ไลฟ์สไตล์

"ปาท่องโก๋" กรอบนอกนุ่มในและความเสี่ยง

"ปาท่องโก๋" กรอบนอกนุ่มในและความเสี่ยง

08 ก.ค. 2564

ข้อมูลของศูนย์สารนิเทศทางอาหาร   สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร  อ้างอิงถึงอาหาร  10 อย่าง ที่ไม่ควรกินมากเกินไป ในจำนวนนี้ มี"ปาท่องโก๋" รวมอยู่ด้วย


“ ปาท่องโก๋”  กรอบนอกนุ่มใน  เหมาะกับทานคู่กับน้ำเต้าหู้,เครื่องดื่มร้อน หรือ กระทั่งโจ๊ก  เป็นเมนูขั้นพื้นฐานในเวลาเช้า   อย่างไรก็ตาม “ปาท่องโก๋” นอกจากความอร่อยแล้ว  แต่ก็ยังมีภัยของอาหารแฝงอยู่  ความอันตรายในอาหารทอดชนิดนี้  ไม่ได้อยู่ที่ส่วนผสมหรือ แป้งที่นำมาเป็นวัตถุดิบแต่อย่างใด  เพราะถึงแม้ว่าการทานแป้งจะทำให้อ้วน   แต่ในกระบวนการแล้วโรคอ้วน ถูกกำจัดออกไปได้ด้วยการออกกำลังกาย

 

อันตรายของ “ปาท่องโก๋” อยู่ที่ “น้ำมัน” ที่ใช้ในการทอดและการทอดซ้ำ    ในการทำการค้า  การควบคุมต้นทุนคือหัวใจสำคัญ   ดังนั้นการทอดอาหารเพื่อขาย จึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยากว่าจะไม่ใช้น้ำมันเดิมนำกลับมาทอดซ้ำ   มีข้อมูลงานวิจัยที่ทำการสำรวจพฤติกรรมการใช้น้ำมันทอดซ้ำ  พบว่า มีการใช้น้ำมันทอดซ้ำโดยที่ไม่มีการเติมน้ำมันใหม่ถึงร้อยละ 65 และส่วนใหญ่มีการทอดซ้ำมากกว่า 30 ครั้ง  

 

ดังนั้นการจะซื้อ "ปาท่องโก๋"ที่ไม่ทอดน้ำมันซ้ำ หรือไม่มีการหมุนเวียนน้ำมันกลับมาใช้ใหม่ จึงน่าจะเป็นเรื่องยาก  ข้อมูลที่น่าสนใจอีกด้านหนึ่งก็คือ  ที่มาของโรคความดันโลหิตสูง , โรคหลอดเลือดหัวใจและสมองตีบ, โรคหัวใจวาย, โรคอัมพฤกษ์  และ โรคมะเร็ง ปัจจัยหนึ่ง เกิดจากพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ใช้น้ำมันทอดซ้ำ

 

 

การใช้น้ำมันในการทอดอาหาร ในขณะที่น้ำมันถูกดัดแปลงรูปร่าง หลังจากผ่านการให้ความร้อนสูงเป็นเวลายาวนาน ทำให้โครงสร้างของน้ำมัน  ถูกบิดไปเป็นสารประกอบที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เช่น "สารโพลาร์" สารประกอบที่เป็นสาเหตุของโรคความดันโลหิตสูงและหลอดเลือดหัวใจตีบ

 

 

 ‘สารโพลีไซคลิก อะโรมาติก ไฮโดรคาร์บอน (PAH)’ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง โดยหากเป็นสาร PAH ไม่ได้มีอันตรายแค่เพียงการรับประทานเท่านั้น แต่การได้รับไอระเหยของน้ำมันที่เสื่อมสภาพก็มีโอกาสได้รับสารก่อมะเร็งอยู่ด้วยเช่นกัน  ผู้สูดดมไอระเหย  จึงเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง ไม่ต่างไปจากการการรับประทานอาหารที่ใช้น้ำมันทอดซ้ำ

 

 

เพื่อเลี่ยงโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรค การพยายามเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ใช้น้ำมันทอดซ้ำให้น้อยลงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ คือการลดปริมาณการสะสมสารอันตรายดังกล่าวจากอาหารที่ใช้น้ำมันทอดซ้ำนั่นเอง  การเลือกร้านที่ใช้น้ำมันที่ดูสะอาด และสีเหลืองใส  อาจจะสร้างความมั่นใจได้ว่า    ปาท่องโก๋  ที่รับประทานเข้าไปมีความปลอดภัยจากการใช้น้ำมันคุณภาพดีที่   

 

\"ปาท่องโก๋\" กรอบนอกนุ่มในและความเสี่ยง

 

 

 

 

 

ไม่ใช่แต่"ปาท่องโก๋"เท่านั้นที่จะต้องระวังเรื่องน้ำมันที่ใช้  อาหารประเภทอื่นๆที่จำเป็นต้องใช้น้ำมันทอดในปริมาณมาก ก็ล้วนเสี่ยงต่อการวนเอาน้ำมันกลับมาทอดซ้ำเช่นกัน   อาหารเหล่านี้ จึงถือเป็นอาหารที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายจากน้ำมันไม่ต่างกัน   ข้อมูลจาก กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข โดย นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์    ระบุว่า

 

\"ปาท่องโก๋\" กรอบนอกนุ่มในและความเสี่ยง

 

 

ปาท่องโก๋เป็นอาหารที่มีแป้งสูง และผ่านกระบวนการทอดด้วยน้ำมัน ใช้ความร้อนสูง ทำให้มีโอกาสที่จะพบสารอะคริลาไมด์ ซึ่งเกิดจากปฏิกิริยาระหว่างกรดอะมิโนชนิดแอสพาราจีนกับน้ำตาลรีดิวซิง เช่น กลูโคสและฟลุคโตสที่อุณหภูมิเกินกว่า 120 องศาเซลเซียส หรือใช้เวลาในการปรุงอาหารนานเกินไป จนอาหารมีความชื้นต่ำ ปฏิกิริยานี้มีชื่อว่า Maillard reaction มีผลให้อาหารมีสีน้ำตาล โดยมีรายงานการศึกษาด้านพิษวิทยา พบว่าถ้าได้รับปริมาณมากมีพิษต่อระบบประสาท จัดเป็นสารในกลุ่มที่อาจก่อมะเร็ง

 

 

เพื่อความปลอดภัยและเป็นการรักษาสุขภาพ ไม่ควรรับประทานปาท่องโก๋ต่อเนื่องติดต่อกันเป็นประจำทุกวัน ในกรณีที่รับประทานปาท่องโก๋เป็นอาหารเช้า ควรหาอาหารที่มีโปรตีน เช่น ไข่ดาวหรือไข่ต้ม เพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานโปรตีนจากอาหารอื่นเพิ่มเติมไปด้วย และที่สำคัญก่อนซื้อควรดูว่า ผู้ขายใช้น้ำมันทอดเป็นสีดำหรือไม่  ถ้าเห็นว่าน้ำมันเป็นสีดำเข้ม ควรเปลี่ยนไปซื้อจากร้านอื่น

 

 

\"ปาท่องโก๋\" กรอบนอกนุ่มในและความเสี่ยง

 

ขอขอบคุณเนื้อหาจาก :
สุขภาพน่ารู้.com

 

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง