เปิดใจรับฟัง หาความต่าง '135 ปี' เครื่องแบบนักเรียนไทย
ก่อนไฟลามทุ่ง ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ควรเปิดใจรับฟัง หาความต่าง '135 ปี' เครื่องแบบนักเรียนไทย ถึงเวลาหาความเหมือน หาจุดลงตัว เพื่อเป็นทางออกที่ดี สำหรับทุกคน....บทความโดย ชัยวัฒน์ ปานนิล
#1ธันวาบอกลาเครื่องแบบ ขึ้นติดอันดับ 1 ของเทรนทวิตเตอร์เมืองไทย ที่ผมเพิ่งจะรู้จักไม่เกิน 3 วัน ในสังคมยุคปัจจุบัน สื่อโซเชียลที่มีความรวดเร็วและตอบสนองผู้ใช้ได้รวดเร็วทันทุกเหตุการณ์คงต้องยกให้ ทวิตเตอร์
อ่านข่าว : #1ธันวาบอกลาเครื่องแบบ ประมวลภาพ 2 โรงเรียนดังเมืองอุดรฯ หลังหลาย รร.นัดสวมชุดไปรเวท
เรื่องราวร้อนๆ ในวันนี้เกี่ยวกับ “ชุดเครื่องแบบนักเรียน” สำหรับชุดเครื่องแบบนักเรียนของไทย เริ่มมีขึ้นตั้งแต่ในสมัยรัชกาลที่ 5 หรือตั้งแต่ พ.ศ. 2428 โดยชุดนักเรียนชายในสมัยนั้นจะประกอบไปด้วย รองเท้าสีดำ
แต่ในสมัยนั้นถุงเท้าและรองเท้ามีราคาค่อนข้างแพง ทำให้หลายคนไม่ค่อยมีใช้และไม่ได้ใส่ไปเรียน และหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 (เครื่องแบบนักเรียนในอดีต ระดับชั้นประถมต้องมีเข็มขัดลูกเสือและสวมหมวกกะโล่ )ก็ได้มีการเปลี่ยนมาเป็นชุดเครื่องแบบนักเรียนในปัจจุบัน
ก่อนหน้า ยกเหตุผลที่ต้องมี ชุดเครื่องแบบนักเรียน ไว้ว่าที่มีการใส่เครื่องแบบก็เป็นเพราะในสังคมของเรานั้นต้องมีการจัดการกับคนหมู่มาก เพื่อให้สามารถแยกแยะผู้คนได้ จึงทำให้เกิดเป็นเครื่องแบบขึ้น
และชุดเครื่องแบบยังถูกสร้างขึ้นมาเพื่อลดความเป็นตัวตนของผู้ที่สวมใส่ ยกอย่างเช่นการใส่ชุดเครื่องแบบนักเรียน ก็จะทำให้เรารู้ว่าในช่วงนั้นคือเราควรทำอะไร มีขอบเขตแค่ไหน ช่วยในการกล่อมเกลา
อาจจะเป็นเหตุผลของนักปกครอง ที่มองจากมุมของผู้ปกครองก็เป็นได้ แต่เมื่อเวลาเปลี่ยนไป เหตุการณ์ย่อมไม่เหมือนเดิม ผู้คนได้รับการพัฒนามากขึ้น มีความรู้มากขึ้น การติดต่อเชื่อมโยงระหว่างผู้คนในโลกกว้างมีความสะดวกและรวดเร็ว บางสิ่งที่ยังย่ำอยู่กับที่ก็ควรที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง ชุดเครื่องแบบนักเรียนก็เช่นกัน
โดยส่วนตัวผู้เขียนเป็นเด็กบ้านนอกผูกพันกับชุดเครื่องแบบนักเรียนมาตลอดชีวิต และเป็นชุดที่ใส่ถ่ายรูปในวัยเด็กแล้วนำมาอัดขยายเพื่อติดไว้ฝาบ้านด้วยความภาคภูมิใจ เป็นชุดหรูที่ใส่ไปได้ทุกงาน
สำหรับคนที่มีฐานะยากจนหรือรายได้น้อย รูปทุกรูปที่มีเกือบทั้งหมด เป็นรูปชุดเครื่องแบบนักเรียน นั้นคือเหตุการณ์ที่นานมาแล้ว แต่ปัจจุบันหลายอย่างมันเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงการที่จะให้เด็กรุ่นใหม่คิดเหมือนเราคงจะเป็นไปไม่ได้
ถ้าเหตุการณ์ในวันนี้เรามองอย่างใจเย็นและรับฟัง เราอาจจะได้มองเห็นในสิ่งที่คนรุ่นใหม่คิด 135 ปี ผ่านมาแล้วที่เรายังสวมเครื่องแบบนักเรียนเหมือนเดิม อาจจะลองหาจุดลงตัวที่เหมาะสม เช่น สวมชุดเครื่องแบบนักเรียนเฉพาะวันจันทร์ของทุกสัปดาห์ เหมือนข้าราชการ นอกนั้นก็เป็นชุดต่างๆ ตามความเห็นของนักเรียน โรงเรียนและผู้ปกครอง ก็อาจจะเป็นได้
ที่ผ่านมาเราพยายาม สอนให้เด็ก คิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็น แต่เมื่อเด็กคิดแล้วเราทำไมไม่รับฟัง การปิดประตูความคิดไม่ใช่สิ่งที่ดี เปิดใจรับฟัง หาความต่าง หาความเหมือน หาจุดลงตัว คงจะเป็นหนทางที่ดีสำหรับทุกคน
สุดท้าย อย่าลืมว่า คนที่ปฏิวัติล้มล้างรัฐธรรมนูญ ก็คือคนที่สวมเครื่องแบบทุกวันนี้