ไลฟ์สไตล์

หนึ่งวัน...ที่สะหวันนะเขตก่อนตะวันลับฟ้าริมฝั่งแม่น้ำโขง

หนึ่งวัน...ที่สะหวันนะเขตก่อนตะวันลับฟ้าริมฝั่งแม่น้ำโขง

24 ม.ค. 2553

การเดินทางไปลาวครั้งแรกของฉัน เป็นการติดตามรุ่นพี่ที่ไปทำธุรกิจในเวียดนาม คณะที่ฉันตามไปจะข้ามแดนฝั่งไทยจากมุกดาหาร และขับรถไปทางชายแดนลาว มีจุดหมายคือข้ามไปเมืองเว้ ประเทศเวียดนาม

 เมื่อคณะมาถึงด่านที่จะผ่านจากมุกดาหาร เพื่อเข้าสู่เมืองสะหวันนะเขต ประเทศลาว  ฉันเป็นคนเดียวที่ไม่มีพาสปอร์ต จึงเข้าเวียดนามไม่ได้ เหมือนโดนใบสั่งให้อยู่แค่ในสะหวันนะเขต แต่นั่นทำให้ฉันพบเรื่องราวก่อน ตะวันลับฟ้าริมฝั่งแม่น้ำโขง... ที่สะหวันนะเขต

 สะหวันนะเขตห่างจากมุกดาหาร อุบลราชธานี และจังหวัดใกล้ๆ แค่แม่น้ำโขงกั้น เพียงข้ามพรมแดนไทย สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2 จึงมีคณะทัวร์มากมายเข้ามาทางแขวงสะหวันนะเขตเพื่อท่องเที่ยว โดยใช้เส้นทางจากมุกดาหาร ผ่านเข้าทางสะหวันนะเขต ผ่านเซโปน ข้ามด่านลาวบาว ซึ่งเป็นเขตพรมแดนลาว ไปยังเมืองเว้ เมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรมของเวียดนาม

 ฉันตื่นขึ้นมาตอนเช้า คงต้องหาอะไรทำในหนึ่งวันอันยาวนาน เริ่มต้นด้วยการฆ่าเวลาไปห้องสปาในโรงแรม เลือกคอร์สนวดที่น่าสนใจ

 คุณแพท ผู้จัดการสปาของโรงแรมแนะนำรายการเมนูนวดหน้า นวดตัว และลงมือนวดให้ฉันด้วยตัวเอง เราสนทนากันไปเรื่อยๆ ในระหว่างนวด คุณแพทถามฉันว่า "มากี่วัน มาทำอะไร" ฉันตอบไปว่า "ติดตามพรรคพวกมาเที่ยว แต่ตอนนี้ทุกคนไปเวียดนาม"

 ฉันวางแผนจะเช่าสามล้อหน้าโรงแรมไปเที่ยวรอบเมืองสะหวันนะเขต  แต่คุณแพทบอกว่าสามล้อคิดราคานักท่องเที่ยวไม่ยุติธรรมนัก แพงเกินไป จึงอาสาพาฉันเที่ยวเอง ฉันค่อนข้างเกรงใจ แต่คุณแพทดูเต็มใจมากๆ และนัดฉันให้มารอที่หน้าโรงแรมตอนบ่ายสอง

 จุดหมายแรกของเรา คือ ร้านค้าปลอดภาษี คุณแพทแนะนำให้ฉันลองดื่มกาแฟลาวยี่ห้อ Dao ซึ่งเป็นที่นิยมของคอกาแฟ  รสชาติดีสมคำร่ำลือ จากนั้นก็ไปชมตลาดนัดสิงคโปร์ โทรศัพท์มือถือมาจากจีนราคาถูกมาก

 หลังจากนั้น คุณแพทขับรถออกนอกเมืองไปอีก 13 กิโลเมตร เพื่อพาฉันไปนมัสการ พระธาตุอิงฮัง พระธาตุแฝดของพระธาตุพนมในบ้านเรา  ระหว่างทาง เราแวะซื้อของไหว้พระธาตุจากร้านข้างทาง  เด็กน้อยน่ารักมาช่วยแม่และพี่สาวช่วงโรงเรียนเลิก ขายพุ่มดอกไม้ถวายพระ ชุดนักเรียนของเด็กๆ ชาวลาวเป็นเสื้อสีขาว นุ่งผ้าซิ่นและเกล้าผม

 คุณแพทเล่าว่า ผู้หญิงจะไม่ตัดผม ยังคงปล่อยผมยาวแล้วเกล้าเป็นมวย คงเหมือนต้นไม้ใหญ่สองข้างทาง เพราะคนที่นี่จะไม่ตัดต้นไม้ ปล่อยให้เจริญเติบโตไปเรื่อยๆ

 คุณแพทขับรถพาฉันมาถึง พระธาตุอิงฮัง  ก่อนเข้าไปในบริเวณพระธาตุ ฉันกับคุณแพทต้องสวมผ้าซิ่นทับกางเกงอีกหนึ่งชั้น  ผู้หญิงจะเข้าไปสักการะพระธาตุได้ ต้องนุ่งผ้าซิ่นหรือผ้าถุงเท่านั้น  และสำหรับผู้ที่ไม่มีผ้าซิ่นมา จะมีผ้าซิ่นไว้บริการก่อนเข้าไปด้านใน

