกมันว่า เพ้อ!

 “โอ๊ย … เจ็บ!”

 ฉันร้องโวยวายเหมือนใครเหยียบตีน แรงกดจากนิ้วมือทรงพลังดังคีมดัดเหล็กของหมอนวดที่เชียงใหม่ทำให้ฉันร้องเป็นควายถูกเชือด แต่ก็ดี! เพราะมันช่วยปลุกให้ฉันตื่นและหลุดจากความคิดเมื่อครู่ ฉันจ่ายเงินแล้วเดินเข้าร้านเซเว่นฯ ที่อยู่ข้างๆ ตรงดิ่งไปยังชั้นวางของแห้ง ปลากระป๋อง ขนมขบเคี้ยว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ถูกกวาดลงตะกร้าจนเต็ม

 “สีเกด ได้อะไรมา”
 
 หันไปถามสีเกด ผู้ช่วยที่เป็นเหมือนเงา (อ้วน) ตามตัว เธอเน้นไปในเรื่องของน้ำและนมจนเต็มตะกร้าเช่นกัน ยังมีเวลาเหลืออีก 15 นาทีจะสองยาม เราสองคนกำลังตุนของแห้งเพื่อเอาไปถวายพระและเณรที่กำลังจะออกบิณฑบาตตอนสองยามในย่านไนท์บาซาร์ที่เชียงใหม่ อากาศเย็นลง ผู้คนไม่เร่งรีบ … แม่ค้าและพ่อค้าที่ขายสินค้าริมทางค่อยๆ เก็บของลงอย่างไม่กระตือรือร้น เพราะผู้คนที่เดินจับจ่ายและช็อปปิ้งทั้งไทยและเทศมีอยู่บางตา จนเรียกได้ว่า เหงา! (เลยความเงียบไปเยอะ)

 ครั้งแรกในชีวิตที่ได้ใส่บาตรตอนเที่ยงคืน คนกลางคืนแบบฉันถือเป็นโอกาสสำคัญของชีวิตด้วยว่าจะหาเวลาใส่บาตรในตอนเช้าอย่างใครเขานั้นยากเสียยิ่งกว่าสิ่งใดเพราะยังไม่ตื่นน่ะเซ่!

 “นอนจนตะวันแยงก้น” ช่างเหมาะกับฉันเสียเหลือเกิน แต่ฉันไม่ใช่พวกขี้เกียจจนตัวขึ้นขนที่วันๆ เอาแต่กินกับนอน แต่ตารางเวลาในการทำงานและระบบการใช้ชีวิตของฉันมันกลับกันกับคนทั่วไปก็แค่นั้น นักร้องที่ไหนจะมายืนร้องเพลงตอนเช้า หรือกลางวัน คนจ้างเขาก็จ้างมาร้องตอนฟ้ามืดแล้วทั้งนั้นแหละ กว่าจะเลิกงาน กว่าจะกลับบ้าน กว่าจะได้นอน โน่น … ตีอะไรสักตี

 ฉันมาเชียงใหม่บ่อยจนขี้เกียจจะนับ แต่กลับไม่รู้ว่าที่นี่มีประเพณี “เป็งปุ๊ด” ซึ่งมีความหมายว่า  “วันพุธที่ตรงกับวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ” ชาวเหนือจะออกมารวมตัวกันถวายของแห้งพระที่ออกมาบิณฑบาตในเวลาค่ำคืน วัดที่เป็นที่รู้จักว่ามีการจัดทำบุญ เป็งปุ๊ด ก็คือ “วัดอุปคุต” ใกล้ๆ กับไนท์บาซาร์ ที่พวกเราเดินผ่านมาเห็นเข้าโดยบังเอิญคราวนี้

 ฉันและสีเกดออกมายืนดักรอพระและเณรที่ข้างถนน ไม่นานฉันก็เห็นผ้าเหลืองเรียงแถวเป็นแนวสั้นๆ มาแต่ไกล แต่โดนคนอื่นๆ ที่รออยู่ก่อนปาดหน้าเค้กนิมนต์ไว้ ว่ากันไปตามคิว เณรตัวจิ๋วหัวโล้นห่มผ้าเหลืองหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูยืนเท้าเปล่าอย่างสำรวม เปิดฝาบาตรออก ฉันและสีเกดหยิบของใส่ตามที่ตั้งใจไว้ ทั้งน้ำ นม ขนม ยาคูลท์ มาม่า ปลากระป๋อง เณรหยิบออกไว้ถุงก๊อบแก๊บที่มีคนหิ้วรอถ่ายของให้ ไม่ใช่เด็กวัดที่ไหนแต่เป็นพ่อค้าหนุ่มแถวนั้นที่สงสารเณรทั้งอุ้มบาตร ทั้งถือถุง คงใช่ที่เลยอาสาช่วยถือถุง ฉันแอบฟังบทสนทนาภาษาเมืองได้ความว่าเณรมาจากวัดที่อยู่ในซอยใกล้ๆ ชายหนุ่ม 2-3 คนก็เลยขี่มอเตอร์ไซค์เอาของไปส่งให้ที่วัดเพราะเณรคงต้องปฏิบัติภารกิจอีกยาวไกลตลอดทางซึ่งมีชาวพุทธยืนรอใส่บาตรอยู่มากมายไม่แพ้ตอนเช้า

 ของยังเหลืออยู่อีก พวกเราก็ต้องยืนรอพระและเณรอีกลอต คราวนี้นาน … น … จนต้องออกเดินตามหากะว่าจะใส่บาตรสัก 9 รูป มีศรัทธาแต่สมาธิสั้น ครั้นจะต้องรออีกนานคงจะไม่สู้ก็เลยต้องกลับไปใส่เณรตัวจิ๋วเหล่านั้นอีก คราวนี้เลยได้โอกาสปฏิสัมพันธ์กับเณรน้อยน่ารักที่ไม่ใช่อิกคิวซัง

 “บวชนานหรือยังคะ? กี่เดือนแล้ว”

 เณรน้อยดูกล้าๆ กลัวๆ ก่อนจะเงยหน้าตอบเสียงเบาว่า  “2 เดือน”

 “อายุกี่ขวบแล้วคะ”

 “9 ขวบ” ว่าแล้วก็ก้มหน้างุด พอเณรเดินผ่านไปถึงนึกขึ้นได้ว่า เณรคงกลัวหน้าฉัน เพราะไม่ได้แต่งหน้ามา ยิ่งดึกยิ่งซีดแถมอากาศหนาวเพิ่มความแห้งลงไปอีก

 ตอนเณรสวดให้พร ฉันกับสีเกดถอดรองเท้าแล้วนั่งยองๆ ฟังเสียงสวดเล็กๆ ไม่รู้ว่าอะไรรู้แค่ว่า …น่ารักจัง!

 ในกรุงเทพฯ เมืองแห่งเทวดา ชีวิตไม่เคยหยุดนิ่งหมุนไปตลอด 24 ชั่วโมง เที่ยงวันกับเที่ยงคืนก็มีอะไรน่าสนใจไม่แพ้กัน กินข้าวต้มรอบดึก ช็อปตอนมิดไนท์เซลส์ ดูหนังรอบมิดไนท์

 แต่เชียงใหม่นั้นเหนือกว่า ตรงที่ตักบาตรตอนสองยาม … เริ่ด! บอกแล้วว่า ศรัทธาไม่จำกัดเวลาจริงๆ ทำบุญเสร็จอิ่มใจ แต่ไม่อิ่มท้อง เลยต้องไปหาของอร่อยกิน ดึกแต่เด็ด! เดี๋ยวจะพาไปตอนหน้านะ …