หลวงพ่อเอียดดำ วัดศาลาไพ พระขลังเมืองนครฯ อีกหนึ่งอาจารย์ผู้เรืองเวทย์ของ "ขุนพันธรักษ์ราชเดช"
หลวงพ่อเอียดดำ วัดศาลาไพ พระขลังเมืองนครฯ อีกหนึ่งอาจารย์ผู้เรืองเวทย์ของ "ขุนพันธรักษ์ราชเดช" ตอลัมน์... ตามรอยตำนานแผ่นดิน โดย... เอก อัคคี - FB: Akeakkee Ake
ในอดีต “วัดศาลาไพ” อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นั้นมีพระภิกษุผู้ที่มาร่ำเรียนวิชาจนได้เป็นพระเกจิอาจารย์ ผู้แก่กล้าและเชี่ยวชาญทางด้านพระเวทวิทยาคมสูงมากมาย อย่าง พ่อท่านเขียว วัดหรงบล, พ่อท่านเนียม วัดบางไทร, พ่อท่านวรรณ วัดเสาธงทอง หรือที่เป็นฆราวาสผู้เป็นที่รู้จักกันดีใน นามจอมขมังเวทแดนใต้ ก็คือ “ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ” ท่านก็เป็นผู้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมจาก ครูบาอาจารย์ แห่งวัดศาลาไพ มาเช่นกันก่อนจะไปร่ำเรียนวิชาไสยเวทย์ต่อที่สำนักเขาอ้อ เมืองพัทลุง
ในปี2480 นอกจากสำนักเขาอ้อ จ.พัทลุง แล้วในจังหวัดนครศรีธรรมราชนั้น ซึ่งในยุคก่อนก็นับว่ามีพระเกจิแก่กล้าวิชาอยู่มากมาย ขุนพันธรักษ์ราชเดชได้ศึกษาร่ำเรียนไสยเวทจาก อาจารย์ของท่านที่มีอยู่สองเอียดที่ถ่ายทอดสรรพวิชาอาคมให้เอียดหนึ่งคือ พระอาจารย์เอียด วัดดอนศาลา พัทลุง และอีกเอียดหนึ่งคือพ่อท่านเอียด วัดศาลาไพ
ทั้งสองเอียดนี้เป็นเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในแคว้นแดนใต้ยุคนั้น ผมเคยได้ยินนาม พ่อท่านเอียดดำมานานแล้ว เพราะเหรียญรูปเหมือนของท่านมีค่านิยมสูงนับแสนบาท และนับเป็นเหรียญยอดนิยมหนึ่งในเหรียญเบญจภาคี ของนครฯกล่าวกันว่าวัตถุมงคลเครื่องรางของขลัง ซึ่งปลุกเสกโดยพ่อท่านเอียดดำมีพุทธคุณในด้านแคล้วคลาดคงกระพันสุดยอดเรียกว่า เหนียวชนิดแมลงไม่ได้กินเลือดเลยทีเดียว
อ.นำ แก้วจันทร์ ฆราวาสจอมขมังเวทย์
(ก่อนบวชครั้งที่สองเป็น พระอาจารยนำชินวโร),
ขุนพันธรักษาราชเดช,พ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์
หลวงพ่อเอียดดำ บวชเณรตั้งแต่อายุ 12 ปีได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดยวนแหล อุปสมบทเป็นพระที่วัดวังตะวันตก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โดยมี ท่านพระครูกาชาด เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า อริยวังโส เมื่ออาจารย์เอียดอุปสมบทได้ซักระยะหนึ่ง ท่านก็ออกธุดงค์ ไปตามป่าเขาต่างๆ ค่ำที่ไหนปักกลดที่นั่น ผจญสัตว์ป่าและภยันตรายต่างๆ อาจารย์เอียดดำท่านธุดงค์หลายปีได้พบเจอแลกเปลี่ยนศึกษาวิชาอาคมกับพระอาจารย์ต่างๆมามาก ท่านธุดงค์ไปจนถึงเขตประเทศพม่า และเมื่อท่านเดินทางกลับสู่จังหวัดนครศรีธรรมราช และได้จำพรรษาที่วัดศาลาไพ