 พระธาตุอิงฮัง เป็นเจดีย์สี่เหลี่ยมย่อมุมเหมือนปราสาท หน้าทั้งสี่ขององค์พระธาตุมีลวดลายต่างกันทั้ง 4 หน้า เชื่อว่าความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระธาตุ สามารถดลบันดาลให้ประสบผลสำเร็จได้ทุกเรื่อง... คุณแพทอธิษฐานเสียงดังเผื่อฉันไปด้วยเลย

 ระหว่างทางเราคุยกันเรื่องกาสิโน สะหวัน เวกัส ที่คุณแพททำงานอยู่ เจ้านายคุณแพทเป็นอเมริกัน คนส่วนใหญ่ที่มากาสิโนจะเข้าใจตรงกันว่า...ไปทำบุญที่วัดช้างใหญ่ ฉันขำมากมายกับคำว่า...วัดช้างใหญ่

 เจ้าของสะหวัน เวกัส ชื่นชอบช้างเอามากๆ ในโรงแรมจะเต็มไปด้วยรูปปั้นช้าง แปะติดเสาทุกต้น กำแพงก็ล้วนแต่รูปช้าง นอกโรงแรมยิ่งแล้วใหญ่ ช้างใหญ่เฝ้าหน้าอาคารกาสิโนเต็มไปหมด คนที่มากาสิโนเลยมีศัพท์สวยหรูดูดีว่า... ไปทำบุญที่วัดช้างใหญ่

 ฉันคิดว่า เป็นคำพูดที่เป็นลางเสียจริง ไปทำบุญบริจาค ก็หมายถึงต้องเสียตลอด แล้วจะมาเสี่ยงดวงกันทำไม มีกี่ครั้งเชียวที่จะได้บุญติดตัวกลับออกไป

 ระหว่างกลับมาโรงแรม คุณแพทถามว่าจะไปไหนต่อ  ฉันบอกว่า อยากไปริมฝั่งโขงและไปดูบ้านเก่าๆ แถวโบสถ์คริสต์  คุณแพทต้องเข้าไปทำงานต่อและบอกให้ฉันเอารถไปใช้ ฉันอึ้งๆกับน้ำใจไมตรีเหลือเกิน เลยแบ่งรับแบ่งสู้ไปจนถึงโรงแรม

 คุณแพทบอกว่าขับรถที่นี่ไม่เหมือนฝั่งไทย นอกจากขับรถเลนขวาแล้ว ให้ระวังเจ้าถิ่นที่นี่หน่อย  เพราะคิดจะข้ามถนนก็ข้าม เดี๋ยวจะไปตำเขาเข้า
 ฉันงงๆ ใคร...เจ้าถิ่น อะไร...คือไปตำ คุณแพทบอกว่าเจ้าถิ่นก็คือวัว คือแพะ ข้างทางนั่นแหละ  ขับรถไปตำ ก็คือขับรถไปชน  

 ฉันแยกกับคุณแพทก็ออกไปหน้าโรงแรม หาสามล้อเข้าไปในเมือง ก่อนออกไป แวะบอกคุณแพทว่าคงไม่ออกไปไหนแล้ว และขอบคุณมากเรื่องรถ
จากนั้นฉันก็เดินลิ่วไปหน้าโรงแรมขึ้นรถสามล้อ บอกที่หมายเสร็จสรรพ

 สามล้อพาฉันมาหน้าโบสถ์เซนต์เทเรซ่า ซึ่งรอบๆ บริเวณก็มีบ้านเก่าแบบฝรั่งเศส แต่ถึงจะเก่า ก็ยังพอมองเห็นรอยอดีตที่ยังมีเค้าความงดงาม

 ฉันเดินเล่นในซอยบ้านเก่าอยู่พักใหญ่ ก็เริ่มหิวตาลาย คนขับสามล้อชื่อดิษฐ์ คอยขับตามฉันที่เดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ และเขาสุภาพมาก ฉันให้เขาพาฉันไปหาอะไรทานที่ร้านอาหารที่เล็งเอาไว้แล้วก่อนมาเดินแถวๆ โบสถ์ ร้านอาหารน่ารักน่านั่ง เมนูอาหารน่าทานไปหมด อีกครึ่งชั่วโมงให้หลัง  ฉันตั้งใจจะไปถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกดินที่สะพานมิตรภาพไทย-ลาว

 ร้านอาหารสไตล์ฝรั่งเศสร้านนี้บรรยากาศดี อาหารอร่อย ฉันสั่งเครฟกับไอศกรีม ขนมปังกรอบๆ ทาเนยหอมๆ และน้ำผลไม้รวมๆ กัน  เจ้าของร้านมีลูกสาวฝาแฝดน่ารัก มาเล่นอยู่กับฉันไม่ยอมห่าง
 
 เห็นฉันถือกล้องถ่ายรูปก็อยากเป็นนางแบบถ่ายบ้าง  เลยแข่งกันโพสท่าน่ารัก คุณพ่อทำอาหารอยู่หลังร้าน ลูกสาวมาต้อนรับลูกค้าแทน แต่ถึงจะน่ารักยังไง ฉันก็ต้องรีบไปให้ทันพระอาทิตย์ตกดิน ดิษฐ์ขับสามล้อมารอหน้าร้านตรงเวลา

 ฉันเลยได้ภาพแม่น้ำโขงยามพระอาทิตย์ตกดินสวยอย่างที่เห็น

www.oknation.net/blog/pukpik