อาจารย์เอียดดำได้นำวิชาความรู้ด้านไสยเวทที่เชี่ยวชาญชำนาญการยิ่งสงเคราะห์ญาติโยมจนชื่อเสียงกิติศัพท์โด่งดังไปกว้างไกล ดังนั้นในราวปี 2482 ชาวบ้านจึงขอให้ท่านสร้างวัตถุมงคลขึ้นบ้าง ซึ่งท่านก็ได้สร้างเสื้อยันต์ผ้าประเจียดตะกรุดและเครื่องรางของขลังต่างๆ อีกทั้งมอบหมายให้ นายไข่ คะงา ไปจัดทำเหรียญรูปเหมือนรุ่นแรก ซึ่งสร้างจำนวนน้อยมากวัตถุมงคลทั้งหมด พ่อท่านเอียดดำประกอบพิธีปลุกเสก เดี่ยวตามลำพัง
ซึ่งในห้วงนั้นขุนพันธรักษ์ราชเดช รับหน้าที่เป็นเจ้าพิธีฝ่ายฆารวาส เมื่อเสร็จพิธีกรรม ประจุพุทธาคมแล้ว พ่อท่านเอียดดำก็ได้แจกวัตถุมงคลให้แก่ผู้เลื่อมใสศรัทธา ซึ่งก็ได้ปรากฏพุทธคุณเป็นที่เลื่องลือ ความเก่งกล้าในวิชาคาถาอาคมของพ่อท่านเอียดดำเป็นที่กล่าวขานกันไปทั่ว นครศรีธรรมราช แม้กระทั่งพระอาจารย์เขียวก็ยังดั้นด้นมาขอศึกษาวิชาอาคม
ซึ่งในยุคถัดมาพ่อท่านเขียว วัดหรงบน ก็มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศครั้นในปี 2484 ได้เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพากองทัพทหารญี่ปุ่นได้ยกกำลังขึ้นที่บ้านท่าแพ นครศรีธรรมราช ทหารกล้าฝ่ายไทยก็ได้ยกกำลังเข้าต่อต้านและในห้วงระยะนี้เองที่วัดศาลาไพจะเนืองแน่นไปด้วยเหล่าทหาร ซึ่งมาขอของดีคุ้มภัยพ่อท่านเอียดดำก็ได้มอบให้ทุกรายเป็นผ้ายันต์บ้างตะกรุดบ้าง
เหรียญ รุ่นแรกของพ่อท่านเอียดดำ หนึ่งในเบญจภาคีเหรียญเมืองใต้
ปรากฏว่าบรรดาทหารกล้าที่มีของดีอาจารย์เอียดดำติดกายอยู่รอดปลอดภัย บางรายโดนทหารญี่ปุ่นยิงจนล้มคะมำ แต่ก็ลุกขึ้นสู้ต่อเพราะอำนาจกระสุนไม่สามารถต้านอำนาจพุทธคุณได้ ดังนั้นประโยคที่ว่ามีของดี อาจารย์เอียดดำ แมลงวันไม่ได้กินเลือดก็ดังกระหึ่มไปทั่วแดนใต้
ในยุคนั้นละแวกวัดศาลาไพนับเป็นถิ่นคนดุจนเรียกกันเป็นดงเสือแดนสิงห์ แต่หลวงพ่อเอียดดำก็ได้ใช้เมตตาธรรมอบรมสอนสั่งจนทุกคนประพฤติตนเป็นคนดีถ้วนทั่ว
นอกจากจะเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้เรืองเวทแล้ว หลวงพ่อเอียดดำยังเป็นพระนักพัฒนาจึงได้ทำนุบำรุงวัดศาลาไพจนรุ่งเรืองและยังได้ก่อสร้างโรงเรียนวัดศาลาไพในปี 2475 หลังจากที่ได้ทำนุบำรุงวัดศาลาไพและก่อสร้างโรงเรียนแล้วเสร็จ หลวงพ่อเอียดดำจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์อีกครั้งจนได้พบว่าที่วัดในเขียวซึ่งขณะนั้นอยู่ในสภาพทรุดโทรม จึงได้อยู่จำพรรษาทำนุบำรุงวัดในเขียวอีกแห่ง ในระหว่างนั้นท่านก็ได้ไปๆ มาๆ ระหว่างวัดศาลาไพและวัดในเขียวซึ่งเดินทางโดยเท้าเปล่า จนกระทั่งในปี 2486 เมื่อท่านพิจารณาเห็นว่าทางวัดศาลาไพได้เจริญรุ่งเรืองสมดังเจตนาแล้ว แต่ทางวัดในเขียวยังต้องพัฒนาอีกมาก
จึงตัดสินใจย้ายมาอยู่วัดในเขียวเป็นการถาวรจนกระทั่งได้ละสังขารที่วัดในเขียวในปี 2495 และทางวัดได้เก็บรักษาสังขารของอาจารย์เอียดดำ ท่านใว้จนถึงปี 2499 จึงได้ทำการฌาปนกิจ
"หลวงพ่อเอียดดำ" ท่านเป็นที่นับถือของศิษยานุศิษย์และบุคคลทั่วไป เอกลักษณ์และคุณวิเศษที่เลื่องลือ คือการสรงน้ำ 7 วัน อาบน้ำ 1 ครั้ง โดยไม่มีใครเห็นและไม่มีกลิ่นตัว ท่านใช้พระคาถาปราบช้าง ขณะที่ช้างกำลังตกมันได้ ท่านใช้คาถาปราบสัตว์ที่ดุร้าย เช่น เสือ หมี งู และท่านสามารถห้ามฝนตกได้ ทุกครั้งที่แถวนั้นมีงานชาวบ้านมักจะนิยมไปบนบานบอกกล่าวกับรูปหล่อหลวงพ่อเอียดดำ ซึ่งแต่ละคนได้ประจักษ์เรื่องประสบการณ์ด้านค้าขายร่ำรวย โชคลาภและแคล้วคลาดปลอดภัยมากมาย
วัดอ้ายเขียว-วัดในเขียว (คงคาวง) ตั้งอยู่หมู่ 3 ต.ทอนหงส์ อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2420 ได้รับวิสุงคามสีมา เมื่อปี พ.ศ.2497 เหตุที่ชื่อว่าวัด คงคาวง เพราะอยู่ใกล้โขงเขาจดคลองในเขียวหรือ อ้ายเขียว ซึ่งไหลอ้อมเป็นวงรอบบริเวณที่ตั้งของวัด หมายถึง มีลำคลองไหลผ่าน ล้อมรอบเป็นวง จึงเรียกว่า วัดคงคาวง และ มีลำธารไหลผ่านตอนกลาง รวมถึงมีเหวลึกแบ่งเขตวัดเป็น 2 ส่วน ภายในพระอุโบสถวัดคงคาวง (อ้ายเขียว) ประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์พระพุทธสิหิงค์
พระเครื่องอาจารย์เอียดดำ และเครื่องรางที่ท่านหลวงพ่อเอียดดำสร้างเป็นที่ต้องการของทุกคน เพราะมีพุทธคุณในด้านแคล้วคลาดคงกระพันสุดยอดโดยเฉพาะเหรียญพ่อท่านเอียดดำ วัดศาลาไพ จ.นครศรีธรรมราช ปี 2480 หนึ่งในห้าเหรียญยอดนิยมของเมืองนคร เพราะได้เกิดปาฏิหารย์กับผู้ที่ได้รับของดีจากท่านมากมาย
ใครมีไว้รักษาให้ดีนะครับ!!